เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่4 ..63 ณ ลาน Eden 3  ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ ก้าวข้ามมะเร็งโดยในงานมีนักแสดงสาวนิหน่า สุฐิตา และสามีแบงค์ พชร ปัญญายงศ์ มาร่วมงาน

ซึ่งหนุ่มแบงค์ในฐานะที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งตับก็ได้มาแชร์ประสบการณ์การรักษาโรคมะเร็ง ส่วนสาวนิหน่าก็ได้มาพูดถึงการทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสามีที่เป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยหลังจบงานทั้งคู่ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเพื่ออัพเดทอาการป่วยมะเร็งตับของหนุ่มแบงค์หลังรักษามาแล้ว8เดือน

อัพเดตอาการนิดนึงตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

แบงค์: ก็ตัวมะเร็งก้อนใหญ่หลังจากครีโมไปทำTACE ไปรอบหนึ่ง( TACE ย่อมาจากคำว่าTrans Arterial Chemo Embolization หมายถึงการรักษามะเร็งตับอีกวิธีหนึ่งในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้โดยการรักษาด้วยวิธีการให้เคมีบำบัดเฉพาะทางที่ผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งตับโดยตรงแล้วอุดกั้นหลอดเลือดนั้นเพื่อไม่ให้เลือดไปเลี้ยงก้อนเนื้องอก)

แล้วอีกรอบหนึ่งก็ทำaberration คือใช้จี้ร้อนด้วยคลื่นวิทยุคล้ายไมค์โคเวฟอะครับพอ2รอบเสร็จปุ๊บ  มันก็ฝ่อลงเล็กลงจาก4 × 4 กว่า  มันก็ลงมาเหลือสองกว่าทีมแพทย์ค่อนข้างมั่นใจตัวมะเร็งก้อนใหญ่น่าจะตายแล้ว

แบบนี้ก็มีสิทธิ์หาย100%?

นิหน่า: คือมันไม่มี100% อะไรในโลกนี้หรอกค่ะเพราะว่าจริงๆแล้วมันก็ต้องวัดตามมอนิเตอร์ตามดูอาการไปเรื่อยๆเราก็จะต้องดูว่ามันไม่มีอะไรใหม่ขึ้นมาไอ้ที่กำจัดเวลาตรงขอบๆมันหมดเพราะว่าทุกอย่างทำผ่านกล้องเพราะฉะนั้นเราก็ต้องติดตามอาการไปเรื่อยเรื่อยทุกๆฝสามเดือนอย่างล่าสุดก็คือเดือนธันวาก็ไปติดตามอาการดูก็ปรากฏว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไอ้ที่มันเป็นก้อนที่เคยทำจี้ความร้อนไปมันก็ตัดออกไปแล้วนะส่วนตัวจุดอื่นมันก็ไม่ได้มีอะไรที่มันเปลี่ยนแปลงมันก็คือไซด์เท่าเดิมคุณหมอก็ถือว่าเป็นผลที่น่าพอใจ

เรียกว่าผ่านพ้นจุดอันตรายที่สุดของชีวิตไปได้แล้ว?

นิหน่า: จะว่าอย่างนั้นก็ได้แต่เทียบกับอะไรอ่ะ(หัวเราะ) เพราะว่าชีวิตคนเรามันอันตรายทุกวันเลยนะมันไม่ใช่มีแค่เรื่องของมะเร็งเราก็ต้องใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่มันทำให้เราแบบไม่ประมาทกับชีวิตเนอะแล้วก็ดูแลตัวเองมากขึ้นไม่ใช่แค่กับคนที่เค้าเป็นคนใกล้ตัวก็รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วชีวิตมันไม่แน่นอนวันนี้มันโอเควันพรุ่งนี้ก็อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้

ก็เรียกว่าสัญญาณมันดีขึ้นเรื่อยๆ

แบงค์โชคดีนะสำหรับเคสผมมันไม่กระทบต่อความฟิตมีการทำครีโมทำเคมีบำบัดมันก็ไม่กระทบเหมือนเคสอื่นๆซึ่งหลายๆท่านอาจจะประสบมากว่าเราเยอะเคสของเราก็ง่ายอนุบาลไปเลยแต่ก็ต้องเฝ้าระวังต่อไปตามสถิติแล้วมันกลับมาเกิดภายใน5ปีแล้วบังเอิญเคสของผมมันต้องเฝ้าระวังอีกหลายจุดคือทำให้เหล่านั้นมันไม่โตขึ้นมา

