เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ แจงยาต้าน HIV+ไข้หวัดใหญ่ รักษาผู้ป่วย ไวรัสโคโรนา เป็นแค่ยาต้าน ยังรักษาไม่ได้ เผยหากแท็กซี่รับคนป่วย ให้จอดตากแดด เพราะไวรัสกลัวความร้อน จากกรณีข่าวแพทย์ไทย สามารถคิดค้น “สูตรยาราชวิถี” รักษาผู้ป่วยติดไวรัสโคโรนา อาการรุนแรง ดีขึ้นใน 12 ชั่วโมง ผลตรวจเชื้อเป็นลบใน 48 ชั่วโมง วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิและคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า

ตกลงเชื้อไวรัสโคโรนา จากคนสู่คน คนนั่งในแท็กซี่สามารถติดคนขับได้เหรอ ?

“ได้ครับ ต้องเข้าใจว่าอะไรที่อยู่ในกล่องเล็ก ๆ แท็กซี่มีเบาะหน้า เบาะหลัง ถ้าคนนั่งข้าง ๆ จามไอใส่คนขับแท็กซี่แล้วไม่ได้มีการปิดปาก ก็มาติดที่ใบหน้า เชื้อก็อาจเข้าได้ แต่คนนั้นต้องเริ่มป่วยแล้ว”

ตกลงเชื้อนี้อยู่ระยะฟักตัวไม่มีการออกอาการ ไม่ไอ มีไข้ สามารถติดได้เลย ?

“แบบนี้ทางการแพทย์ถือว่าอยู่ในระยะฟักตัว ไม่ถือว่าแพร่เชื้อได้”

กรณีคนจีนไปเยอรมนี ไปประชุมกับคนเยอรมัน 2-3 คน ตอนนั้นไม่มีอาการของโรค แต่หลังกลับไปเมืองจีน เริ่มมีอาการเป็นไข้ คนเยอรมันก็ติดเหมือนกัน ?

“รายนี้เท่าที่วิเคราะห์ดู ทางการแพทย์คุยกันหลายคน พบน่าจะอยู่ช่วงเริ่มต้นของโรค ผู้หญิงจีนที่บินกลับไปตอนช่วงประชุม การเริ่มต้นของโรคสามารถมีเชื้อแพร่ออกมาได้”

 

ระหว่างฟักตัวหรือเปล่า ?

“ไม่ใช่ครับ เขาอาจมีอาการเล็กน้อย เริ่มต้นส่วนใหญ่อาการจะเล็กน้อย เชื้อกำลังบ่มเพาะให้มากขึ้น ถ้าเชื้อน้อย อาการส่วนใหญ่ก็จะน้อย เชื้อมาก อาการก็จะมาก เพราะฉะนั้นอยู่ในช่วงที่กลายเป็นโรคแล้ว บ่มเพาะให้มันมากขึ้น แต่ช่วงอยู่ในระยะฟักตัวจะไม่มีร่องรอยของโรคออกมา”

ล่าสุดจากประเด็นข่าว เขาบอกตอนแรกมาจากค้างคาวมงกุฎ แต่มีทฤษฎีหนึ่งเกิดขึ้น เขาบอกว่าที่อู่ฮั่น เมื่อก่อนมีโรคซาร์ส ช่วงนั้นระบาด อู่ฮั่นไปสร้างศูนย์วิจัยไวรัสขึ้นมาใหญ่โตมโหฬาร สุดท้ายเจ้าไวรัสโคโรนาจริง ๆ หลุดมาจากสถาบันนี้ มันคือซาร์ส หรือเมอร์ส ที่มีการพัฒนาสายพันธุ์และเกิดที่อู่ฮั่น ?

