เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งศูนย์ปฎิบัติแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่ 17/2563 เรื่องการปฎิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 (ฉบับที่ 3 ) ดังนั้นจึงกำหนดแนวทางปฎิบัติให้การปฎิบัติตามคำสั่งศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ในเรื่องการปรับการตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และจุดตรวจ เพื่อบังคับใช้มาตรการในห้างเวลาห้ามออกนอกเคหสถานจัดตั้งคณะตรวจการประกิบกิจการ และกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่มอบหน้าที่ และอำนาจและแต่งตั้งหัวหน้าคณะตรวจการประกอบกิจการยังมีผลบังคับใช้ โดยปรับการปฎิบัติให้สอดคล้องกับปนวทางที่กำหนด

ดังนั้น การเดินทางข้ามจังหวัดข้ามเขตพื้นที่จังหวักให้ปฎิบัติ ตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดรวมทั้งให้ปฎิบัติตามมาตรการ ที่แตละจังหวัดกำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ สำหรับการเดินทางในห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน ให้ปฎิบัติตามคำสั่งศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ส่วนยานพาหนะที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสาธารณะ ที่เป็นการขนส่งคนหรือสินค้าระหว่างจังหวักที่เดิมออกจากจังหวัดต้นทางก่อนเวลา 23.00 น. และถึงจังหวัดไปทางหลังเวลา 03.00 น.ของวันรุ่งขึ้นสามารถเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัด ในช่วงเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานได้ โดยต้องแสดงหลักฐานรับรองจากบริษัท หรือหน่วยงานต้นสังกัดระบุรายละเอียดที่จำเป็น ได้แก่ ผู้ขับบี่ พนักงานประจำรถ เส้นทางและตำบลเดินทาง ชนิดและรายการสอนค้า หรือบัญชีรายชื่อผู้โดยสาร ควบคู่กับบัตรประชาชนหรือบัตรแสดงตนอย่างอื่น

ทั้งนี้ ห้ามมิให้ผู้โดยสารขึ้นหรือลงจากยานพาหนะ ในห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหะสถานเว้นแต่เป็นผู้ที่ได้รับการยกเว้น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 31 พ.ค.2563 พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง