เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

หลังจากที่หย่ากับสามีมานานหลายปี ล่าสุด แป้ง อรจิรา ได้ออกมาพูดคุยเปิดใจถึงปมปัญหาของการหย่าร้างกับอดีตสามี ผู้กองต้อม ...ทรงพันธุ์ กุลดิลก แบบหมดเปลือกในรายการ Club Friday Show โดยสาวแป้งเล่าว่า

ชีวิตหลังแต่งงานเป็นอย่างไร?

ตอนแรกๆ ดี แฮปปี้ รู้สึกคอมพลีตแล้ว ตื่นเช้ามาทำกับข้าวให้เค้ากิน อยากดูแล มันมีความสุขอยู่ในช่วงขณะหนึ่งจริงๆ นะ ที่เราตื่นมาทำข้าวต้ม กลับบ้านมาได้ดูแล มีช่วงที่มีความสุขอยู่

แล้วมันเปลี่ยนตอนไหน?

มันไม่ได้เปลี่ยนทีเดียว มันค่อยๆ เปลี่ยน อย่างที่เราวาดไว้ อยากจะทำอะไรร่วมกัน สร้างครอบครัวด้วยกัน พอเริ่มมีทะเลาะครั้งที่ 1 เค้าจัดการไม่ได้ ครั้งที่ 2 เค้าจัดการไม่ได้ ทะเลาะครั้งที่ 3 เริ่มจัดการไม่ได้ มันก็เริ่มเข้าสู่โหมดที่เราไม่อยากจะสื่อสารแล้วว่าเราไม่พอใจตรงไหน เริ่มไม่สื่อสาร แป้งก็ไม่สื่อสาร เค้าก็นิ่งนอนใจ

หลังจากที่ทะเลาะบ่อยๆ เราก็เริ่มขี้เกียจพูด มันเหมือนสงครามเย็น ตื่นเช้ามาก็ไปออกกำลังกาย เจอเพื่อนกลับมาบ้านนอน หรือไปทำงาน ก็เริ่มไม่ได้เป็นคู่ เริ่มต่างคนต่างอยู่ พอต่างคนต่างอยู่ก็เริ่มห่าง ทะเลาะกันเยอะพอสมควร เริ่มเป็นเราที่ไม่ให้เกียรติเค้าแล้ว เค้าพูดอะไรมาเราเริ่มไม่ฟัง เค้าบอกให้ทำเราไม่ทำ เราเริ่มแรงใส่เค้ามากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนหลังเวลานัดเพื่อนกินข้าวเราก็เริ่มไม่ชวนเค้า ไปเอง เค้าก็เป็นผู้ชายสบายตัว อย่างสมมติเรานัดเพื่อนวันเกิด 1 ทุ่ม เค้าก็จะมา 3 ทุ่ม หลังๆ เราก็เลยตัดปัญหา ขี้เกียจมานั่งตามว่าอยู่ไหน ก็เลยไม่ชวน

พอเริ่มไม่คุยกัน ความห่างเหินก็เริ่มเกิดขึ้นในบ้าน?

ใช่ค่ะ พอมันห่าง มันก็มีช่วงที่แป้งเข้าห้องน้ำแล้วร้องไห้ ถามตัวเองว่านี่คือชีวิตคู่ที่เราต้องการเหรอ นี่คือชีวิตครอบครัวที่เราต้องการเหรอ เค้าก็ไม่ผิด เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ตัวเราเองที่มีความต้องการคนละแบบกับเค้า

เค้ารู้สึกถึงความผิดปกติของภรรยาตอนที่อยู่ในบ้านมั้ย?

ประเด็นปัญหาคือเค้าไม่รู้สึก เค้าคิดว่าทุกอย่างเป็นปกติ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะมันชัดเจนแต่เหมือนเค้าไม่เห็นมัน ไม่รู้ว่ามันกำลังเดินไปในทิศทางที่จะจบ แต่ตัวเราเห็นมาตั้งแต่เกือบปีสุดท้ายเราก็รู้สึก เอาอย่างไรดีนะ ใช่มั้ย เราเห็นของเรา

ตอนนั้นได้คุยกันมั้ย คิดจะกอบกู้ครอบครัวกันมั้ย?

