บรู๊ค ดนุพร เผยอาการก้อนเนื้อที่ต่อมไทรอยด์ล่าสุด บรู๊ค ดนุพร ปุณณกันต์ โล่งอกก้อนเนื้อที่ต่อมไทรอยด์ไม่ใช่เนื้อร้าย เผยอาการดีขึ้นรอรีเช็คอาการอีกครั้งช่วงต้นปี รับเปิดร้านไอศกรีมเพราะป่วยหวั่นครอบครัวลำบาก เมื่อไม่นานมานี้ “กบ” สุวนันท์ คงยิ่ง ได้โพสต์ภาพตัวเองและลูกๆ มาเยี่ยม “บรู๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ สามีถึงเตียงโรงพยาบาลพร้อมข้อความว่า
“พวกเรามาให้กำลังใจคุณพ่อค่ะ หายไวๆ นะค้า คุณพ่อ” ก่อนจะโพสต์ภาพสามีและลูกๆ พร้อมข้อความ “พ่อบรู๊คผ่าตัดก้อนเนื้อที่ต่อมไทรอยด์นะคะ…ได้กำลังใจดีจากทั้งครอบครัว โดยเฉพาะ2แสบนี่ค่ะ ยังเจ็บมากและพูดละบากนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง และขอคุณทุกๆ คำอวยพรด้วยนะคะ #คุณพ่อสู้ๆ #หายไวๆนะค้า”
ล่าสุดทาง “บรู๊ค”ได้ออกมาเผยถึงอาการของเจ้าตัวว่า…
“ผมไปผ่าตัดเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว ที่ผ่าตัดเพราะผมไปเจอก้อนเนื้อที่ไทรอยด์ ตรงคอ คือผมไปตรวจเจอโดยบังเอิญ คือเราไปตรวจสุขภาพประจำปีปกติ ก็เจอก้อนเนื้อพอเอ็กซเรย์ดูแล้วมันก็โตขี้น หมอก็เลยแนะนำว่าไม่ควรปล่อยไว้ เพราะกลัวว่าในอนาคตมันกลายเป็นมะเร็ง เราก็เลยต้องผ่า วิธีการผ่ามี 2 แบบคือ 1 เปิดตรงคอและถลกหนังขึ้นมา ส่วนวิธีที่ 2 คือการส่องกล้อง ผมเลือกส่องกล้องเพราะคิดว่าแผลน่าจะเล็กแต่กลายเป็นว่ามันคือการผ่าตัดใหญ่ทั้ง 2 วิธี
เพียงแต่วิธีส่องกล้องเราจะไม่เห็นแผล วิธีง่ายๆ คือเจาะตรงคาง 3 รู และใส่กล้องใส่เครื่องมือและทะลวงคอเอาก้อนเนื้อออกมา เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมก็เลยยังเงยคอไม่ได้ คอยังบวม แต่ที่เห็นไม่ชัดอาจจะเป็นเพราะผมอ้วนด้วยและบริเวณตรงมันเป็นพังผืด แก้มก็จะอิ่มๆ หน่อย (ยิ้ม)
ตอนนี้ก็ผ่าตัดมา 2 เดือนแล้วไม่ต้องดูแลอะไร ตอนแรกทีต้องดูแลคือเราต้องบริหารเพราะมันจะเป็นพังผืด โชคดีที่ผมไม่ต้องกินฮอร์โมน ตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าร่างกายยังไม่แข็งแรง คือป่วยง่าย เพราะต่อมไทรอยด์เราโดนเอาออกไปครึ่งหนึ่ง แต่โชคดีที่เราเอาออก เพราะตอนเอ็กซเรย์มีแค่เซ็นเดียว แต่พอผ่าไปจริงๆ มันเป็นไส้กรอกข้างใน มันยาว ตอนผ่าเสร็จใหม่ๆ หน้าบวมมาก คางนี่บวมเป็นคางทูมเหมือนผ่าฟันคุดเลย แรกๆ ก็มีปัญหาเพราะทานข้าวลำบาก เพราะเส้นประสาทนั้นโดนตัด นั่งๆ น้ำลายไหลไม่รู้ตัว เราก็ตกใจว่าเราจะเป็นอะไรหรือเปล่า หมอก็บอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติเพราะเราโดนเจาะเส้นประสาท ตอนนี้ถ้าจับที่คางก็ยังไม่รู้สีก เอาลิ้นดุนๆ มันยังชาอยู่ ถามว่ามันจะหายขาดไหม มันก็ต้องใช้เวลา หมอบอกว่าใช้วเลา 4-5 เดือน แล้วก็ต้องไปรีเช็คโดยการเอ็กซเรย์อีกครั้งหลังผ่าตัด 6 เดือน ว่าเจอไม่เจอ หลังผ่าก็ยังไม่เจอปัญหาอะไรนะ”
