เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
         เพิ่งจะคัมแบ็คผลงานเดี่ยวกับอัลบั้ม “RISE” มาหมาดๆ จุดนี้คุณพี่ “KOREA” ก็เลยไม่พลาดที่จะหยิบบทสัมภาษณ์ของ “หนุ่มแทยัง” มาฝากแฟนๆ คร่า ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าหนุ่มคนนี้จะเล่าอะไรให้เราได้รู้กันบ้าง
         เล่าให้ฟังหน่อยว่ามาสนใจทำเพลงได้ไง
         “ผมเริ่มจากเล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็กครับ ที่จริงผมไม่ได้สนใจหรอกว่าต้องเล่นเครื่องดนตรีไหนเป็นพิเศษ แต่เพราะคิดไว้ตลอดว่าต้องทำอาชีพอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับเพลงแน่ เลยเรียนเปียโนมาจนอายุ 13 หลัง จากนั้นก็มีโอกาสได้เจอสมาชิกวง Jinu- sean ที่แนะนำให้ผมมาทางดนตรีแนวฮิพ ฮอพประกอบกับผมชอบ Michael Jack son พอเห็นเขาเต้นแล้วผมคิดไว้ในใจเลยว่าต้องเต้นแบบนั้นให้ได้ จากนั้นผมก็ดูที่ Michael เต้นในทีวีแล้วเริ่มเลียนแบบท่าเต้นของเขาไปเรื่อย พอถึงงานโรงเรียนก็ออกไปเต้น”
         ถ้าพูดถึงตอนที่ “YG Entertain ment” ยังไม่ประสบความสำเร็จเหมือนอย่างทุกวันนี้ คุณรู้สึกกังวลไหมกับบริษัทสังกัดที่ยังไม่มั่นคง
         “ผมไม่ได้คิดถึงจุดนั้นเพราะผมยังเด็กอยู่ แค่อยากลองทำมันก็เท่านั้นเอง ครอบ ครัวผมเองตอนนั้นก็เป็นห่วงเรื่องที่จะไปเป็นเด็กฝึกในสังกัด YG Entertainment แต่จริงๆ แล้วบริษัทนี้เป็นบริษัทเดียวที่เชี่ยว ชาญแนวเพลงที่ผมชอบ เพราะฉะนั้นผมเลยไม่ติดใจว่าถ้าไม่ได้มาฝึกที่นี่แล้วตอนนี้จะเป็นยังไง ถึงตอนนี้ผมก็ไม่สนแล้วว่าจะไปทำอะไร แค่ได้ทำตามที่ใจบอกว่าใช่ก็พอ”
         แล้วคุณตัดสินใจมาเป็นศิลปินเต็มตัวเมื่อไหร่
         “ผมว่ายากนะถ้าให้ผมเจาะจงไปเลยว่าช่วงไหน แต่ก็คงตั้งแต่อายุ 13 นั่นแหละ เพราะตอนนั้นผมเข้ามาในสังกัด YG Entertainment แล้วก็ตัดสินใจเลยว่าจะต้องเป็นศิลปินเต็มตัวให้ได้”
         คุณกับ “G-DRAGON” เป็นคู่หูดูโอ hip-hop/R&B ที่ใช้ชื่อ “GDYB” มาก่อน แล้วตอนที่รู้ว่าต้องมาเข้าวง “BIGBANG” กับ “GD” คุณรู้สึกยังไง
         “ต้องบอกเลยว่าผมรู้สึกแบบเดียวกับ G-DRAGON ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ในตอนแรก แต่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเพราะเราเปิดตัวกันเป็นวง แค่สงสัยว่านี่ผมต้องไปทำเพลงที่ติดแนวป๊อปหรือเปล่า”
         ตอนที่มีอัลบั้มเดี่ยวออกมา มีข้อเปรียบเทียบสไตล์เพลงและโชว์ของคุณกับศิลปินอเมริกันอย่าง “Omarion” จนมาถึงตอนนี้สไตล์เพลงของคุณเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
         “ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าตัวเองยังติดเพลงแนว R&B อยู่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรตายตัวในสไตล์เพลงที่ผมทำออกมาอยู่ดี แต่เพลงที่ทำก็ต้องได้แรงบันดาลใจจากตัวศิลปินแนวนั้นๆ ไม่แปลกที่ใครๆ ต่างเห็นว่า                       เพลงของผมจะคล้ายกับเพลงของศิลปินอย่าง Usher หรือ Omarion ส่วนที่ผมทำแนว R&B ออกมาก็ไม่ได้หมาย ความว่าต้องทำแค่แนวนี้”
         ขอถามถึงอัลบั้มล่าสุดอย่าง“RISE” หน่อยเป้าหมายของคุณคืออะไร
         “ผมอยากให้ทุกเพลงในอัลบั้มได้รับความนิยม เป็นซิงเกิ้ลที่จะติดอยู่ในใจของคนฟัง ซึ่งผมก็ให้ความสำคัญกับภาพรวมคอนเซ็ปต์ อัลบั้มด้วยไม่แพ้กัน แต่ก็แค่อยากให้มันฮิตทุกเพลง เพราะงานเพลงของผมจะใส่จังหวะ ฮิพฮอพลงไปพอสมควร ผมเลยอยากให้ธีมเพลงมันออกมาไม่ธรรมดา เพราะหลายปีที่ผ่านมาผมชอบแนวเพลงนี้มากที่สุดแล้ว”
         ที่ผ่านมาเหมือนว่าคุณไม่มีข่าวแง่ลบเลยตั้งแต่มาเป็นศิลปิน
         “ผมไม่ได้มีภาพสวยหรูอะไรขนาดนั้นหรอกครับ เพราะตั้งแต่ได้เปิดตัว ผมก็บอกกับสื่อไปเลยว่าไม่มีแฟนจริงๆ แต่ก็มีบ้างที่ออกไปเดทกับสาวๆ แล้วผมก็รู้สึกว่าภาพลักษณ์ของผมถูกวางกรอบไว้ ซึ่งผม     ไม่ชอบ นี่ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ถ้าพูดตรงๆ คือผมมีความดื้อรั้นอยู่ใน ตัวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมจะซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอ”
         เพลงที่คุณออกในอัลบั้มเดี่ยวกับเพลงที่ออกกับวงค่อนข้างแตกต่าง รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้
         “ผมคิดถึงเรื่องนี้อยู่แล้วครับ เมื่อหลายปีที่ผ่านมามันเป็นความกังวลใจของผมเลย ยากอยู่นะครับ ตอนที่ผมออก ไปร้องเดี่ยวแล้วต้องฉีกแนวออกไปจากตอนร้องกับวง ผมต้องร้องซิงเกิ้ลที่ผมเลือกไม่ได้ ส่วนออกอัลบั้มเดี่ยวก็เป็นความใฝ่ฝันของผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากทำเพลงกับเพื่อนๆ ทำหลายๆ อย่างในฐานะสมาชิกวงครับ”
        นี่แหละค่ะคือความเป็นตัวตนของหนุ่มที่ชื่อ “แทยัง”