เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หรือ ศบค. แถลงว่า กรณีที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เสนอวาระพิจารณาการขยายการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ


1. ต้องการเอกภาพ ความรวดเร็ว ความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานกลางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เนื่องจาก พ.ร.บ.โรคติดต่อไม่เพียงพอ ต้องประกอบกับกฎหมายอีกกว่า 40 ฉบับ ซึ่งต้องมาอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึงจะปฏิบัติการป้องกันโรคได้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า การขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขเป็นจุดหมายหลัก

2. เป็นการรองรับในระยะต่อไป เพราะประเทศไทย อยู่ระหว่างการกำหนดมาตรการผ่อนปรน ที่จะมีระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าการผ่อนปรนในระยะที่ 1 และ 2 ดังนั้น จะให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่พฤติกรรมเสี่ยงสูงกลับมา มันไม่สมดุลกัน จึงต้องสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้น และจำเป็นต้องให้มีมาตรการทางกฎหมาย เพื่อกำหนดการบริหารจัดการให้เหมาะสมกับการผ่อนปรนในระยะต่อไป

          3. สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่สิ้นสุด หลายประเทศยังมีการแพร่ระบาดและมีการติดเชื้อสูงอยู่ แม้ไทยจะดำเนินผ่อนปรนครบทั้ง 4 ระยะแล้ว ก็ยังต้องเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ, มาตรการทางกฎหมาย และแผนบริการจัดการวิกฤต เพื่อรองรับความเสี่ยงที่จะกลับมาของโรค ถ้าไม่มีกฎหมายควบคุมตัวเลขที่สูงในต่างประเทศจะไหลมาที่ไทยได้ ที่ประชุม ศบค. จึงเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขยายการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือนในสัปดาห์หน้า
สำหรับการผ่อนปรนในระยะที่ 3 มีการกำหนดขั้นตอนไว้ ดังนี้

– วันที่ 23-24 พฤษภาคม การจัดเตรียมข้อมูลเพื่อประชุมคณะทำงานกลั่นกรองกิจการ/กิจกรรม ตามมาตรการผ่อนคลาย
– วันที่ 25-26 พฤษภาคม จะมีการประชุมคณะทำงานกลั่นกรองกิจการ/กิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย
– วันที่ 27 พฤษภาคม จะมีการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกัน Covid 19
– วันที่ 29 พฤษภาคม จะมีการประชุม ศบค. เพื่อขออนุมัติ
– วันที่ 1 มิถุนายน จะมีผลบังคับใช้มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3

 ส่วนกิจการ/กิจกรรมที่จะได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 3 มีอะไรบ้างนั้น ยังไม่มีการกล่าวถึง แต่เป็นกิจการ/กิจกรรมที่มีความเสี่ยงปานกลางไปถึงสูง ในการติดเชื้อ ซึ่งอาจเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่มารวมกันมากในการผ่อนคลายครั้งนี้ เพราะถ้าหลุดออกจากตรงนี้ต้องไปอยู่ระยะที่ 4

ขณะที่เรื่องการปรับลดเวลาเคอร์ฟิวนั้น ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือกัน แต่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ระบุว่าหากประชาชนให้ความร่วมมือ ไม่มีการดื่ม ไม่มีการชุมนุมในด้านที่ไม่ดี หรือออกจากเคหสถานโดยไม่จำเป็น เหมือนสถิติที่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนมากขึ้น ก็มีโอกาสที่ ศบค. จะลดห้วงเวลาของเคอร์ฟิวลงในการผ่อนคลายในระยะที่ 3 แต่จะเป็นเวลากี่ชั่วโมง เมื่อไร คงต้องรอการประชุมครั้งต่อไป