เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
ทำเอาแฟนคลับตกใจและอดเป็นห่วงไม่น้อย สำหรับ เปิ้ล นาคร ศิลาชัย หลังจากเจ้าตัวโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับอาการป่วยล่าสุดจนทำให้ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นการด่วนโดย เปิ้ล นาคร โพสต์ระบุว่า “หูดับเฉียบพลัน” ไม่ทราบสาเหตุ คุณหมอบอกภายใน 7 วันหากรักษาไม่หายหูก็จะไม่ได้ยินไปตลอดชีวิต ขออนุญาตหยุดทำการทุกสิ่ง 7 วันนะคับทุกคน”
ล่าสุด เปิ้ล นาคร ศิลาชัย ออกมาบอกแล้วว่า” ก็เพิ่งสรุปผลมาเมื่อไม่กี่วัน คุณหมอบอกว่าตอนนี้หูกลับมาเป็นปกติร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งเราอยู่ 1 ใน 50 เปอร์เซ็นต์ ที่อีกครึ่งหนึ่งเนี่ย ไม่หาย จากที่เราอยู่ในโรงพยาบาล ไปกลับ 20 วัน เราเห็นเลยว่าคนไม่หายครึ่งหนึ่ง เรามีความรู้สึกว่ามันเหมือนคนต้องตาบอดข้างหนึ่ง ถ้าคนไม่เป็นไม่รู้ นึกว่าหูดับก็แค่หูไม่ได้ยินแล้วยังไง มันเหมือนคนตาบอด การเดินมันเซ คนเรียกข้างหนึ่งหันไปข้างหนึ่ง ตอนนี้ไม่ต้องให้ออกซิเจนแล้ว แล้วไปตรวจมาก็กลับไปเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่มันเหมือนแผลเพิ่งหาย เพราะฉะนั้นเวลาเราไปที่เสียงดัง อย่างเช่นในงานอีเวนต์ ในสนามแข็ง เสียงเรือเบิ้น หรือว่าไปผับ หรือว่าภรรยา ต้องระวัง คุณหมอบอกว่าสาเหตุมันวิเคราะห์ไม่ได้ ว่าโรคนี้เกิดจากอะไร เหมือนพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ คิดดูเส้นเลือดในสมองแตก แต่อันนี้คือเส้นเลือดที่มันไปเลี้ยงประสาทหูมันตีบ ซึ่งวิเคราะห์หาสาเหตุไม่ได้ แต่เราคิดว่าน่าจะมาจากภรรยา(หัวเราะ) เพราะว่าพอดังปุ๊บ มันปรี๊ดเข้ามาเลย แต่ทีนี้มันหายแล้ว แต่เวลาเราได้ยินเสียงดังมันจะเจ็บ มันเจ็บแล้วมันก็จะแสบนิดๆ ก็เลยจะต้องมีเครื่องช่วย เป็นเครื่องกรองเสียง เวลาพูดได้ยิน แต่เวลามีเสียงอัดมาดังๆ มันจะเซฟกรองให้เลยหมอห้ามเล่นกีฬาหนักๆ หรืออะไรที่มันเสี่ยง ซึ่งเราก็บอกคุณหมอว่า คนละทางแล้วหมอ เราเชื่อหมอทุกอย่างเลยนะ ยกเว้นเรื่องนี้ ทุกวันนี้ก็เดี๋ยวจะเริ่มซ้อมเจ็ตสกีแล้วครับ เพราะว่าเตรียมตัวแข่งงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยเรา คืองานเจ็ตสกีเวิร์คคัพที่พัทยา งานนี้ไม่แข่งไม่ได้ ต่อให้หมอมาที่สนาม แล้วก็มาไล่เรากลับ หมอก็คงจะมีเรื่องกับเรา”

คุณหมอห้ามเล่นเจ็ตสกีแต่เราก็ยังเล่น แบบนี้กลัวไหมว่าอาการมันจะกลับมาอีก ? “ก็ห้ามไม่ได้หรอกครับ ผมก็ยังต้องแข่งอยู่ เพียงแต่การออกกำลังกายก่อนที่จะไปแข่ง ก่อนหน้านี้ผมออกหนักมาก ผมคิดว่าตัวเองยังเจ๋งอยู่ กล้ามเนื้อมาเป็นมัด จากนี้ผมก็คงต้องลดลงบ้างแล้ว ถนอมร่างกายให้มากกว่านี้ ส่วนเรื่องแข่งก็ยังแข่งอยู่ เพราะไม่มีอะไรมาห้ามสิ่งที่ผมรักได้” ถ้าเราทำในสิ่งที่รัก แต่มีโอกาสกลับไปเป็นแบบ 50:50 เราพร้อมเสี่ยงไหม ? “คิดว่ามันไม่เสี่ยงหรอก เพราะว่าการแข่งกีฬาถ้าเราออกกำลัง ทำงาน นอนหลับพักผ่อน และใช้ชีวิตให้พอดี มันก็ยังเล่นกีฬาได้อยู่เหมือนกันครับ แต่ถ้าเราใช้ร่างกายเกินลิมิตเพื่อที่จะเอาชนะอย่างเดียว อันนั้นแหละอาจจะเกิดอาการนี้กลับมาอีกครั้งได้ ตอนนี้เราคิดว่าการเล่นกีฬาเป็นกุศโลบายในการบริหารลมหายใจดีกว่า ทำให้มีลมหายใจให้นานที่สุดเพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่เรารักให้นานที่สุด” ภรรยาเข้าใจเรามากขึ้นไหม เพราะเหมือนเขาเองก็เป็นห่วง ? “เข้าใจมากเลยครับ เขาบอกเสมอว่าทำอะไรก็ได้ แต่พี่เปิ้ลห้ามตายนะ ส่วนเรื่องเล่นเจ็ตสกีเขาก็ไม่ได้ห้าม เพราะการแข่งขันสำหรับผมตอนนี้ ผมก็คงจะไม่ได้ฟิตหรือซ้อมหนักเพื่อที่จะเอาชนะอะไรขนาดนั้น แต่ผมขอแค่ได้แข่งก็พอใจแล้ว ขอแค่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะเราอยากให้ลูกเห็นเราเป็นนักกีฬา อยากให้เขามีจิตใต้สำนึกของการเป็นนักกีฬาในการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป”