จู่ ๆ ก็เกิดดราม่าร้อน เมื่อล่าสุด (1 เมษายน 2563) เบนซ์ เรซซิ่ง ได้โพสต์ข่าวของอดีตภรรยา แพท ณปภา ที่เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่ตัดสินใจมูฟออน ว่า ในคืนวันสิ้นปี “แพทรอคน ๆ นึงที่เผื่อเขาจะทักมา อย่างที่แพทบอกแพทมูฟออนเป็นวงกลม ก็ยังวนอยู่ที่เดิม เขาก็ไม่ได้ทักมา มันก็เลยกลายเป็นจุดที่เราจะต้องมูฟออนจริง ๆ” ซึ่งเบนซ์ ได้โพสต์เป็นภาพแชตไลน์ที่มีการพูดคุยกัน โดยเบนซ์กำลังฉลองปีใหม่อยู่
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ความหมายของคำว่า “ทัก” ก็คือ “ทัก” มิต้องปรุงแต่งแทนไปต่าง ๆ นานา ว่าจะต้องทักเพื่อการอันใด..จะ 3 ทุ่ม หรือจะเที่ยงคืน เจตนารมณ์นั้นไม่ต่างกัน
ซึ่งทางเพื่อนของแพท ได้เข้าไปคอมเมนต์ใต้โพสต์ฝ่ายชาย โดยระบุว่า วันเคาท์ดาวน์เรารู้ แพทคิดว่าแทนที่จะอยู่กับลูกเมีย แต่กลับอยู่กับเพื่อนวันสิ้นปี ซึ่งแพท ก็เข้ามาตอบว่า “เนอะ” ขณะที่เบนซ์ ชี้แจงว่า ในภาพคือครอบครัว และลูกน้องที่นั่งอยู่
ก่อนที่ต่อมา แพท ณปภา จะโพสต์ข้อความระบุว่า “จากสิ่งที่เข้าโพสต์มาทั้งหมด…มันทำให้แพทเห็นอะไรมากมายในตัวเค้า เห็นความคิดของเค้า เห็นการกระทำของเค้า เห็นชัดขึ้นกว่าเดิมอีก แล้วกลับมานั่งคิดว่า…ขอบคุณที่วันนั้นแพทตัดสินใจจบทุกอย่าง แพทเลือกถูกแล้วจริง ๆ แพทขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้เรา 2 คน มาโดยตลอดขอบคุณที่เอ็นดูเรซซิ่ง ขอบคุณที่อยู่ข้าง ๆ เรา 3 คน แต่วันนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว“
หลังจากนั้นเพื่อนร่วมวงการเดียวกันก็เข้ามาให้กำลังใจแพทอย่างมากมาย และในเวลาต่อมาด้าน เบนซ์เรสซิ่งก็ได้โพสต์ว่า….
ข้าพเจ้าทราบมาเป็นอย่างดี ก่อนที่ข้าพเจ้าจะกระทำการโพสในเรื่องดังกล่าว ว่าเรื่องราวมันจะต้องถูกบิดเบือนไปในทิศทางทำนองที่ว่า “ทำไมไม่ทักไปกินข้าว หรือ ทำไมไม่ทักไปเคาท์ดาวน์ หรือทำไมไม่ทักไปขอคืน” ไม่งั้นผมคงไม่เลือกที่จะเก็บเงียบมานานถึง 3 เดือน..
เจตนารมณ์ที่ข้าพเจ้าต้องการจะสื่อให้ได้ทราบโดยทั่วกันนั้นคือ ผู้ใดที่มีสื่ออยู่ในมือควรมีจรรยาบรรณและควรพูดในสิ่งที่เป็นความจริง โดยมิให้ส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ในส่วนของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าเลือกที่จะอยู่เงียบและโดนสังคมด่าทออย่างรุนแรงมาโดนตลอด ข้าพเจ้าไม่ต้องการที่สร้างสถานการณ์ใดๆ ข้าพเจ้าแค่คนธรรมดาตัวเล็กๆ คนนึงไม่มีปากมีเสียง ไม่มีสื่อ เพียงแค่ต้องการแสดงข้อเท็จจริงถึงเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่ามันมิได้เป็นไปตามที่ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ หากแต่ในสิ่งที่ท่านล้วนพูดออกมานั้น เมื่อท่านได้พูดจบลงไปแล้วท่านอาจมิได้คิดอะไร แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ท่านพูดออกไปนั้น มันส่งผลกระทบมาที่ทางข้าพเจ้าโดยตรงทั้งสิ้น
ดังนั้นหากคุณยังมีจรรยาบรรณ และสามัญสำนึก ได้โปรดชี้แจงให้ข้าพเจ้าได้ทราบถึงบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ว่าสิ่งที่ท่านได้ให้สัมภาษณ์ออกไปนั้นถูกต้องหรือไม่และมีข้อเท็จจริงอย่างไร
ด้วยความเคราพ
