อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีจากกรณีที่เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนไล่อาวุธปืนไล่กราดยิงชาวบ้าน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 16 รายและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดในเขตสภ.โพธิ์กลาง และยังก่อเหตุต่อเนื่องในเขตเมืองหัวทะเล ก่อนที่ขับรถหนีเข้าไปในห้างเทอร์มินอล 21 ในตัวเมืองโคราช โดยเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมเนื่องจากคนร้ายจับประชาชนเป็นตัวประกัน
โดยทางด้าน “สมรักษ์ คำสิงห์” ก็เกือบกลายเป็นผู้ประสบเหตุในเหตุการณ์กราดยิงที่โคราชทั้งครอบครัว เพราะว่าจริงๆ แล้วในวันเกิดเหตุนั้น ลูกชายได้รับการติดต่อให้ไปโชว์ตัวที่โคราช แต่ว่าเพิ่งจะยกเลิกงานไปก่อนเพียง 1 วันเท่านั้น ถือเป็นโชคดีของครอบครัวเป็นอย่างมาก เพราะว่าเวลาไปงานที่โคราชก็จะยกกันไปทั้งครอบครัว แล้วก็จะแวะไปทานข้าวที่ห้างเทอมินอล 21 เสมอ
“ถ้าไปวันนั้นก็น่าจะโดนแต่ก็จินตนาการไปว่าถ้าเราอยู่ในสถานการณ์ตอนนั้นโดนจับไปเป็นตัวประกันตรงนั้นเราจะทำยังไงอย่างน้อยผมคนหนึ่งคือต้องสู้แน่จังหวะผู้ร้ายเผลอต้องโดดล็อกคออะไรแบบนี้เอาจริงๆนะคือคนคนเดียวแล้วหลายคนอยู่ในนั้นหลายสิบคนพอเขาเผลอปุ๊บเราจินตนาการคนเดียวเราต้องสู้ เราต้องช่วยกัน ยามวิกฤตนี้คนไทยต้องช่วยกัน แต่หลายคนอาจจะไม่มีตัวเริ่มต้นไง จังหวะเขาเผลอ”ทั้งนี้ได้ถามต่อว่าแต่เขามีอาวุธครบมือ “สมรักษ์ คำสิงห์” กล่าวว่า“ใช่ๆ อาวุธครบมือแต่เขาถือปืนอันเดียว จังหวะเขาเผลอเราอยู่ด้านหลังเรากระโดดตะครุบคอเลย แล้วให้มาช่วยหน่อยมารุมกัน ผมจินตนาการส่วนตัวแต่เข้าใจพอถึงเหตุการณ์จริงๆทุกคนอาจจะตกใจกลัวขาดสมาธิแต่ถ้าเป็นผมผมนั่งคิดเล่นๆถ้าผมโดนจับเป็นตัวประกันตรงนั้นผมก็ต้องพยายามหาเผลอเมื่อไหร่ต้องล็อกคอต้องสู้เราเป็นนักมวยจะเอามันอยู่ไหม ถ้าอยู่ก็รอด ถ้าไม่อยู่เราก็เรียบร้อย ก็จินตนาการส่วนตัวนะครับ” อย่างไรก็ตามได้ถามต่อว่าเราได้ติดตามเหตุการณ์ตลอดไหม “สมรักษ์ คำสิงห์” กล่าวว่า “ติดตามครับ คือจริงๆแล้วกำหนดผมจะไปที่นั่นอยู่แล้วไงเพราะลูกชายจะไปโชว์ตัวที่ห้างวันเสาร์อาทิตย์ถ้าได้ไปก็ไปกันทั้งบ้านไปแต่ละครั้ง ก็จะไปนั่งทานข้าวกันตอนเย็นๆ ที่ห้าง ก็พอดีเลย คือลูกชายมีรายการไปเดาะบอลโชว์ แต่วันนั้นเขาติดแข่งฟุตบอลรายการใหญ่ของเมืองทองเลยไม่ได้ไป”
