เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ล่าสุดทางด้าน “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” พิธีกรรายการ “เคลียร์ให้จบ” เปิดใจสัมภาษณ์ “เบนซ์ เรซซิ่ง” หรือ “อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช” อดีตสามี “แพท ณปภา ตันตระกูล” ถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่ต้องจบ ชีวิตในคุก และเรื่องถูกทนายข่มขู่จะยัดยา วันนี้เจ้าตัวพร้อมเคลียร์ให้จบทุกเรื่อง

อยู่เงียบๆ มาตั้งนาน จู่ๆ วิ่งโร่ไปหาตำรวจ เกิดอะไรขึ้น?
“ตั้งแต่ออกมาก็อยู่เงียบๆ ไม่อยากเป็นข่าวบนสื่อเท่าไหร่ แต่พอมีเรื่องราวนี้เกิดขึ้น ก็คิดว่าเราควรออกมาพูดอะไรบ้าง เพื่อความปลอดภัยของตัวผมเองและครอบครัว”

ถูกโทรมาข่มขู่?
“ถูกต้องครับ เรื่องราวเกิดจากการฟ้องร้องทนายความที่เราเคยว่าจ้างและเกิดการโกงเงินไป”

ระดับเบนซ์ ไม่มีใครข่มขู่ได้มั้ง?
“เราไม่รู้เขาคิดทำจริงหรือไม่จริงแต่เพื่อความปลอดภัย เราป้องกันตัวเองไว้ก่อน”

คุณไปเจอทนายคนนี้ที่ไหน ยังไง?
“ตอนมีคดีความก่อนหน้านี้ ผมต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำรอพิจารณาคดี พออยู่ข้างในการดำเนินการทำอะไรมันค่อนข้างลำบาก ในการเตรียมหาหลักฐานต่อสู้คดี ในการเตรียมเอกสารใดๆ ยังดีที่มีครอบครัวช่วยดำเนินการให้ เราก็หวังว่าถ้าเราได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวก็จะเป็นการดี เราจะได้มาเตรียมหลักฐานในการต่อสู้คดี เราก็ยื่นคำร้องมาโดยตลอด แต่ศาลไม่อนุญาต เพราะอัตราโทษสูง ศาลกลัวจะหลบหนีคดี ผมก็เข้าใจในจุดนี้ดี เพราะมีคนจำนวนมากที่หนีเหมือนกัน ทางผมก็บริสุทธิ์ใจมาโดยตลอด เราต่อสู้มาตลอด แต่เรามีความหวังว่าถ้าเราได้ออกมาจะเตรียมหลักฐานได้ง่ายกว่า เพราะเรื่องเอกสาร บัญชีมีเราคนเดียวที่รู้ทั้งหมดว่ายอดไหนคือค่าอะไร”

คุณแม่เป็นคนจ้างทนายคนนี้?
“มีคนแนะนำมาอีกที ตอนแรกมีทนายว่าความให้อยู่แล้ว คนนี้มาเสนอว่าจะมาทำคดีให้และจะยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวให้ ตอนนั้นเราก็ค่อนข้างมีความหวัง มีทนายเข้ามาหาเป็น 10-20 คน แต่ด้วยทนายคนนี้ดูแล้วน่าเชื่อถือ มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร”

คำนำหน้าชื่อก็น่าเชื่อถือระดับหนึ่งแล้ว ตอนนั้นแม่มีการปรึกษามั้ย?
“มีการเข้ามาเยี่ยม บอกว่าเดี๋ยวจะมีทนายความคนใหม่ ให้เราเซ็นรับแต่งตั้งทนายความคนนี้ เขาจะมาดูเรื่องคดีให้ และดูเรื่องปล่อยตัวชั่วคราว โดยทำด้วยวิธีใดแล้วแต่ทนายจัดการ”