“เรื่องนี้ขอตอบว่าไม่ทราบ ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ทฤษฎีโรคอุบัติใหม่ ๆ มักมาจากสัตว์ และส่วนใหญ่ก็มาจากสัตว์ป่า 60-70 เปอร์เซ็นต์ สัตว์ที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องในวงจรของมันคือค้างคาว ค้างคาวมีหลายชนิด เพราะฉะนั้นค้างคาวอาจเป็นต้นตอ แล้วต้นตอส่งต่อไปให้ใครไม่มีใครทราบ อย่างซาร์ส ค้างคาวส่งต่อไปให้ชะมด แต่ถ้าเมอร์สตะวันออกกลาง ค้างคาวส่งต่อให้อูฐ อุฐไม่มีอาการมาก เป็นหวัดนิดหน่อย แต่คนเลี้ยงอูฐไปสัมผัสก็เลยติดมา แต่อย่างไรก็ตาม ตัวใหม่ที่เรากำลังคุยอยู่ ถามว่ามาจากค้างคาวหรือไม่ เชื่อว่าเขากำลังค้นหาอยู่ แต่ก็น่าจะโทษไว้ก่อน ให้ค้างคาวรับไปก่อน”

ข่าวบอกแพทย์ไทยสามารถรักษาโรคไวรัสสายพันธุ์ใหม่อู่ฮั่นจริงไหม ?

“เชื้อไวรัสตัวนี้ ขณะนี้ทั่วโลกไม่มียารักษา ยืนยันว่าไม่มีนะครับ รักษาตามอาการ แต่เนื่องจากเรารู้โรคว่ามันก่อปวดบวม เรารู้เชื้อว่าโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ แต่พออาการหนัก แพทย์จะนิ่งดูดายไมได้ ก็มีการหาว่าเชื้อตัวนี้มีอะไรที่ไวรัสตัวอื่นพอจะสู้ได้ไหม ก็มีรายงานว่ายาต้านไวรัสโรคเอชไอวี พอจะสู้ได้ ตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาวิจัย”

แต่ยังรักษาไม่หาย ?

“ยังครับ ยังไม่มีใครพิสูจน์ว่ารักษาหาย”

 

ยารักษาให้หายกับยาต้าน ต่างกัน ?

“ต้องเข้าใจว่าไวรัสที่อยู่ในร่างกายเราไม่มียาฆ่าไวรัส ไม่เหมือนแบคทีเรียนะ แบคทีเรียต่าง ๆ เราฆ่ากันได้ แต่ไวรัสเราฆ่ามันไม่ได้ เหตุผลที่ฆ่าไม่ได้ เพราะไวรัสต้องอาศัยส่วนประกอบของเซลล์ของมนุษย์หรือสัตว์ในการสร้างตัวเอง เมื่อเราจะฆ่ามัน มันก็ฆ่าเรา นี่คือหลักการ เพราะมันจะฆ่าเซลล์เราด้วย หลักการของยาต้านไวรัสคือไปยับยั้ง ยาทุกวันนี้เราถึงเรียกยาต้านไวรัสว่ายายับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส เมื่อยับยั้งมันได้ มันอยู่ในเซลล์เดี๋ยวก็ตายเอง แต่ถ้าเราไปฆ่ามันฆ่าไม่ได้”

ทำไมอยู่ดี ๆ ไปเจอได้ยังไง ?

“ผมว่าไม่ใช่อยู่ดี ๆ ผมว่าแพทย์หลายท่านเห็นคนไข้หนัก ๆ นิ่งดูดายไม่ได้ ยังไงต้องหาทางอะไรสักอย่าง ในอดีตโรคบางอย่างมีการนำเอายาตรงนี้มาใช้ ยังไม่เป็นการรักษามาตรฐาน อยู่ในระหว่างการทดลองทั้งหมด เราเริ่มมีรายงานของไทยเราเมื่อวาน 1 ราย 1 รายนี้เหมือนแสงเทียนที่อยู่ปลายอุโมงค์ จากที่มันมืดเลย พอมีอย่างนี้เราก็เริ่มไปต่อ เชื่อว่าขณะนี้ในประเทศจีนเอง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีคนไข้อยู่เยอะ ๆ เขาก็กำลังศึกษาวิจัยอยู่ แต่เขายังไม่ตีพิมพ์ออกมา เรากำลังรออยู่ แต่มีข้อมูลส่งออกมาแล้วประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้วคร่าว ๆ ว่ายาต้านไวรัสเหล่านี้อาจได้ประโยชน์น้อย แต่เป็นข้อมูลเบื้องต้น เราอยากเห็นข้อมูลที่ใหญ่กว่านี้ เพราะฉะนั้นในเมืองไทยมี 1 ราย ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี”

