ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโรคร้ายอย่าง โควิด-19มาสักพัก โดยแฟนเพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่บทความ ที่พูดในงาน โดยดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ : อีก 150 วัน คนไทยจะเจออะไร กับงบ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” 4 แสนล้าน ที่มีแต่การสร้างถนน?
.
.
ผมคิดว่าประเทศไทยต้องตั้งโจทย์ให้ถูกต้อง ซึ่งถ้าพยายามรวบรวมแนวคิดก็จะเห็นว่า ประเทศไทยมีอยู่ 4 อย่าง คือ FAAT
.
– F… คือ food
– A… คือ aging
– A… คือ automobiles
– T… คือ tourisms
.
สำหรับเรื่องแรก Food
.
คือ ภาคการเกษตร สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่าประเทศไทยใช้ที่ดิน 50% เพื่อการเกษตร แต่ GDP ที่มาจากภาคการเกษตรแค่ 8% อันนี้ก็ผิดแล้ว เพราะใช้ทรัพยากรกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศแต่กลับได้ผลตอบแทนแค่ 8% เท่านั้น
.
ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารที่สำคัญๆ อยู่ 5 อย่าง คือ มันสำปะหลัง ทูน่ากระป๋อง สัปปะรดกระป๋อง ข้าว น้ำตาล
.
ใน 5 อย่าง เป็นแป้งกับน้ำตาลไปแล้ว 3 อย่าง พวกเราใครอยากจะทานแป้งกับน้ำตาลบ้าง? ไม่ค่อยมีใครอยากเพราะเรารู้ว่าเราน้ำหนักมาก เราจะเริ่มแก่ เริ่มสุขภาพไม่ดี แม้กระทั่งสินค้า อย่างเช่น ปลาทูน่ากระป๋อง หรือสัปปะรดกระป๋อง ก็เป็นการส่งออกที่ margin ต่ำมาก ยังไงก็ต้องเปลี่ยนแปลงตรงนี้ ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยนแปลงคือเรื่อง Food
.
เรื่องที่ 2 Aging
.
การแก่ตัวของประชากรประเทศไทย จากการนำเสนอข้อมูลสมาคมผู้ส่งออกอาหารสหรัฐ ได้ประเมินประเทศไทยว่า เป็นประเทศที่เข้าสู่ยุคประชากรสูงอายุ แม้ยังมีรายน้อยและยังยากจนอยู่มาก ซึ่งมีตัวเลขที่ทำให้เห็นว่าจำนวนผู้ที่อยู่ในวัยแรงงาน ลดลง ต้องเพิ่มผลิตภาพ
.
คนไทยที่อยู่ในวัยแรงงาน ในปี 2000 เคยมีค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ 30.1 ปี ตอนนี้อยู่ราว ๆ 38 ปี และ อีก 10 ปีต่อไปคงอยู่ราว ๆ 41.8 ปี คนไทยก็แก่ลง พวกเราก็รู้ตัวกันนะว่า ตอนอายุ 30 แข็งแรง ทำอะไรได้ทุกอย่าง ตอนอายุ 40 ก็ถอยๆ แล้ว ประเทศเราก็กำลังจะเป็นอย่างนั้น ฉะนั้นเรื่อง aging ต้องถามว่าจะทำยังไงต่อไป
.
เรื่องที่ 3 Automobiles
.
เป็นเรื่องที่กล่าวกันว่าเป็นจุดเด่นของเรา แต่ผมต้องขอบอกว่า เราอย่าเป็น Detroit of Asia เลย
.
หากดูข้อมูลค่าหุ้น ของ Detroit ได้แก่ General Motor, Flat Chrysler, Ford มูลค่าขอหุ้น 3 ตัวรวมกันยังไม่เท่า Tesla ที่พึ่งเข้าตลาดหุ้นได้ไม่ถึง 20 ปี ซึ่ง 3 บริษัทนั้นเข้าตลาดหุ้นมาเป็นร้อยปี เพราะว่า เทคโนโลยีมันผิด
.
เทคโนโลยีที่สำคัญตอนนี้ จะเห็นว่ากำลังมีการวิจัยเรื่องแบตเตอรี่โซเดียมไอออน (sodium-ion) ซึ่งราคาถูกกว่าลิเธียม (Lithium-Ion) และถ้าทำสำเร็จในอนาคตรถยนต์จะกลายเป็นรถไฟฟ้าหมด อีกอย่างหนึ่งคือ Tesla ร่วม CATL กล่าวว่ากำลังจะผลิต ลิเทียมไอออนแบตเตอรี่ ที่สามารถใช้งานได้ถึง 1 ล้านไมล์ หรือ 1.6ล้านกิโล เห็นได้เลยว่าอนาคตรถที่ท่านใช้อยู่ปัจจุบันจะไปขายได้อย่างไร ต้องถามตัวเองว่าเราจะพลิกตรงนี้ไปได้อย่างไร
.