เขาขอเงินคุณเท่าไหร่?
“ตกลงกันที่ 3.1 ล้าน ที่ดูว่าเยอะ เพราะว่าในการขอประกันตัวครั้งแรก เรายื่นไปแล้ว 3 ล้าน ครั้งต่อๆ ไปก็ไม่ควรน้อยไปกว่าเดิม หลายคนอาจตกใจว่าทำไมถึงกล้าจ้างในราคาสูง ราคาอาจรวมหลักทรัพย์ในการประกันตัวด้วย ในสัญญาตกลงกันไว้ว่าถ้าทำไม่ได้ตามวันที่กำหนด ต้องคืนเงิน 3 ล้านบาททันที 1 แสนคือค่าดำเนินการ”

เขาทำได้หรือไม่ได้?
“ทำไม่ได้และไม่คืน เขาก็อ้างว่าเราไปแทรกแซงการทำงานของเขาและมีการฟ้องกลับเราอีก”

เขาเป็นทนายจริงใช่มั้ย?
“เขาเป็นทนายจริง แต่ ณ ปัจจุบันเขาโดนสภาทนายความถอนใบอนุญาตทนายไปแล้ว”

เพราะคุณไปยื่นฟ้อง?
“เคสก่อนหน้าผมอีก เราก็ยื่นไปที่สภาทนายความว่าเขาทำผิดเรื่องที่ตกลงกันไว้ สภาทนายความก็บอกว่าเขาโดนถอนไปแล้วก่อนเคสเราอีก ก็แสดงว่าเขาเคยทำแบบนี้ก่อนหน้าเรามาก่อน เขาไม่คืนเงิน เงียบหายไปและติดต่อไม่ได้ นานแล้วครับก่อนผมจะออกมาอีก”

ทำไมเขาถึงขู่ฟ้องคุณ?
“ถ้าลำดับเหตุการณ์จริงๆ ส่วนที่เขาโกงเงินส่วนนี้ไป เรามีการฟ้องศาลแพ่งว่าผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้ จนศาลแพ่งมีคำสั่งว่าให้ชดใช้ในส่วนนี้ แต่เขาก็นิ่งเฉยไม่ชดใช้อะไร ศาลแพ่งให้เขาชดใช้ 3 ล้านพร้อมดอกเบี้ย แต่ระหว่างฟ้องศาลแพ่งเขาก็มาฟ้องกลับทางคุณแม่ว่าเราไปฟ้องเท็จเขา เอาเอกสารใดๆ มาฟ้องจนทำให้เขาได้รับโทษเสื่อมเสียชื่อเสียงว่าเขาไปโกง แต่ศาลพิจารณาแล้วยกคำร้องว่าไม่มีมูล เราก็ฟ้องกลับเขาฟ้องเท็จเหมือนกัน ถ้าศาลเชื่อว่าทางคุณแม่ฟ้องเท็จก็มีโทษเหมือนกัน เราก็เลยฟ้องเท็จกลับไป”

เขาโทรหาใคร?
“โทรหาคุณแม่ บอกว่าให้ไปถอนฟ้องซะ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปขึ้นศาลแล้ว ศาลจะไต่สวนมูลฟ้อง เขาบอกให้ไปถอนฟ้องซะถ้าไม่อยากเดือดร้อน พอดีอัดคลิปเสียงไว้ด้วย บอกว่าให้ถอนฟ้องถ้าไม่อยากเดือดร้อน เดี๋ยวจะมาจับยากับพี่ชาย ทำนองว่ามายัดยาเสพติดกับพี่ชายเพราะแม่กับพี่ชายเป็นคนติดต่อธุระให้แทนตลอด ตอนอยู่ข้างในผมไม่สามารถดำเนินการได้ เขาบอกว่ามีคดีความกับใครก็ให้ไปถอนฟ้อง ถ้าไม่อยากเดือดร้อน ผู้ใหญ่สั่งมา”