1 รายรักษายังไง ให้ยายังไง เขามีอาการยังไง ดีขึ้นยังไง ?
“คนไข้ท่านนี้เป็นหญิงจีน อายุ 70 กว่า ไปอยู่โรงพยาบาลจังหวัดแห่งหนึ่ง เขาก็รักษาดูแลมาตลอด จนลงปอด ปอดอักเสบ มีโรคหัวใจ ความดัน แล้วเริ่มหอบเหนื่อย แพทย์ไทยที่ดูแลก็ให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีไปล่วงหน้า 2-3 วัน แล้วโรงพยาบาลราชวิถี ก็มาต่อเนื่อง ก็เติมยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ก็เห็นการเปลี่ยนแปลง เราก็เริ่มมองเห็นแสงสว่างว่าเขาป่วยมาหลายวัน พอเราเติมยา ใส่ยาสูตรนี้เข้าไป ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่ยังสรุปไม่ได้ เพียงแต่เห็นแสงสว่างรำไรว่าต้องทำอะไรต่อ”

ที่มีกระพือว่าแพทย์ไทยรักษาโรคได้ สรุปคือ ?
“เป็นแค่จุดเริ่มต้น ยังไม่ได้ ต้องศึกษาวิจัยต่อ ทางการแพทย์เวลาพิจารณาเอายานี้มาใช้ เนื่องจากยาตัวนี้รักษาเอชไอวี เพราะฉะนั้นเวลาใช้เราสงวนเอาไว้ใช้ในอาการค่อนข้างมาก ไม่หายเอง เราถึงจะพิจารณานำมาใช้ ไม่ใช่ใครก็ได้เอามาใช้ อนาคตต้องรอดูข้อมูลจากประเทศจีน ถ้าเรามีคนไข้มากพอจะทำการศึกษาวิจัยของเราเอง”

เอชไอวีน่าจะคนละเรื่องกันเลย พอเอายาต้านเอชไอวีมาใช้คนไข้ป่วยเป็นโรคไวรัสโคโรนา เขาจะมีผลข้างเคียงไหม ?
“มีแน่นอน การพิจารณาใช้ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ที่ดูแลมีประสบการณ์ ทั้งการรักษาโรคเอชไอวีและโรคไวรัสโคโรนา ต้องเอามารวมกันนะ อันนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ แล้วต้องเข้าใจว่าคนรุนแรงคือคนแก่ ที่มีโรคประจำตัว ถามว่ามีผลข้างเคียงอะไร แล้วมันก็ไปรบกวนการทำงานของยาอื่นด้วยนะ อันนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ทางการแพทย์เราถึงบอกว่ากรุณาสงวนหรือใช้ในกรณีที่จำเป็น ถ้าไม่รุนแรงหายเองได้เราจะไม่พิจารณา”

โฟนอินสัมภาษณ์ “คุณยุ้ย” ท้อง 3 เดือน อยู่ในเซียนเถา หูเป่ย์ พรุ่งนี้ต้องนั่งรถจากเซียนเถาไปสนามบินอู่ฮั่น ก่อนหน้านี้เธอหารถไม่ได้ ?
ยุ้ย : ถามว่ายุ้ยได้รถไหม ยุ้ยก็ได้รถนะคะ แต่ว่าทางคนขับต้องการเอกสารผ่านทางเพราะเขาอยากเดินทางตอนกลางวัน เพราะกลางคืนเขาไม่ชินเส้นทาง เขากลัวเรื่องอันตรายด้วย แต่ทีนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทางสถานทูตบอกว่าเราก็รอเอกสารนี้จากทางการจีน