นิหน่า: จริงๆมันไม่ใช่ว่าเปลี่ยนชีวิตนะเพราะว่าปกติเราก็กินอาหารดีอยู่แล้วออกกำลังกายอยู่แล้วแต่ก่อนหน้านี้อาจจะปล่อยปะละเลยไปบ้างพอมาเจออะไรอย่างนี้ทำให้รู้สึกว่าใช่ว่าเราแข็งแรงจะไม่เป็นอะไร  ดีๆมันก็เป็นขึ้นมาได้แล้วที่สำคัญย้ำมาตลอดทุกครั้งที่นิหน่าให้สัมภาษณ์คืออยากให้ทุกคนตรวจสุขภาพคำว่าตรวจสุขภาพคือมันต้องตรวจให้ละเอียดแบบอัลตร้าซาวด์เจอเร็วก็รักษาได้เร็ว

ตอนนี้กิจวัตรประจำวันอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง?

นิหน่า: บอกสิว่าตื่นตี3ไปวิ่งอ่ะ(หัวเราะ)

แบงค์: โชคดีที่ว่าเราออกกำลังกายอยู่แล้วเราทานดีทั้งคู่แล้วเราก็เลยปรับแค่ว่าดื่มน้อยลงไปเยอะมาก

นิหน่า: เป็นพ่อบ้านสายคลีนแล้ว

แบงค์: เคสผมเป็นตัวอย่างเราไม่ได้เกิดจากการใช้ชีวิตมันพิสูจน์แล้วผ่านแลปเมืองนอกว่ามันเป็นกรรมพันธุ์แฝงเราก็เลยมีการปรับการใช้ชีวิตให้กรรมพันธ์เหล่านี้ไม่ออกมาป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามารักษาเพราะว่าการรักษาแบบผมอาจจะไม่เวิร์คกับอีก99 คนก็ได้  100 คนก็รักษา100แบบเพราะฉะนั้นป้องกันเป็นสิ่งที่เราทำเหมือนเหมือนกันได้

งดดื่มไปเลย?

แบงค์: ใช่ว่ายังงั้นเลยก็ได้(หัวเราะ) 

กลายเป็นคุณพ่อสายคลีนก็เข้าทางคุณแม่เลย?

นิหน่า: ดีแฮปปี้เหมือนได้สามีใหม่เราเป็นห่วงสุขภาพเค้าด้วยความพี่แบงค์เค้าจะรู้สึกว่าพ่อไม่เป็นไรน้องแหละเข้าโรงพยาบาลทุกปีเป็นประโยคติดปากของเค้าแล้วปรากฏว่าพอเจอกับตัวเองปุ๊ปดอกใหญ่เลยก็จะคุยกันเล่นๆว่าก็ดีเหมือนกันมันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้สึกว่าคือเราใช้ชีวิตประมาทไม่ได้นะบางทีเรามั่นใจว่าเราแข็งแรงแล้วเรากินดีแล้วออกกำลังฟิตขนาดนี้แต่มันเกิดขึ้นกับเราได้ไงเพราะตอนนี้ก็เหมือนได้ชีวิตใหม่ดูแลสุขภาพใส่ใจเรื่องการกินเห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอยู่ร่วมกันในครอบครัวคือจริงๆก็เห็นความสำคัญอยู่แล้วแต่ว่าจะทำให้เราเห็นคุณค่ามากขึ้นอะไรอย่างนี้มากกว่า

นิหน่าพูดบนเวทีว่ามายด์เซ็ทคือคนข้างกายสำคัญสำคัญยังไง?

นิหน่า: กลับตัวนิหน่าคิดว่าถ้าเราอ่อนแอคนที่เขาเห็นเราอ่อนแอเค้าจะรู้สึกทันทีว่าเค้าคือต้นเหตุอันนี้เป็นความรู้สึกนิหน่าฉะนั้นสิ่งที่เค้าไม่อยากเลยคือเค้าไม่อยากให้เราเศร้าให้เราเครียดแล้วเรื่องพวกนี้มันแกล้งกันไม่ได้ซึ่งยอมรับว่าอาทิตย์แรกมีเป็นเหมือนกันแบบว่าไม่เป็นไรแต่สุดท้ายคือทำไงดี  แต่พอเราได้ตั้งสติแล้วก็ก้าวข้ามผ่านจุดที่เรารู้สึกว่ามันไม่เครียดมันเป็นโรคที่รักษาได้มันไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้โลกจะสลายหรือว่าพรุ่งนี้เราจะไม่เห็นหน้ากันแล้วมันไม่ใช่เพราะฉะนั้นสติสำคัญที่สุด