กลัวมั้ย?
“จริงๆ เราบริสุทธิ์ใจ เราสู้คดีนี้มาตลอด ผมก็กังวลไม่รู้เขาจะมาทำอะไรเราหรือเปล่า คาดเดาไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจจริง ไม่ต้องมาทำวิธีนี้หรอก เอาหลักฐานมาสู้คดีกัน”

เป็นตราบาปในสังคมไปเลย กับทนายความคนหนึ่ง เกิดอะไรขึ้นกับทนายความคนนั้น?
“มีภาพข่าวของสื่อบางสำนักที่เอาแฟ้มภาพเก่ามาลง ซึ่งเป็นทนายความสิทธิโชค คนจะเข้าใจผิดว่าทนายคนนี้โกงไป จริงๆ ต้องขอบอกว่าไม่ใช่ทนายสิทธิโชคที่โกง เขาเป็นทนายคนแรกที่มาดูแลคดีให้”

ชีวิตที่ออกจากคุก เคยเป็นหนุ่มเจ้าสำราญในสนามแข่งรถ แล้วเป็นเด็กที่ขยันทำมาหากิน ทำธุรกิจ วันนึงต้องไปอยู่ในคุก มันพลิกเลยมั้ย?

“ก่อนเข้าไป เราก็เตรียมใจไว้ล่วงหน้า เราจะไม่เผื่อใจไว้เลยก็ไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะเป็นยังไง เราต้องเตรียมตัวเตรียมใจเข้าไป แต่เตรียมใจคิดว่าไม่นาน สักอาทิตย์สองอาทิตย์รอทำเรื่องประกันตัว แต่ลากไปยาว 1 ปี 3 เดือน”

อยู่ในนั้นใช้ชีวิตยังไงบ้าง?
“ต้องบอกว่าค่อนข้างที่จะลำบาก ไม่ได้สบาย ไม่ว่าจะกิน นอน กิจวัตรประจำวันเหมือนกันหมด ประชากรในห้องขังมีเยอะมากเกินกว่าเรือนจำจะรับไหว การนอนปกติเรานอนสบายๆ แต่นี่นอนแบบไหล่ชนไหล่ ทุกคนเรียงกันไปเลย ห้องนึง 70 คน ขาไขว้กัน ไม่มีการยืด พลิกตัวไม่ได้ ต้องค่อยๆ ตะแคง”

อาหารเหมือนที่เราเคยเห็นมั้ย ที่เป็นเศษกระดูกไก่?
“ก็ค่อนข้างเป็นอย่างนั้น แต่อย่างน้อยอาหารปรุงสดใหม่ตลอด ก็พอประทังชีวิตไปได้”

มีคนมารังแกมั้ย?
“เท่าที่สัมผัสมามันไม่มีแล้ว เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป หลายคนก็อยากประพฤติดี เพื่อได้เลื่อนชั้นกลับบ้านได้ไวขึ้น ไม่อยากมีเรื่องมีราว”

เขามีรับน้องมั้ย?
“ไม่มี อาจแค่ด้วยคดีดัง เขาก็ดูแลไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายกับเราไม่อยากให้มีปัญหาโดนทำร้าย ถ้าให้เอาตามตรง คนข้างในเขาค่อนข้างช่วยเหลือกัน เพราะไม่มีใครอยากเข้าไป”

ส่วนใหญ่เขาติดอะไรกัน?
“ที่ผมเข้าไปจะมีคดียาเสพติดอย่างเดียว ไม่มีปล้น ฆ่าข่มขืน มีแค่ยาเสพติด เราก็คุยกันนะ พอเข้าไปก็เหมือนคนปกติทั่วไปที่เขาอาจเดินผิดพลาด เสพยาบ้าง จำหน่ายบ้าง โดนหลอกบ้าง แล้วแต่เหตุผลที่เขาเลือกที่จะทำ”