เซียนเถามาอู่ฮั่นกี่กิโล ?
ยุ้ย : คร่าว ๆ ที่เคยแจ้ง 200 กิโลค่ะ ใช้เวลา 4 ชั่วโมง จริง ๆ ถ้าเป็นบ้านเรา ตรงไหนเหยียบได้ก็เหยียบ แต่ที่นี่แฟนยุ้ยบอกว่าเขาขับความเร็วเท่าไหร่ก็เท่านั้น เขาไม่ขับเร็วไปมากกว่านั้น

ปัญหาของคุณยุ้ยในการเดินทางมาขึ้นเครื่องที่อู่ฮั่นตอนเช้า 9 โมงเช้า ตอนแรกหารถไม่ได้ ?
ยุ้ย : ใช่ค่ะ ทุกคนก็กลัวเข้าไปอยู่ในจุดที่มีโรคระบาด ไม่มีใครอยากไป ยุ้ยก็ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน เขาบอกว่าเราต้องมีเอกสารเท่านั้นมาให้เขา เขาถึงจะช่วยได้ แต่ถ้าไม่มีเอกสารเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ

แล้วจะออกเดินทางเมื่อไหร่ ?
ยุ้ย : ตอบไม่ได้เลย เพราะถ้าไม่มีใบผ่านทางก็ออกไปไม่ได้ ทุกคนยังไม่ได้ใบผ่านทางค่ะ ทุกคนรออยู่ ถ้าไม่มีก็ไปไม่ได้ ถ้ามีใบผ่านทางยุ้ยจะออกจากที่นี่บ่ายสองค่ะ แล้วไปนั่งรอที่สนามบินดีกว่า ดีกว่าไปช้าแล้วกลัวไม่ทัน