เคยคุยตอนแรกๆ แล้วสรุปปัญหาคือเค้าแก้ปัญหาให้เราไม่ได้ เคยทะเลาะกันแรงๆ มาแล้วช่วงครึ่งปีแรก สมมติแต่งงาน 3 ปี ช่วงปีครึ่งทะเลาะนู้นนี่นั่น ทำไมทำแบบนี้ไม่ได้ ทำไมจะทำแบบนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน สรุปทำอะไรได้มั้ยสรุปทำอะไรก็ไม่ได้ เราก็เลือกที่ว่าจะไม่พูดแล้วกัน ต่างคนต่างอยู่ เค้าก็ใช้ชีวิตของเค้าไป แป้งก็ใช้ชีวิตแบบแป้ง

จะไปปาร์ตี้ หรือชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้านก็ไม่ให้เค้ายุ่ง?

คือมันมีความไม่เคารพอย่างแรง ซึ่งมันเป็นความผิดแป้งเองด้วย ซึ่งคู่กัน มันไม่ควรแบบ มันต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่ตอนนั้นเราก็ผิดไม่ให้เกียรติเค้า ถึงขั้นว่า ชวนเพื่อนมาบ้าน เค้าจะลงมาอยู่ด้วย เราก็บอกขออยู่กับเพื่อนได้มั้ยไล่เค้ากลับขึ้นไป (หัวเราะ) เค้ากลับขึ้นไป

คือสาเหตุที่เราไม่อยากให้เค้าอยู่ด้วยเพราะว่ามันจะต้องทะเลาะกัน คือเหมือนถ้ามีคนอยู่ด้วยเยอะๆ มันจะมีพูดไม่ถูกหู เค้าพูดไม่รักษาหน้าเรา เราพูดไม่รักษาหน้าเค้า มันก็จะมีปัญหา ซึ่งเดี๋ยวเราก็จะทะเลาะกัน เพื่อนก็จะอึดอัด ก็ให้เค้าขึ้นไป

อะไรเป็นฟางเส้นสุดท้าย ทำให้รู้สึกไม่อยากเดินหน้าด้วยชีวิตคู่แบบนี้?

มันไม่มีฟางเส้นสุดท้าย แต่เหมือนเราย่ำอยู่ที่เดิมมาเป็นปี มันมีช่วงเวลาหนึ่งที่ได้ไปนั่งสมาธิ ก็รู้สึกว่าเราเอาเปรียบเค้าหรือเปล่า เราทะเลาะกับเค้าทุกวัน เราพูดจาไม่ให้เกียรติเค้าแล้วเค้ามีความสุขตรงไหนเหรอ หรือเราจะเลือกตรงนี้ชีวิตแต่งงานที่มั่นคงแล้ว ถ้าจะให้แป้งอยู่ตรงนี้ต่อไป ก็อยู่ได้ แต่มันจะมีความสุขมั้ย เค้ามีความสุขมั้ย เรามีความสุขรึเปล่า

รู้นะว่าเป็นการตัดสินใจก้าวที่ใหญ่พอสมควร เพราะเราก็หวังว่าถ้าเราจะแต่งงาน ชีวิตเราก็อยากจะลงหลักปักฐาน ไม่ได้อยากจะเหนื่อย มานั่งทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ตอนนั้นก็เหมือนออกจากวงการมานิดๆ แล้ว แล้วอยู่ดีๆ เหมือนต้องตัดสินใจว่าเราจะเอาเปรียบเค้าต่อไปดีมั้ย อยู่เป็นคู่กันต่อไป ทะเลาะกินหัวเค้าทุกวัน เราเองก็ไม่มีความสุขที่ทำแบบนั้น มันก็ต้องเลือก

ในวันที่ไปขอเลิก ได้บอกเหตุผลมั้ย?

เราไม่ได้บอกเหตุผล แต่บอกความรู้สึกว่าอยู่ตรงนี้แล้วไม่มีความสุข เค้าก็ตกใจ และแป้งก็ตกใจว่าทำไมเค้าถึงตกใจ(หัวเราะ) ตกใจอะไร ที่ผ่านมาไม่เห็นเลยเหรอว่าที่ผ่านมามันแยกย้ายไปคนละทาง แสดงว่าคุณก็ไม่ได้ใส่ใจเราเหมือนกัน ที่คุณจะเห็นว่ามันจะเกิดสิ่งนี้นะ

เค้าว่าอย่างไรบ้าง?