วันแรกที่ก้าวเท้าออกจากลูกกรง รู้สึกยังไง?
“รู้สึกโล่งมาก ดีใจ ผ่อนคลาย ทุกอย่างเบาไป เรามีความหวังตลอด 1 ปี 3 เดือน เรายื่นไปทุกเดือน พยายามหาเหตุผลไม่ว่าจะเรื่องหลักทรัพย์ เรื่องพฤติการณ์ เรื่องคดีใดๆ จนสุดท้ายเราบอกที่บ้านว่าไม่ต้องแล้ว เรารอสืบเลย เพราะเรามั่นใจว่าเราไม่เกี่ยวข้อง จนสุดท้ายศาลก็พิพากษายกฟ้องเรื่องยาเสพติดไป เราก็ได้ประกันตัวออกมาตามขั้นตอนปกติ”

ตอนอยู่ในคุก ถ้าศาลไม่เชื่อ ติดนานเลย ไม่ได้ออกมา คิดอะไรไว้มั้ยจะทำยังไงกับครอบครัว?
“ครอบครัวเขาสามารถดูแลตัวเองได้ตามปกติอยู่แล้ว แต่ผมมั่นใจมากตั้งแต่เข้าไปว่าด้วยหลักฐานที่เรามี เราสู้ได้ และโทษที่ผมโดนประหารชีวิต ผมไม่สารภาพ ผมสู้ต่อด้วยเอกสาร ผมไม่มีการพูดลอยๆ ผมสู้ด้วยเอกสารทุกอย่าง เขาฟ้องอะไรมาผมหักล้างได้หมด”

มีการพูดคุยกับลูกเมียไว้ก่อนมั้ย ถ้าไม่ได้ออกจะให้หาผัวใหม่?
“เราไม่ได้พูดทำนองนั้น เรามีแต่ให้กำลังใจเขา ซึ่งผมรู้ตัวล่วงหน้าอยู่แล้วว่าในวันที่ยื่นฟ้อง น่าจะไม่ได้ประกันตัว แต่ทุกคนก็มีความหวังว่าน่าจะได้แหละ เราไม่ได้หลบหนีไปไหน เราบริสุทธิ์ใจมาตลอด แต่ผมก็เผื่อใจไว้แล้วว่าน่าจะไม่ได้ แต่เราไม่พูดกับคนอื่น”

อดีตภรรยาถูกสอบสวนด้วย เครียดมั้ย?
“เครียดในส่วนที่เขาน่าจะมีผลกระทบกับงาน แต่พฤติการณ์คดีมันห่างมาก สุดท้ายก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง”

ติดคุกปีกว่าทำให้ความสัมพันธ์ห่างด้วยหรือเปล่า?
“ก็อาจมีส่วนด้วยครับ เขาทำงานเยอะแยะ เดินสายไปหลายที่ เลยทำให้ไม่ค่อยมีเวลามาเยี่ยมด้วย จะมีก็แต่ครอบครัว พี่ชาย คุณแม่มา”

คุณพูดกับเขาตามตรงหรือนิ่งๆ?
“ก็มีฝากไปบอกเหมือนกันว่าถ้าว่าง ไม่ติดงานไม่ติดอะไรก็ให้แวะมาบ้าง ก็มีคิดถึงอยู่แล้ว แต่จะไม่ให้พาลูกมา เพราะมันทำใจไม่ได้ ก่อนเข้าไปเรซซิ่งอายุ 3 เดือน แพททำงาน เราก็ช่วยเลี้ยงลูก เราผูกพัน วันนึงเราชีวิตหักเหไม่เจอกันเลย เราทำใจไม่ได้ที่วันหนึ่งเขาจะต้องพามาเจอเขาแค่กระจกกั้น แล้วเราไม่สามารถกอด สัมผัสอะไรได้ ก็บอกว่าไม่ต้องพามา ก็อดทน”

พูดแค่นี้คุณก็น้ำตาจะไหล?
“อดทนรอนิดเดียว ผมมั่นใจว่ายังไงก็ได้ออกไปอยู่แล้ว”