ต้องได้จากใคร ใบผ่านทาง ?
ยุ้ย : ต้องได้จากสถานทูตค่ะ เมื่อวานเราแจ้งชื่อคนขับรถ บัตรประจำตัวประชาชนเขา เบอร์โทร. สีรถ ทะเบียนรถ เพื่อขอใบผ่านทางจากทางจีนค่ะ เจ้าหน้าที่กงสุลไทยเราส่งให้จีนแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่ารอจีนตอบกลับมาถึงจะเอาใบนั้นมาให้เรา แต่ตอนนี้มันยังไม่ได้ ถ้าเขาไม่ส่งมาก็ออกจากเมืองนี้ไม่ได้ ต้องรอใบนี้เท่านั้นค่ะ
ติดอยู่ที่ไหน ทางการจีนหรือไทย ?
ยุ้ย : เจ้าหน้าที่สถานทูตบอกว่าติดอยู่ที่จีนค่ะ รอจีนส่งมาให้ค่ะ พอไปสนามบินทีแรก เขาไม่อยากให้เดินทางตอนนี้เพื่อไปอยู่สนามบิน สถานทูตไม่ต้องการอย่างนั้น แต่ทุกคนบอกว่าอยากเดินทางกลางวัน ถามไปถามมาเขาเหมือนมีการประชุมกัน แล้วบอกว่าทางสนามบินจัดที่ให้แล้ว ก็ไม่รู้อยู่ตรงไหนอะไรเหมือนกัน ต้องรอไปถึงก่อน แล้วสถานทูตบอกว่าไม่คอนเฟิร์ม ถ้าไปช้าก็คือไม่ได้ คือการเดินทางตอนนี้ 4 ชั่วโมงก็จริง แต่มันมีด่าน ยุ้ยไม่รู้ว่าจากตรงนี้ไปสนามบินมีกี่ด่าน เขาจะตรวจอะไรบ้างยุ้ยก็ไม่ทราบ ยุ้ยก็อยากจะเผื่อเวลาเดินทาง แล้วถามเขาว่าถ้าไปถึง 9 โมง เลตไปหน่อยจะรอไหม หรือรอใครที่ยังไม่ถึงไหม เขาก็ไม่คอนเฟิร์มค่ะ
ถ้าได้กลับมาถึงเมืองไทย จะถูกกักอยู่ที่ไหน ?
“ต้องสังเกตอาการ เฝ้าระวัง และต้องเข้าใจนะครับว่าคนไทยที่กลับมาเป็นผู้แข็งแรง ติดเชื้อหรืออยู่ในระหว่างฟักตัวหรือไม่เราไม่รู้ เพราะฉะนั้นก่อนออกมาเขาต้องตรวจดูว่ามีไข้ไหม ถ้ามีไข้คุณขึ้นเครื่องไม่ได้ ถ้ามาถึงเมืองไทยมีไข้แต่ต้องเอาไปตรวจโรงพยาบาล ถ้าไม่มีไข้ก็ไปที่ที่ทางการจัดไว้ให้ ดูแลเรื่องการกินอยู่”
ไปเก็บตัวที่ไหน ?
“ยังไม่ทราบเลยครับ ตัวผมเองก็ไม่ทราบ ประเด็นอยู่ที่ทางระดับสูงเขากลัวว่าประกาศไปแล้วมีคนตกใจ ขอเรียนว่าถ้าได้ยินว่าคนไทยกำลังตกระกำลำบากเราต้องต้อนรับเขา นี่เรามีนักเรียน คนร้อยกว่าคนอยากกลับบ้าน เราต้องต้อนรับเขา คุณกลัวเชื้อโรค คุณกลัวได้ แต่คนน่ากลัวคือหมอที่เข้าไปดูแลเขา”
เรื่องแท็กซี่ไปติดมาอีท่าไหน ครอบครัวเขาเป็นยังไง ?
“แท็กซี่ท่านนี้เป็นชายวัยกลางคนขับแท็กซี่ พอแกป่วยก็หยุดขับแท็กซี่ แล้วแกสงสัยตัวเองมีหวัด มีเจ็บคอ แกก็ไปหาหมอและบอกด้วยว่าสงสัยว่าตัวเองน่าจะมีการรับคนจีนเป็นกลุ่มขึ้นมา อาจมีการสังเกต แต่เนื่องจากวันที่เขาป่วย เป็นวันหลังจากวันที่เขารื้อฟื้นความจำไป 7 วันที่แล้ว ซึ่งก็ตรงว่า 7 วันที่แล้วเขาไปรับจีนกลุ่มนั้น จึงไปติดเชื้อ เพาะตัวจนถึงวันป่วย พอวันป่วยเขาเข้าโรงพยาบาล เราคอนเฟิร์มว่าใช่ คนในครอบครัว เพื่อนสนิท ทั้งหมด 13 คน ถือว่าเป็นผู้สัมผัส มีการลงมือหาและตรวจเชื้อ แต่ยังไม่พบเชื้อ เราต้องเฝ้าระวังไป 14 วัน ใครมีไข้ และสัมผัส เราจับมาตรวจก่อน”
คนจีนนั้นล็อกตัวได้หรือยัง ?
“เขาจำไม่ได้ แต่มีการบอกว่าเมื่อไหร่อะไรต่าง ๆ กระทรวงสาธารณสุขก็รีบไปหา ปรากฏว่าบินออกไปแล้ว”
มีโอกาสที่คนไทยจะติดนอกเหนือจากแท็กซี่ ?
“ใช่ คนนี้น่าจะมีอาการน้อย เขาถึงบินกลับไปได้ ถ้ามีอาการเยอะเขาต้องอยู่โรงพยาบาล สุดท้ายเขาเช็กแล้วปรากฏว่าเขาบินออกนอกประเทศ”
แล้วคนนั่งต่อแท็กซี่ ?
“เขาจำไม่ได้ เพราะวันนึงเขารับหลายรอบ”
อาจมีใครขึ้นแท็กซี่แล้วติดโรคนี้ได้ ?
“ได้ แต่โอกาสจะน้อยลงเรื่อย ๆ เชื่อว่าตัวต้นเหตุที่นั่งข้าง ๆ คนขับได้ใส่เชื้อไปใส่คนขับ พอกลุ่มนี้ลงไป ถามว่าจะติดอยู่ที่ไหน ถ้าเขาไอจามก็ติดอยู่ตรงเบาะหน้า ข้างเขาต้องทำความสะอาด เพราะฉะนั้นแท็กซี่ควรทำความสะอาด วันต่อวันได้ก็ยิ่งดี”
คนขึ้นต่อหวาดระแวงจะทำยังไง ?
“เชื้ออยู่ได้แต่จะน้อยลงมาก จะติดอยู่ตามเบาะหรือที่เขาไอจาม ถ้าคนอยู่ข้าง ๆ อาจติดอยู่ตามเสื้อผ้าก็ได้ เสื้อผ้าเราไม่ได้กลัว เรากลัวที่สุดคือติดอยู่ตามใบหน้าและอาจเข้าจมูกได้ ติดตามเบาะตามอะไรมันกระเด็นเข้าเราไม่ได้ ถ้าไปจับแล้วแคะแกะเกาไม่ได้ ไปไหนต้องล้างมือ ไม่ว่าจะขึ้นรถแท็กซี่ หรือรถสาธารณะ ไฟฟ้า ไปถึงที่ทำงานอันดับแรกต้องล้างมือก่อนอันดับหนึ่งเลย เพราะที่คนไอจามติดอยู่ต้องล้างมือก่อน”
เชื้อพวกนี้มันอยู่ได้นานไหม ?
“นานถ้าอากาศเย็น ความชื้นสูง ตอนนี้จีนหน้าหนาว ความชื้นสูง เชื้ออยู่ได้นาน แต่ถ้าบ้านเราอากาศร้อน โดยเฉพาะกลางวัน ร้อนมาก แห้งด้วย เชื้อมันตาย เพราะฉะนั้นแท็กซี่เวลาท่านพักเที่ยงหรือกินข้าว ท่านจอดรถตากแดดเลย เป็นแท็กซี่แดดเดียวก็ได้ เชื้อตายหมดเลย เพราะร้อนมาก มันอยู่ไม่ได้ อีกอย่างพอร้อนปั๊บ เสมหะที่เป็นเม็ด ๆ มันจะแห้ง แห้งปั๊บมันก็ต้องตาย”
ถ้าคนข้างหลังจามมาต้องเป็นทั้งคันไหม ?
“ไม่ ๆ คนหนึ่งป่วย อีกสองคนที่ติดตามมันยังไม่ติดเลยนะ เวลาเป็นโรคนี้จริง ๆ มีพี่น้องใกล้ชิดเขาก็ไม่ติด มันไม่ได้ติดง่าย ๆ ไม่ต้องกังวลมาก แต่เราต้องป้องกัน”
คนที่วิตกกังวลเรื่องการใช้หน้ากากอนามัย บางทีอาจไม่ได้กันแล้ว มันสามารถช่วยอะไร ช่วยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ไหม ?
“หน้ากากอนามัยมี 3 อย่าง อย่างที่บอกต้องเอาสีเขียวออก เวลาคนจามไอใส่หน้าเรา สีเขียวมันมีน้ำยากันซึม เวลาเราไอมันจะติดอยู่ข้างในสีขาว ไม่ซึมออกข้างนอก อีกอันคือ N95 ใช้ยาก บุคลากรทางการแพทย์ต้องทำให้มันเรียบหมดเลย แต่ส่วนใหญ่ใช้แล้วไม่มีผล เพราะใส่แล้วมีรูอยู่ ก็ได้ผลเทียบเท่ากับอันนี้เลย แล้วประสิทธิภาพ ประสิทธิผลถ้ามีรูรั่วก็เท่าอันนี้ แต่ราคาต่างกันมาก เป็นสิบเท่า อย่างตัวนี้ถ้าป้องกันพวกละอองใหญ่ ๆ ในรัศมี 1-2 เมตร ป้องกันได้”