จริงๆมีคนถามเยอะว่าดูแลกันยังไงปลอบใจอะไรกันเป็นพิเศษความสัตย์จริงก็คือไม่มีเราก็คุยกันเหมือนเดิมวางแผนเที่ยวเหมือนเดิมอยากจะทำอะไรก็ทำเหมือนเดิมทุกอย่างใช้ชีวิตให้เป็นปกติการรักษาก็คือรักษาไปแล้วก็ทำตามที่คุณหมอสั่งคือจะไม่แบบสะเปะสะปะบางทียอมรับว่ามีคนรู้เรื่องนี้เค้าก็แบบพยายามอันนั้นสิอันนี้สิแต่เราต้องมีแกรนเราต้องเชื่อคนๆนึงคือต้องเป็นคุณหมอเราก็ปฏิบัติตามทำให้เราไม่วอกแวกไม่เสียขวัญเสียกำลังใจเลยเป็นการแบบก้าวข้ามความกลัวของตัวเองไปและทำให้เค้าเห็นว่าภรรยาเรายังโอเคเลยมันส่งเสริมความเชื่อซึ่งกันและกัน

ทั้งคู่ดูกำลังใจดีลึกๆมีอะไรที่รู้สึกกังวลอยู่ไหม?

แบงค์: โดยส่วนตัวนะไม่มีเลยเพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าเป็นห่วงเราเราไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรให้เค้ากังวลว่าไปคนเดียว(หัวเราะ)

นิหน่า : เอาอย่างนี้พูดง่ายๆให้เห็นภาพคือถ้าเค้ากังวลแล้วเรากังวลมันจะยิ่งเพิ่มความนอยด์ในบ้าน

แบงค์ไม่ใช่ว่าเรากังวลไม่ได้นะในคนที่โรคมะเร็งแต่ในเมื่อคู่ของเราที่อยู่เคียงข้างๆอ่ะก็คิดแทนเราไปแล้วไปทางเดียวกันแล้วเราก็พูดคุยหาทางออกหาทางที่จะพัฒนาต่อไปสิจะมาหยุดอยู่กังวลเพื่ออะไร

นิหน่า: ถ้าจะเอาเวลาไปกังวลมานั่งคิดดีกว่าไหมว่าสเต็ปต่อไปเราจะยังไงบ้างจะวางแผนป้องกันมันยังไงดีคิดอะไรที่สร้างประโยชน์ให้กับการรักษาน่าจะดีกว่าคุณหมอก็ใจดีมากให้คำปรึกษาเราตลอดทำให้เรามีสติมีกำลังใจซึ่งสำคัญที่สุดในการดูแลกับผู้ที่เจอกับโรคนี้มี 

ฝากให้กำลังใจคนที่กำลังประสบกับโรคมะเร็งแล้วเครียด..

แบงค์: พวกเราก็ยังไม่ได้ช่ำชองอะไรกับโรคมะเร็งเพิ่งจะรักษามาได้8เดือนแต่ใครก็แล้วแต่ที่เพิ่งประสบพบเจอที่ต้องเข้าการรักษาป้องกันไม่ทัน  คุณอาจจะไม่มีนิหน่าของคุณแต่ผมมีนิหน่าของผม แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกคุณยังมีสมาคมคุณยังกลุ่มก้อนยังมีสังคมเหล่านี้ศึกษาหาความรู้ได้ไม่มีค่าใช้จ่ายในหลายๆองค์กรอยากให้จำตรงนี้ไว้อย่าท้อเพราะว่าทุกอย่างมีทางออกอยู่แล้วมีปัญหาต้องมีทางแก้ไขเสมอ

นิหน่า: มาคุยหลังบ้านกับเราก็ได้เพราะว่าก็มีคนส่งมาเยอะเหมือนกันเราไม่ใช่หมอนะไม่ได้ให้ถามว่ารักษายังไงแต่เรื่องของกำลังใจเชื่อว่าเราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้. ถือว่าเป็นพลังบวกที่เราสามารถให้กันได้อ่ะค่ะ