เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
“เมญ่า นนธวรรณ” มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014 ได้ออกมาประกาศขอยุติชีวิตคู่ กับสามีชาวสวิตเซอร์แลนด์ “ฟิลิป บรามาส” ทั้งที่เพิ่งแต่งงานใช้ชีวิตคู่มาได้ 1 ปีกว่าเท่านั้น และมีลูกชายสุดน่ารัก วัยหนึ่งขวบ อย่าง”น้องเบฬิน” ล่าสุดออกมาเปิดใจในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์,ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร พร้อมเผยสาเหตุที่ทำให้แยกกันอยู่กับสามีถึงขั้นเสียใจหนักมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
“เมญ่า นนธวรรณ” บอกถึงการเลิกรา เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตที่ต่างคนต่างมีมุมมองที่ไม่ตรงกัน รู้สึกว่าเขาทำหน้าที่สามีไม่ดีพอ ไม่รักษาสัญญา คือหลังจากคลอดลูก เขาทำคำสัญญาได้ไม่ดีพอ มีปัญหากัน 3 เดือน ก่อนตัดสินใจลดสถานะ ทั้งนี้ พอมีปัญหา ก็คิดว่าจะไปต่อ หรือจะหยุด แต่คิดว่าถ้าหยุดเลยก็จะเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เรามีลูกด้วยกัน เลยตัดสินใจถอยความสัมพันธ์ จากสถานะสามี-ภรรยา มาเป็นเพื่อน ที่คงสถานะครอบครัวเพื่อลูก ตอนนี้โฟกัสเรื่องงานอันดับ 1 และต่อมาคือครอบครัว อดีตสามีก็เข้าใจ และเชื่อว่าวันหนึ่งจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ที่เรารักเขาเหมือนเดิม โดยคนเป็นสามีภรรยา มีการคาดหวังซึ่งกันและกันอยู่แล้ว แต่พอถอยสถานะออกมา เราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากอดีตสามี และได้คิดว่า เราสำคัญต่อกันมากแค่ไหน
            โดยตนไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ คิดว่าทำแบบนี้ดีที่สุดแล้ว ไม่อยากให้ลูกโตมาด้วยความไม่เข้าใจกันของพ่อแม่ สำหรับตอนนี้ ยังอยู่บ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน แต่ไม่มีหน้าที่สามีภรรยา อยู่กันแบบเพื่อน ทุกอย่างเหมือนเดิม แค่ไม่มีความรักในฐานะสามีภรรยา ตอนนี้แฮปปี้กับความสัมพันธ์แบบนี้ ดีกว่าต้องมาคาดหวังว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้น อย่างนี้ ยังไม่ถึงขนาดเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะยังดูแลลูกไปด้วยกัน ซึ่งคนไทยยังไม่เข้าใจสถานะแบบนี้ เพราะคนไทยมี 2 อย่าง คือ แต่ง กับหย่า ถ้าไม่อยู่ด้วยกันก็คือต้องหย่า แต่ตนและอดีตสามียังอยู่ด้วยกัน
ก่อนหน้านี้ เมญ่า นนธวรรณ ได้เปิดใจกับทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี เล่าว่า ตอนนี้ชีวิตโอเค แฮปปี้ขึ้น กับอดีตสามีไม่เชิงว่าแยกกันอยู่ ยังอยู่บ้านเดียวกัน ความหมายของตนคือเราแค่มีพื้นที่ให้กัน ให้ต่างคนต่างมีช่วงเวลาของตัวเอง ได้มีเวลาคิดมากขึ้นว่าจริง ๆ แล้วที่เราเป็นอยู่แฮปปี้หรือยัง แล้วที่เราถอยออกมาแฮปปี้กว่าหรือเปล่า ทางอดีตสามีก็ไม่อยากจะให้เป็นแบบนี้ เขาก็ยังรักเราอยู่ คิดว่าสามารถจะแก้ไขให้เป็นแบบเดิมได้อยู่ แต่สำหรับเราอยู่ตรงนั้นเราไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ไม่ได้ทำให้เราสบายใจพอที่จะอยู่ตรงจุดนั้น เราก็เลยเลือกที่จะคุยกับเขา ถามว่าถ้าเราต้องการอย่างนี้โอเคมั้ย ตอนบอกเขาก็ช็อก ช็อกตั้งแต่ไม่ใส่แหวนแล้ว ถอดนานแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นปัญหาค่อนข้างหนัก เพราะตั้งแต่แต่งงานไม่เคยถอดแหวนเลย เรารู้สึกว่าการใส่แหวนเป็นการรักษาสัญญาซึ่งกันและกัน ในเมื่อวันหนึ่งเรารู้สึกว่าคุณไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเราตั้งแต่ก่อนแต่งงานจนวันแต่งงานแล้ว มันก็ไม่จำเป็นต้องใส่แหวนนี้ต่อไป ซึ่งไม่อยากเข้าลึกถึงรายละเอียด ขอไม่พูดเรื่องมีบุคคลที่สามหรือเปล่า