ถ้าผมจามเข้าตาอาจารย์ ?
“มันเป็นไปได้น้อย สำคัญสุดคือรูจมูก”
ถ้าขยี้ตา ?
“ถึงบอกว่าไม่เอาไปแคะแกะเกา ให้ล้างมือ คันตาก็ควรใช้อย่างอื่นช่วย เอากระดาษทิชชูเช็ดได้ ไม่มีปัญหา แต่จุดที่สำคัญที่สุดคือจมูก”
น้องยุ้ยที่ตั้งครรภ์ ต้องแยกไหม หรือรวมกับคนอื่น ?
“ไม่มีเหตุผลต้องไปแยก ยกเว้นแกไปอยู่กับคนป่วย อันนี้ไม่ได้ ต้องแยกเลย อันนี้แกอยู่กับคนปกติเหมือนคนไม่ได้ตั้งครรภ์”
สรุปยังไม่มียารักษา ?
“เป็นจุดเริ่มต้นการรักษาที่ทางการแพทย์เริ่มมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ยังไม่ได้มาตรฐาน พูดตรง ๆ ว่ายังไม่ได้”
กรณีที่บอกว่าไม่มีผลต่อปอดอย่างเดียว มีผลต่อหัวใจด้วย ?
“เวลามีปอด ก็ส่งผลถึงหัวใจ เมื่อปอดทำงานไม่เต็มที่ พวกนี้มักมีโรคหัวใจอยู่ อายุมาก ทำให้บางคนอาจมีหัวใจทำงานไม่สมบูรณ์เต็มที่”
ที่ลือว่าไวรัสตัวนี้ลงปอดปุ๊บยังไงก็ตาย ?
“ไม่จริงครับ ที่ลงปอดอาการไม่มากก็หายเยอะแยะ”

