เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

หลังจากที่หายอาการป่วย เมฆ วินัย ไกรบุตร หายดีแล้ว อาการดีขึ้นมาก แข็งแรงขึ้นและก็เริ่มมีการฝึกออกกำลังกายเนื่องจากยาที่รับประทานไปเป็นสเตียรอยทำให้กล้ามเนื้อลีบ และกระทบกับตับไต เท่าที่เห็นในงาน บาดแผลภายนอกของเขาก็ดูดีขึ้น เมฆเองก็สดใสและบอกว่าไร้กังวล ขอบคุณทุกๆกำลังใจและทุกความเชื่อของทุกคน

ตอนนี้สุขภาพเป็นยังไง

พอผมกลับมาเป็นครั้งที่สองที่สาม ทุกคนก็บอกว่าดื้อ ซ่า แต่จะให้ผมนอนนิ่งๆ ผมก็อยู่ไม่ได้ ผมก็พยายามช่วยตัวเองด้วยการออกกำลังกาย จะได้มีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น มันก็มีเหตุผลว่าทำไมถึงมีตุ่มขึ้น สภาพแย่ ถอยหลังไปอีก

หลายคนอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

เป็นตุ่มก็ยังต้องทำงาน ไหนจะลูก เมีย เหตุผลที่ดีดกลับ เพราะไปเจอมา 3 น้ำ น้ำบาดาล น้ำสระ แล้วก็น้ำทะเล หมอก็ตกลงคุณแพ้น้ำอะไร เขาก็ไม่รู้ ขึ้นมาเห่อแดงเป็นแผ่น ตามแขนขาก้นหลัง อีกอันคือเป็นเคสกรณีศึกษาสำหรับชาวบ้านที่กำลังฟังอยู่ เราเป็นตุ่มน้ำพอง เราจะกินสเตียรอยด์ สมมติวันนี้ผมกิน 2 เม็ด พรุ่งนี้กิน 1 เม็ดสลับกันไป จริงๆ 2 เดือนที่แล้วผมก็วิ่งมา 21 กิโลแต่ไม่ขึ้น เท้าก็ไม่เป็นไร บังเอิญผมไปวิ่งเร็ว การที่เราวิ่งเร็วขึ้นมันมีผล ทำให้สเตียรอยด์ที่เคยกดตุ่มน้ำพองอยู่ มันไม่พอมันไปใช้ในการวิ่ง ตุ่มเลยดีดขึ้น

วิ่งได้ แต่วิ่งช้าๆ การนอนมากๆ ไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลย ถามหมอได้เลย นอกนั้นคุณต้องไปออกกำลังเพื่อสร้างภูมิ แล้วยาทำให้ง่วงตลอดเวลา ถ้ากินยาแล้วคุณนอนทั้งวันทั้งคืน คุณนอนก็คัน แต่พอไปออกกำลัง ไปวิ่งให้เหงื่อออก เหมือนมีสารหลั่งความสุข ไม่ได้พูดเอง ผมไปวิ่งบ่ายสามนะ กลับมาหลับฝันดี ไม่คัน แต่พอจะหยุดวิ่ง พักผ่อน คันตั้งแต่ 8 โมงเช้ายันเที่ยงคืน

แพ้ 3 น้ำ น้ำทะเล น้ำบาดาล น้ำสระ คือยังไง

มันกระตุ้นครับ มันไม่ใช่ตุ่มน้ำพอง มันขึ้นแดงทั้งตัว เป็นวงใหญ่ ตุ่มไม่ใช่กลางๆ กลายเป็นเท้าบวมเดินไม่ได้ เท้าอักเสบ นิ้วมือก็ขึ้นเม็ดเล็กๆ นิ้วเท้าก็ขึ้นเม็ดเล็กๆ พอเราเอาน้ำออก มันก็อักเสบเป็นแผล ก็อดวิ่งเลย

สาเหตุของโรค คุณหมออธิบายมั้ย

ไม่มีใครอธิบายได้ หมอเองก็ไม่รู้สาเหตุคืออะไร ผมก็เลยไม่สามารถบอกคนอื่นได้ ว่าสาเหตุตุ่มน้ำพองตัวนี้เกิดจากอะไร ถ้าบอกได้จะดีมาก ไปมา 15 โรงพยาบาล 10 กว่าหมอ คือปัญหาที่เครียดตอนเป็นใหม่ๆ ไปยืนหน้ากระจกตอนตีสอง ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตาย แต่คิดว่ามันถึงคราวแล้วเหรอ ถึงคราวที่เราต้องไปจากโลกนี้แล้วเหรอ ไปยืนแก้ผ้าดูหน้ากระจก มันขึ้นเป็นตุ่ม มันเป็นเดือน จนยืนมองสภาพตัวเอง จากหุ่นดีๆ เน่าทั้งตัว ไปยืนหน้ากระจกว่ามันถึงคราวของเราแล้วเหรอ เราไปหาหมอมา 15 หมอ ไม่มีใครบอกเราได้ว่ารักษายังไง มียาตัวไหน

จนมีข่าวลือว่าจะตายใน 2 สัปดาห์

ก็เป็นไปได้ที่เขาจะคิด เพราะมันเน่าทั้งตัว มือพองขึ้นมาแล้วเน่า เป็นตุ่มเน่าทั้งตัว