ถามต่อว่าเมื่อตรวจเจอครั้งแรกกังวลอะไรบ้าง ผู้จัดลูก 2 แจงว่าว “กลัวมาก เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเป็นเนื้อร้ายหรือเปล่า คือตอนนั้นหมอให้เรารอ 2 เดือนถ้ามันโตขึ้นก็ให้ไปเจาะ เจาะก็จะรู้ทันทีเลยว่าเนื้อร้ายหรือเปล่า ถ้าเป็นเนื้อร้ายก็รักษา ถ้าไม่ร้ายก็ค่อยมาว่ากัน ตอนที่ไปเจาะผมก็ไปคนเดียว ไม่ได้บอกใครด้วย คือผมไม่อยากให้น้องกบ (สุวนันท์) เป็นห่วง ก็คิดว่าไม่เป็นไร ทราบผลแล้วค่อยว่ากัน ปรากฎว่าต้องเข้าห้องผ่าตัดเลย หมอก็ฉีดยาชา ตอนนั้นก็ปวดสุดฤทธิ์ คือหมอเอาเข็มจิ้ม ตอนแรก็จิ้มไม่โดนเพราะมันเล็กมาก จิ้มจนปวดคอ พอเจอปุ๊บ หมอก็บอกว่ายังไม่ใช่เนื้อร้ายแต่ก็ไม่ควรเก็บ (มาบอกกบตอนไหน) คือผมก็บอกแต่แรกแล้วล่ะว่าเจอ แต่ตอนไปตรวจไม่ได้บอกเขาแค่นั้นเอง พอไปตรวจเสร็จก็กลับไปบอกเขาว่าไปตรวจแล้วนะ หมอบอกว่าไม่ใช่แต่หมอบอกให้เอาออกเถอะ เขาก็บอกให้เอาออก ถัดมาอีก 1 อาทิตย์ก็ผ่าเลย ตอนแรกเราก็คิดว่าเล็ก พอไปเจอสถานการณ์จริงมันเป็นเรื่องใหญ่มาก คุณหมอบอกผมว่าคุณบรู๊คไม่ต้องห่วงนะ เราใช้ยานอนหลับ ตอนที่ผ่าตัดคุณบรู๊คหายใจเองไม่ได้นะอาจจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจคือ เราก็คิดว่าไม่ต้องบอกก็ได้นะ (ยิ้ม) แต่คุณหมอเขาก็อธิบายให้ฟังว่าเขาฉีดยาตรงไหล่ ตอนนั้นไหล่เราก็จะระบมมาก ที่เขาฉีดยาเพราะไม่อยากให้เรากระตุกเพราะต้องใส่เครื่องมือไปที่คอ เขาก็กลัวว่าถ้าร่างเรากระตุกแล้วไปโดนนู่นโดนนี่จะมีปัญหา
สิ่งที่กลัวคือกลัวเสียงหาย เพราะบางคนทำแล้วมีเอฟเฟคคือเสียงจะหายไป 3 เดือน ซึ่งผมโชคดีที่เสียงไม่หาย แต่ร้องเพลงไม่ได้ ตะโกนไม่ได้ ใช้เสียงสูงไม่ได้ กินของเผ็ดไม่ได้ เวลาไอ จาม ก็ต้องเบาๆ ซึ่งมันก็ทำยากมาก แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้ก็ออกกำลังกายเบาๆ และดูแลตัวเองมากขึ้น ตอนนี้ก็หันมาทำธุรกิจอย่างที่เห็นตอกจากผมจะทำงานเป็นผู้ผลิตแล้ว ตอนนี้ก็มีทำธุรกิจหลายตัว มีทั้งอสังหา มีรีสอร์ทเป็นโรงแรมเล็กๆและเดือนหน้าผมก็จะทำร้านไอศกรีม ทำกับน้องกบและลูกๆ ขายที่เซ็นทรัลเวิล์ด ต้องยอมรับเลยว่าธุรกิจนี้เกิดขึ้นช่วงที่ผมไม่สบาย พอเราไม่สบายเราก็คิดว่าใครจะทำงานเลี้ยงครอบครัว ช่วงที่หมอบอกให้มอนิเตอร์ ผมทำงานหนักมาก ร้านไอศกรีมเกิดช่วงที่ผมไม่สบาย เราไม่คิดว่าเราจะเป็นอะไรนะ เราคิดแค่ว่าถ้าเกิดเจอเนื้อร้ายแล้วต้องรักษา คือเราเคยเห็นเคสแบบนี้เพราะพ่อผมเป็นหมอ ก็พอจะรู้ว่าถ้ารักษาแล้วร่างกายจะอ่อนแอ มันทำงานเหมือนปกติไม่ได้ ดังนั้นก่อนที่ผมจะรู้ตัวผมบ้านทำงานมาก ก็ขอกบว่าขอเวลากักตุนการทำงานก่อน ทุกวันจะออกจากบ้าน 9 โมง กลับบ้าน 3 ทุ่มบ้าน 4 ทุ่มบ้างเกือบทุกวัน ทำโปรเจกท์ต่างๆ ให้มันไปให้ไกลที่สุด ซึ่งเรารู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งเราต้องหยุดรักษาตัวจริงๆ ธุรกิจของเรามันก็จะดำเนินไปได้ นี่แหละ ธรรมชาติของชีวิต พอเราอายุมากขึ้นก็เจอโรค ก็ต้องรักษาไป” บรู๊ค กล่าว
by TVPOOL ONLINE