เรื่อง 4 Tourisms การท่องเที่ยว
.
ตอนนี้เหลือ 0 เลย ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 รายได้จากการท่องเที่ยวแทบไม่มี ถ้าฟังตามที่รัฐบาลพูด ก็คาดหวังว่า ไตรมาส 4 จะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาบ้าง แต่รัฐบาลก็บอกว่าจะจำกัดอยู่ที่ 1 พันคนต่อวัน คำนวณเร็วๆ จะอยู่ที่ 100 วันจะมีนักท่องเที่ยวเพียง 1 แสนคน
.
โดยปกติประเทศเราจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ไตรมาสละ 10 ล้านคน ฉะนั้นเท่ากับประเทศเหลือรายได้จากการท่องเที่ยวเพียง 1% เท่านั้น จากเดิมรายได้จากการท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศคิดเป็น 12-15% ของ GDP ไทย รายได้ส่วนนี้จะหายไปเลย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจต่าง ๆ
.
ขณะนี้แบงค์ชาติให้หลายธนาคารผ่อนปรนลูกหนี้ที่คิดว่าจะมีปัญหา และ มีลูกหนี้เข้าร่วมเข้าร่วมรายการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงิน ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเท่าที่ทราบตอนนี้ยังไม่มีการปรับโครงสร้างอะไร
.
ประเด็นสำคัญคือ มีผู้เข้าร่วมโครงการนี้มีทั้งหมด 15 ล้านคน มูลค่าหนี้ คือ 6.8 ล้านล้านบาท หรือกว่า 1 ใน 3 ของการปล่อยสินเชื่อทั้งระบบ
.
ลองนึกภาพนะครับคนกว่า 1 ใน 3 หรือ มูลหนี้กว่า 1 ใน 3 หยุดพักชำระดอกเบี้ยและหยุดคืนเงินต้น ไม่มีความสามารถในการทำสองอย่างนี้ แบงค์ชาติให้พักไปประมาณ 6 เดือน จากเดือนเมษายน คำถามคือตอนที่กลับมาประมาณปลายปี หรือ อีก 150 วันข้างหน้า ต้องประเมินแล้วว่า ในกลุ่มนี้ ใครจะใช้หนี้คืนได้บ้าง
.
ถ้าเศรษฐกิจไม่ฟื้นและถ้าเกิดปัญหา สามารถแบ่งได้ว่าในจำนวน 1 ใน 3 ของกลุ่มลูกหนี้นี้ มีลูกหนี้ที่เป็นประชาชนหรือหนี้ส่วนบุคคล 13.9 ล้านคน ธุรกิจ 1.1 ล้านธุรกิจ ในจำนวนนี้มีธุรกิจขนาดใหญ่ไม่กี่พันราย ที่เหลือเป็น SME ทั้งหมดเลย และหนี้ของ SME กว่า 1 ล้านราย มีมูลค่าหนี้กว่า 2.2 ล้านล้านบาท แล้ว 2 ล้านล้านบาท มีมาตรการอะไรรับมือบ้าง
.
แบงค์ชาติมีมาตรการปล่อย SME Soft Loan 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่เห็นได้ว่าไม่เพียงพอนอกจากนั้น จำนวนตัวเลขสินเชื่อที่ปล่อยได้จริงมีเพียง 73,716 ล้านบาทเท่านั้น อันนี้คือสิ่งที่น่าเป็นห่วง และมันคือระเบิดเวลา รอถึงว่าถึงวันนั้น จะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งส่วนตัวยอมรับว่าก็ยังไม่มีคำตอบ
.
ส่วนคำตอบของรัฐบาลที่เห็นคือ งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท จะเห็นว่า เน้นเรื่อง ถนน และ การก่อสร้าง ซึ่งไม่แน่ใจว่าตรงกับสิ่งที่ต้องการหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญในกรณีนี้คือ รัฐให้มีการนำเสนอโครงการมามากมายกว่า 3 หมื่นกว่าโครงการ แต่ภาพใหญ่กลับชี้แจงอย่างชัดเจนว่าจะนำพาประเทศไปในทางไหน ถ้าเป็นอย่างนั้นเมื่อเราไม่รู้จะไปทางไหนก็เท่ากับเราก็จะหลงทาง และ ผมก็เกรงว่าประเทศจะหลงทาง
.
