เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ ได้ปล่อยคลิปตัวเต็มของ สรยุทธ ขณะที่กำลังนั่งอ่านข่าว เรื่องเล่าชาวเรือนจำ หวนทำให้บรรดาชาวเน็ตคิดถึงวันวานที่หน้าจอกับเสียงที่ทุกคนคุ้นชินในตอนเช้า บางรายถึงขั้นบอกว่าเมื่อได้ยินเสียงแล้วน้ำตาไหลเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีชาวเน็ตจำนวนมากบอกว่ารอคอยการกลับมาของ สรยุทธ สุทัศนจินดา

ล่าสุดเมื่อทางด้านอดีตพิธีกรคู่หูอย่าง สาวไบร์ท ได้ดูคลิปวิดีโอดังกล่าว ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงพี่ชายคนสนิทเอาไว้ว่า คิดถึงเสมอนะคะ ตอนนี้กรมราชทัณฑ์นำรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” ออกเผยแพร่ผ่านทาง FB ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ แล้วนะคะ เผื่อแฟนข่าวอยากดูให้หายคิดถึงค่ะ 

บทสรุปคดีไร่ส้ม ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 6 ปี 24 เดือน “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” นักเล่าข่าวคนดังฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาทำให้ บมจ.อสมท เสียหายกว่า 138 ล้านบาท หลังคำพิพากษาเจ้าตัวถูกส่งเข้าเรือนจำทันที พบมีโรคไขมันในเลือดสูงและถุงลมโป่งพอง ขณะที่เฟซบุ๊กเจ้าตัวระบุ ต้องยอมรับให้ได้ แม้ชีวิตจะเริ่มต้นอีกครั้งในคุก แล้วค่อยพบกันใหม่

ย้อนกลับไปเมื่อ วันที่ 21 ม.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางพิชชาภา หรือนางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท, บริษัท ไร่ส้ม จำกัด, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อายุ 53 ปี กรรมการ ผจก.บริษัทไร่ส้ม และอดีตนักจัดรายการเล่าข่าวชื่อดัง และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงานบริษัทไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และจำเลยที่ 2, 3, 4 ในความผิดฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ม.6, 8, 11

นัดนี้ นายสรยุทธที่ยุติบทบาทสื่อมวลชนโดยสิ้นเชิงเดินทางมาศาล ในชุดสูทสีเข้ม สีหน้าเรียบเฉย มีทีมงานผู้จัดรายการข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ผู้บริหารไทยทีวีสีช่อง 3 รวมทั้งนักแสดงตลกคู่หู โก๊ะตี๋ อารามบอย มาให้กำลังใจ

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ.48-28 เม.ย.49 ต่อเนื่องกัน นางพิชชาภา หรือนางชนาภาพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ มีหน้าที่จัดการ รักษาทรัพย์ อาศัยโอกาสในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์อันมิชอบกล่าวคือ จำเลยที่ 1 จัดทำคิวโฆษณารวมในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 อสมท ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลา เพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลาจาก บ.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 17 ครั้ง ทำให้ บมจ.อสมท เสียหายขาดรายได้ 138,790,000 บาท และจำเลยที่ 1 ยังเรียกรับเอาเงิน 658,996 บาท จากจำเลยที่ 2-4 เพื่อเป็นการตอบแทน ถือเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยหน้าที่และเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ บมจ.อสมท มีจำเลยที่ 2-4 เป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือด้วยการจ่ายเช็คเพื่อตอบแทนการกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ อ้างเป็นการดำเนินธุรกิจตามปกติ ไม่มีเจตนาทุจริตและไม่ได้กระทำตามโจทก์ฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุก 20 ปีกับนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินฯ สั่งปรับ บ.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 รวม 80,000 บาท ส่วนนายสรยุทธ จำเลยที่ 3 และ น.ส.มณฑา จำเลยที่ 4 ถูกพิพากษาจำคุก คนละ 13 ปี 4 เดือน ต่อมาวันที่ 29 ส.ค.60 ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น นายสรยุทธกับพวกได้ประกันตัวในวงเงิน 5 ล้านบาท จำเลยทั้งหมดฎีกาขอยกฟ้องว่าขาดเจตนา ไม่มีการกระทำผิดตามที่ฟ้อง โทษที่ลงสูงเกินไป หรือขอรอลงอาญาและอ้างเหตุอื่นๆ

ศาลฎีกามีคำพิพากษาใจความว่าจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องรายงานคิวโฆษณาส่วนเกินเวลาให้ผู้บังคับบัญชาทราบแต่ไม่รายงาน การไต่สวนรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 4 เป็นผู้ใช้จำเลยที่ 1 หาช่องทางช่วยเหลือตามคำขอของจำเลยที่ 3 ซึ่งจำเลยที่ 1 ใช้น้ำยาลบคำผิดแก้ไขเอกสาร แม้จะฟังไม่ได้ว่าเช็ค 6 ฉบับ จ่ายเป็นค่าตอบแทน แต่ฟังได้ว่ามีการจ่ายเช็คในช่วงเวลาดังกล่าว หากไม่ได้ประโยชน์จำเลยที่ 1 คงไม่หาช่องทางช่วยเหลือและแม้จะมีการจ่ายเงินค่าโฆษณาส่วนเกินคืน แต่ก็จ่ายหลัง อสมท ผู้เสียหายตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้วและเวลาล่วงเลยไป 2 ปี ถือว่าการกระทำจำเลยทั้ง 4 เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ 6 กระทง ทั้งนี้ พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1-4 เป็นเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวอาวุโส กลับทำผิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จำเลยที่ 3 เป็นสื่อมวลชนอาวุโส ต้องปฏิบัติตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สื่อมวลชนอื่น พฤติการณ์จึงไม่เพียงพอให้รอการลงโทษหรือลงโทษสถานเบา ตามที่จำเลยทั้งหมดฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือแล้ว ที่ศาล อุทธรณ์ลงโทษมานั้นสูงเกินไป สมควรแก้บางส่วน พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิด 6 กระทง ลงโทษจำคุกนางพิชชาภาจำเลยที่ 1 กระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 18 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 12 ปี ลงโทษ ปรับ บ.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 กระทงละ 18,000 บาท รวมปรับ 108,000 บาท ลดโทษ 1 ใน 3 คงปรับ 72,000 บาท และให้จำคุกนายสรยุทธและ น.ส.มณฑา จำเลยที่ 3 และ 4 กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 6 ปี 24 เดือน

TV Pool OnlineTV Pool Online