ก็เริ่มคุยกันว่าลองแยกกันอยู่ก่อนแล้วกันว่าเป็นอย่างไร ระหว่างที่แยกกันอยู่ เราก็ไม่มีคำตอบให้ตัวเอง มีแต่คำถามว่าทำไมๆ ร้องไห้เสียใจ เราทำให้เค้าเสียใจ ตัวเค้าก็เสียใจ เราก็เสียใจ พ่อแม่ก็เครียด เราทำให้คนรอบข้างเราเครียดไปหมดเลย

แยกกันอยู่นานแค่ไหน อาการเราเป็นอย่างไร?

แยกกันอยู่ 3 เดือน ตอนนั้นความรู้สึกเหมือนมันวนอยู่ในอ่าง ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก อะไรคือสิ่งที่ควร สิ่งที่ถูกคือแต่งงานแล้วไม่ควรเลิก แต่ถามไม่ให้เลิกแล้วมีความสุขมั้ย เราก็ไม่มีความสุข พอไม่มีความสุขแล้วต้องทำอย่างไร ก็ต้องเลิก คำถามมันวนอยู่อย่างนี้ จนวันนึงเราคิดว่า ถ้ามันเป็นคู่กัน มันก็คู่กัน ก็ให้มันไม่ต้องคาราคาซัง ร้องไห้ทุกวัน

ช่วงที่แยกกันอยู่ มีความพยายามที่จะแก้ปัญหากันมั้ย?

แค่แยกนิ่งๆ เค้าก็ไม่ติดต่อเรา เราก็ไม่ได้ติดต่อเค้า แยกนิ่งๆ ไม่ได้มีความพยายามชวนไปกินข้าวดูหนังกัน

พอครบ 3 เดือน ใครเป็นฝ่ายบอกว่าพอเถอะ?

ตอนนั้นสิ่งที่คิด อะไรก็ได้ ใครก็ได้ตัดสินใจให้ทีว่าเอายังไง เหมือนแบบอยากตัดสินใจให้ได้ ว่าจะอยู่ตรงนี้หรือก้าวต่อไป คือมันเครียด จะไปข้างหน้าก็ไปต่อไม่ได้ จะย้อนกลับก็ไม่ได้ มันไปไม่ได้สักทาง ตอนนั้นสิ่งที่คิดคือตัดสินใจเถอะ ยังไงก็ได้ มันอึดอัด

ตอนที่ตัดสินใจเซ็นใบหย่าเสียใจมั้ย?

ไม่ได้เสียใจ แต่เป็นความรู้สึกแบบ สักอย่างเถอะ อะไรก็ได้ เราจะได้ทำใจเราถูกว่าจะทำแบบไหน เพราะเราทำใจไม่ถูกมาตลอดเลย 2-3 เดือนที่ผ่านมา

ชีวิตเปลี่ยนไปมากมั้ย?

ไม่เปลี่ยนมากค่ะ เพราะอย่างที่บอกมีชีวิตคู่เราก็ทำอะไรของเราเอง แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือเรารู้สึกว่าเราจิตตก เราไม่ประสบความสำเร็จในความรัก รู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้าง ช่วงนั้นชีวิตไม่ค่อยดีเท่าไร ตื่นมากินยานอนหลับ คือตอนนั้นอยากหลับไปเรื่อยๆ

ชีวิตตอนนั้นไม่มีใครเลย ก่อนหน้านี้อยู่บ้าน แล้วก็ย้ายออกมาอยู่คอนโดฯ แล้วต้องออกมาดูแลไฟ รถ คือมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพียงแต่ตอนนั้นจิตเราตก เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่ เหมือนใช้ชีวิตยากมากตอนนั้น

มีคนบอกว่าอย่าเลิกเลย เสียดาย ทนๆ เอาหน่อยมั้ย?

มี คนบอกว่าให้ยอมๆ เค้าไป ประจบๆ หน่อย อยู่ไปก็สบายดี ทำไมทำไม่ได้ คือมันไม่ใช่แป้ง ถ้าเราทำได้มันคงดี ชีวิตคงสบาย แต่มันไม่ใช่เรา

แป้งมองว่าชีวิตคู่มันควรต้องมีความสุขกว่านั้น?

ใช่

ตอนที่ออกมามีความกังวลมั้ยว่าจะอยู่อย่างไร?

มีความกังวลเหมือนกันว่าจะยังไงต่อดี แต่ก็ไม่ได้กังวลมาก เพราะตอนที่แต่งงานเราก็ยังดูแลตัวเองอยู่ เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เพียงแต่ บ้านที่เราเคยมีพี่เลี้ยงที่เราเคยมีคอยมาอำนวยความสะดวกแค่เราไม่มี เราแค่ดูแลตัวเองมากขึ้น