แต่สิ่งสำคัญที่อยากจะนำเสนอ ซึ่งเป็นความฝันส่วนตัวคือ อยากให้ประเทศไทยพลิกผัน ฟื้นฟู เปลี่ยนแปลง ปรับโครงสร้าง ให้เป็นประเทศที่ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นประเทศที่เกี่ยวข้องกับ Wellness คือ ความสมบูรณ์ อยู่ดี มีชีวีตที่ดี อยากให้เขาเรียกเราว่า “Blue Zone for Longevity”
.
อยากให้คนเขากล่าวถึงประเทศไทยในอนาคตว่า คนที่อยู่ในประเทศไทยคาดการณ์ได้ว่าจะมีความสุข มีสุขภาพที่ดี และมีอายุยืน เหมือนที่เขากล่าวว่าประเทศไทยเป็น Land of Smile ซึ่งสิ่งที่ผมต้องการไม่เพียงแค่ Smile แต่ต้องให้ Happy และ Health ด้วย
.
แล้วก็อยากให้เขาพูดด้วยว่า “ประเทศไทย คนไทย สามารถที่จะรับเอาความเป็นไฮเทค (hi-tech) มีความสามารถทางด้านไฮเทคขึ้นมา โดยไม่ได้สูญเสียความเป็นไฮทัช (hi-touch) คือ ความอัธยาศรัย ไมตรีที่ดีของคนไทยต้องยังมีอยู่”
.
ในเรื่อง wellness ประเทศไทยต้องมีทั้งการวิจัย มีการเรียนรู้ รับรู้กันโดยทั่วไป มีทั้งการใช้ชีวีตอย่าง wellness จริงๆ และสามารถไปเผื่อแผ่ไป Caring ก็ได้ อันนี้ก็คือ Medical Tourism ที่อยากจะเห็น
.
เรื่องสุดท้ายที่จะพูดคือ อยากเห็นอนาคตประเทศไทยเป็นประเทศที่มีโรงพยาบาลดีที่สุดในโลก มีหมอ มีพยาบาล มีบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ มีมหาวิทยาลัยดี ๆ MIT, John Hopkins, Stanford มาตั้งแคมปัส ผลิตบุคลากรด้านสุขภาพที่เมืองไทย ให้ WHO สำนักงานใหญ่ของเอเชียจากอินเดียมาเมืองไทยดีกว่า เป็นต้น
.
ที่ห่วงคือ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เพราะรถไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่สึกหรอได้เพียง 20-30 ชิ้น แต่รถยนต์ที่ใช้กันอยู่ปัจจุบันมี 2 พันกว่าชิ้น และประเทศไทยส่วนใหญ่มีอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่สนรถยนต์ ผมอยากจะให้ตรงนี้ เปลี่ยนมาเป็นผลิตชิ้นส่วนด้านการแพทย์ เรื่องของสุขภาพ
.
อยากให้ประเทศไทยย้ำ ว่าเราต้องเป็นประเทศไทยที่มี Good living health care อยากจะให้เป็น Environmentally Friendly Tourism, Medical Tourism และต้องไม่ทิ้งเรื่องนวดแผนโบราณ ยาแผนไทย และอื่นๆ ก็ทำได้ ปัจจุบันเข้าใจว่าประเทศไทย อยู่ Top 20 ด้านสปา ด้านการนวด อยากให้เราอยู่ใน Top 5 ไม่ใช่ Top 20
.
อู่ตะเภา นี่สงสัยว่าจะต้องมีสนามบินอีกอันทำไม เพราะว่าการท่องเที่ยวจาก 40 ล้าน ปีนี้น้าจะเหลือไม่ถึง 10 ล้าน อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นสนามบินสำหรับ VIP เศรษฐีต่างประเทศ มาทำ Medical Tourism หรือไม่ เป็นต้น
.
ข้อเสนอสุดท้าย คือ อยากจะเอาทุนสำรองของ แบงก์ชาติ แค่ 1% ที่มีอยู่ คือ 7 หมื่นกว่าล้าน ให้รัฐบาลออกพันธบัตร เป็นพันธบัตรไทย ดอกเบี้ย 0.01% จ่ายคืนเงินต้นร้อยปี ต้นทุนที่รัฐบาลจะจ่ายดอกเบี้ยเพียง 7 ล้านบาทต่อปี
.
สิ่งนี้จะทำให้มีทุนให้กับเด็กไทย ได้ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ อย่างน้อย 250 ทุนต่อปี ไปอีก 20 ปีจำนวนกว่า 5 พันทุน แต่ละทุนมูลค่า 14.9 ล้านบาท ซึ่งสามารถส่งให้เด็กไทยเรียนหมอ จบหมอจากมหาวิทยาลัยดีๆ ในโลกได้เลย แล้วให้มาพัฒนาประเทศไทย มาขับเคลื่อนประเทศไทย ให้เป็นประเทศ Wellness ของโลกครับ
by TVPOOL ONLINE