วันแรกที่ได้ออกมากอดลูก?
“มันเกินจะบรรยายครับ มันดีใจที่สุดอยู่แล้วที่เราได้กลับมา แม้กระทั่งบอกว่าไม่ให้พามา เขาก็ไม่พามาเลย แต่ปริ้นท์รูปมาให้ เราดูแล้วยังร้องไห้เลย พยายามเก็บไว้ในแฟ้มไม่อยากเห็นไม่อยากดู เขาโตมาแต่เราไม่ได้อยู่กับเขา”

ร้องไห้เป็นด้วยเหรอ?
“มันอ่อนไหวมาก พออยู่ข้างในต้องยอมรับว่าเราไม่รู้อนาคตเหมือนกัน สิ่งที่เราหวังไว้มันอาจไม่เหมือนอย่างนั้นก็ได้ ช่วงที่เข้าไปมีมิวสิกวิดีโออันนึงที่แพทกับเรซซิ่งไปถ่าย เราได้เห็นก็ร้องไห้ตลอด เพลงนี้มาเพื่อนๆ ก็มองแล้ว เตรียมตัวดูเบนซ์ร้องไห้ได้เลย”

มีการพูดคุยกันมั้ย ออกไปแล้วจะเป็นยังไง?
“ส่วนนั้นไม่ได้คุยถึงขั้นนั้น เวลาเจอที่ศาลก็ถามไถ่ว่าเหนื่อยมั้ย ทำงานยังไง ปกติ”

วันที่แพทออกมาประกาศเป็นแค่พ่อแม่น้องเรซ ตกลงกันนานมั้ย?
“ไม่นะครับ คิดว่าความสัมพันธ์ค่อยๆ ชัดเจนลง”

มันเริ่มยังไง ถึงกลายเป็นต่างคนต่างอยู่?
“มันเริ่มตั้งแต่ผมเข้าไปอยู่ข้างใน มันก็เริ่มห่างกันไป ความสัมพันธ์ก็เหมือนลดลงไปเรื่อยๆ เขาก็สะดวกย้ายไปอยู่บ้านของเขา ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วตอนออกมา เราก็ดูแลธุรกิจของเรา ดูแลครอบครัว ดูแลคุณแม่ต่อไป”

ไม่คิดจะพยายามเอาคืนเหรอภาพครอบครัวช่วยดูแลลูก แยกโซนแม่เมีย?
“จริงๆ ในจุดที่ลงตัวที่สุดคือการที่เราคุยกันไว้ว่าเขาก็สะดวกของเขาอย่างนี้ เขาต้องทำงาน พาไปออกงานตลอด เราถ้ามีเวลาก็ไปเจอกัน ไปรับลูกบ้าง ทำกิจกรรมที่โรงเรียนบ้าง ก็คิดว่าน่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัว ก็ดำเนินการมา มันก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เรามาโฟกัสที่ตัวเรซซิ่งมากที่สุด”

ความสวีตหายไป?
“มันก็หายไปตั้งแต่ห่างไปช่วงนั้นแล้ว เราก็คบมาระยะเวลานึง แต่ส่วนที่หายไปมันนานยิ่งกว่านั้น”

เท่าที่เคยคุยกับแพท แพทจำเป็นต้องกลับบ้านเพราะเขามีผู้ป่วยอยู่ที่บ้าน?
“ครับ เขามีทั้งแม่และพี่น้องที่รวมอยู่ที่บ้าน”

เกิดดราม่าเกิดขึ้นแน่นอน เหมือนคู่คุณจะเป็นที่สนใจของประชาชนเยอะเหลือเกิน จนหลายคนถามว่าถ้าแพทเปิดตัวแฟนใหม่ คุณรู้สึกยังไง?

“จริงๆ แล้วถ้าทำให้เขามีความสุข ผมก็ยินดีด้วย อาจมาเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดหายไป ยินดีที่เขาจะมีความสุขในจุดนี้”

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online