เล่าถึงความทรมานหน่อย

ตุ่มขึ้นตลอดเวลา อยู่ๆ ผุดที่หัว บางทีรู้เลยว่าขึ้นที่หัว 10 ถึง 20 เม็ด โมโหเอามือกรีดมันเลย น้ำไหลมาตามหน้าเต็มหมดเลย น้ำเหลือง ต้องกรีด ผมจะเอาตุ่มนี้ออก มันทนไม่ไหวแล้ว กรีดให้มันหลุด น้ำแตกลงมาตามตา ตามหู ตามหน้า พอขึ้นตามตัวก็กรีด น้ำหนองมันไหล มันสุดจะทนแล้ว มันคัน มันทำอะไรไม่ได้

หมอไม่ได้ห้ามเหรอ

ไม่รู้ ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ได้ ผมทนไม่ไหว ก่อนไปหาหมอ ผมคิดอะไรไม่ตกเลย ก่อนไปหาหมอ 7 วัน มันขึ้นเยอะมาก ไม่ได้นอนเลย คันทั้งคืนทั้งวันจนนอนไม่ได้ พอนอนไม่ได้ก็ผอม ตาดำลึก โทรม เหมือนคนจะตาย ถ้าขึ้นตุ่มจะเจ็บจะไข้อะไรก็แล้วแต่ ถ้าหลับมันก็แจ่มเลย แต่นี่ไม่ได้หลับ ตั้งแต่เย็นถึงตีห้าไม่ได้หลับดี นี่เป็นปัญหาของคน จะอะไรก็แล้วแต่ ถ้าไม่ได้หลับ ตายแน่นอน

ลูกๆ ว่ายังไง

ลูกๆ พูดไม่ออก ช่วยกันเช็ดตุ่ม ทายา ภรรยาเองเขารู้ทุกคืนที่ผมลุกขึ้น แต่เขาไม่รู้จะช่วยยังไง เขาก็แย่ ต้องดูแลลูก เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่ใช่หมอ จะกอดลูกก็กอดไม่ได้นะ มันเจ็บไปหมด

มีคนเดียวที่ไม่กล้าบอกคือคุณแม่ เพราะอะไร

ทุกคนรักพ่อแม่ ผมเองก็รักเขามาก ไม่อยากให้เขาเห็นสภาพนี้เลย ทั้งที่นอนอยู่รพ. นอนอยู่กับลูก เขาโทรไลน์มาก็ห่มผ้าถึงคอ บอกว่าไม่เป็นไร แค่คันเฉยๆ ไม่อยากให้เห็น เพราะถ้าเปิดให้เห็นที่แขน ที่พุง ที่หน้าอกเมื่อไหร่ ผมคิดว่าเขาต้องช็อก ไม่ช็อกก็ร้องไห้ ไม่ร้องไห้ก็คงวิ่งไม่ได้ ส่วนน้องสาวก็รู้กันหมด ถ้าเขาเห็นปุ๊บ คงรับไม่ได้ แต่ทีนี้ข่าวมันออกก็ต้องรีบบอก ให้เอ๋ เมีย ไปรับที่สนามบินและพามารพ. ผมก็พยายามใส่เสื้อแขนยาวก็ปิดไม่ได้ พอเปิดประตูเข้ามา เห็นแขนเห็นหน้าผมเท่านั้น น้ำตาซึม ไม่ถึงกับโวยวาย ยืนเป็นชั่วโมง สองชั่วโมง ไม่คุย ร้องไห้ ผมก็ไม่รู้ทำยังไง ไปนั่งใกล้ๆ บอกว่าไม่เป็นไร ผมพูดไม่ออก ร้องไห้ ผมคิดว่าเราหลอกเขา ไม่ได้ดราม่าร้องไห้ใส่เขา ทำเข้มแข็ง ส่วนเขาเองก็ช็อก เป็นชั่วโมงสองชั่วโมง ไม่คุยกับใคร นั่งช็อกอยู่ เราก็ขอโทษเขา หลังจากเขามาอยู่ 3 วันเขาขอกลับบ้านเพราะรับไม่ได้ ระหว่างผมนอนโรงพยาบาล เขาบอกเขานอนไม่หลับ เขาเคยตื่นมาวิ่งตีห้า เขาก็ไม่วิ่ง เหมือนเขาเองรู้ว่าเขาไม่ไหว ไม่มีแรงที่จะวิ่ง ผมก็พยายามหาวิธีทำยังไงให้เขาสบายใจ หลังจากออกจากโรงพยาบาล พยายามไปฟิตเนส ไปเล่นกล้ามขาให้แข็งแรง ไม่ได้ต้องการอย่างอื่นเลย เป้าหมายสิ่งเดียว กลับไปบ้านไปรักษาตัวและอยู่กับเขา ให้เขาเห็นว่าวิ่งได้แล้วนะ แล้วไปวิ่งเป็นเพื่อนเขา พอตกเย็นให้เขาช่วยทายาให้ว่าไม่เป็นไรแล้ว มันยุบแล้วนะ แล้วก็วิ่งกับแม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็กลับมาวิ่งได้ ทำให้เขาสบายใจแล้ว

เจ็บปวดไม่ร้องไห้ แต่ถ้าเป็นความรู้สึกของคุณแม่ แคร์ที่สุด