ตัวเลขที่จีนน่ากลัว ล่าสุดเจอ 300 กว่าคนแล้วที่ตาย รักษาหายร้อยกว่าคน ตัวเลขตายมากกว่าหาย มันยังไง ?
“ต้องเรียนให้ทราบว่าจุดเริ่มต้นจีนกับไทยต่างกัน จีนเขาคัดเอาเฉพาะคนที่อาการหนักจริง ๆ ให้อยู่โรงพยาบาล เราจะเห็นภาพอยู่ไอซียู เครื่องมือเครื่องไม้เต็มไปหมดเลย อันนั้นคืออาการหนักมาก ๆ พอมาดูเมืองไทยเรา ของเรา 19 ราย ไม่หนัก ถ้าคนไข้เราไปอยู่เมืองจีน เขาไม่รับอยู่โรงพยาบาล เพราะหายเองได้ อยู่โรงพยาบาล 1-2 วันไข้ก็ลง ไข้ลงปั๊บก็กลับบ้าน แต่ของเราทำไมเอามาอยู่โรงพยาบาลทุกคน เพราะเราต้องการป้องกัน ตีกรอบไว้ไม่ให้มันออก ระยะนี้เป็นระยะตีกรอบไม่ให้มันออก เบาก็จริงแต่ต้องให้อยู่โรงพยาบาล เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเชื้อออกไป นี่คือหลักการ”
อยากฝากอะไร ?
“ฝากนิดเดียว คือความตื่นตระหนก มันแก้ยาก ผมเป็นหมอโรคติดเชื้อมา 40 ปี ดูโรคระบาดมา 20 ปี ตั้งแต่สมัยซาร์ส เรื่องเชื้อต่าง ๆ สู้ได้ แต่สิ่งที่สู้ไม่ค่อยไหวคือเฟกนิวส์ เพราะฉะนั้นขอให้ฟังทางการ เสพข่าวมาต้องกรองว่าเป็นไปได้ไหม”
โรคเอาอยู่ แต่เฟกนิวส์ลำบาก ?
“ลำบาก กว่าจะแก้ได้ แล้วต้องเข้าใจว่าบุคลากรทางการแพทย์เราเหนื่อยล้า เราก็อยากมีสมาธิ เตรียมคนไปต่อสู้กับข้างหน้าถ้ามันรุนแรงไป”
Cr. โหนกระแส