เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ตฤณ เศรษฐโชค ควงแขนภรรยาคนล่าสุดที่อายุห่างกันถึง 20 ปีและน้องจูเนียร์ลูกชายสุดน่ารัก มาเปิดใจเป็นที่แรก ถึงความรักครั้งสุดท้ายที่ขอประกาศชัดๆตรงนี้เลยว่าเจ้าตัวเป็นคาสโนว่าที่ถอดเขี้ยวเล็บแล้ว ผ่านรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องOne31 ที่มี ท็อป ดารณีนุช และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร พร้อมเผยอุปสรรคอะไรที่เป็นปัญหารักต่างวัยที่ต่างคนต่างปรับตัวเข้าหากัน

ไปเจอกับพี่เขาที่ไหน ?

อ้อย : “ที่พัทยา

ตฤณ : เป็นร้านอาหารของเพื่อนรุ่นพี่ ก็ไปเจอเขาที่นั่น

เห็นปุ๊ปบอกว่าเป็นรักแรกพบ ?

ตฤณ : “รักแรกพบครับ เจอปุ๊ปก็ปิ๊งปั๊ปเลย

เขาส่งสัญญาณไปเราตอบรับมั้ย ?

อ้อย : “ไม่ค่ะ เราเฉยๆ

ตฤณ : “ช่วงแรกที่เค้าไม่ค่อยชอบผมอาจจะเพราะคาแรคเตอร์ผมดูเป็นมิตร กรุ้มกริ่ม เทคแคร์ดี เค้าอาจจะไม่ชอบเพราะดูเจ้าชู้แน่นอน

จีบคุณอ้อยยังไง ?

ตฤณ : “พาเขาไปทานข้าว ส่งดอกไม้ไปให้โดยที่ไม่บอกว่าใครส่งบ้าง ชอบชวนเขาไปทานข้าวแล้วก็ส่งเขากลับ

มองความน่ารักอะไรของเขาที่ถูกใจ ?

ตฤณ : “เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะไว้ตัว ต้องใช้เวลา เรียนรู้ ลองใจกันตั้งหลายรอบ คนนี้เขาไม่ได้ไปไหนใครชวนอะไรง่ายๆ

อายุห่างกันกี่ปี ?

ตฤณ : “20 ปี

มีหวั่นใจบ้างมั้ยเพราะห่างกันเยอะเหมือนกัน ?

ตฤณ : “ก็มี ด้วยอายุที่ต่างกัน การใช้ชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ก็จะคนละช่วงเวลา เราฟังเพลงพี่แจ้ เขาฟังฮิปฮอปประมาณนั้น

หลายคนทราบว่าพี่ตฤณมีครอบครัว มีลูกแล้ว ตรงนี้เป็นอุปสรรคปัญหาที่ทำให้ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นมั้ย ?

ตฤณ : “แน่นอน เพราะถ้าเราเป็นผู้หญิง เราก็ต้องรู้สึกว่าเขาเคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว แต่ขออนุญาตเรียนจริงๆว่าในช่วงนั้นกับครอบครัวเดิมก็มีปัญหากันสักระยะนึงแล้ว ตรงนี้ก็เลยอาจจะเป็นส่วนนึงที่ตัดสินใจว่าจบตรงโน้นก่อนแล้วค่อยเริ่มกันใหม่ ไม่ใช่อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวกัน

มีความกังวลมั้ยพอเริ่มรู้ว่าคุณตฤณเขามีครอบครัว เคยมีลูก? คุยกันมั้ย?

อ้อย : “ก็มีอยู่แล้วเรื่องอย่างนี้ ยังไม่ได้คุยอะไรเยอะแยะ

แล้วอะไรที่ทำให้พี่ตฤณเอาชนะใจคุณอ้อยได้แล้วที่จะยอมรับในตัวเขา ?

อ้อย : “ตื๊อบ่อยมาก มาเจอเลย ไม่ค่อยได้โทรมา

ตื๊ออยู่นานมั้ย ?

อ้อย : “นานค่ะ ประมาณปีนึง

ตฤณ : “ผมคิดว่าสิ่งที่เขายอมรับได้ด้วยความที่เราห่างวัย เขาอาจจะรู้สึกอบอุ่นเหมือนคุณพ่อหรือเปล่า เทคแคร์เอาใจใส่เขา

พอเราจะเริ่มรักครั้งใหม่พี่รู้สึกมีความกังวลใจหรือว่าไม่สบายใจอะไรยังไงบ้างมั้ย ?

ตฤณ : “แน่นอนอยู่แล้ว บอกด้วยความเป็นลูกผู้ชายเลย เราผ่านชีวิตครอบครัวมา 2 ครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วก็ตั้งใจว่าจะต้องเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะว่าหนึ่งด้วยวัยมันไม่มีโอกาสที่จะไปอะไรยังไงใหม่อีกแล้ว ตอนนี้เราก็ได้มีพยานรักที่กำเนิดใหม่ขึ้นมาอีก1 คน ซึ่งเค้าก็ยังเด็กมาก 2 ขวบ 10 เดือน เราก็คิดว่าเราพยายามทำหน้าที่ของพ่อหรือผู้นำครอบครัวให้ดีที่สุด

พอเปิดใจแล้วเรามีความกังวลใจหรือข้ามขั้นตอนนั้นยังไงที่เราจะสร้างครอบครัวกับผู้ชายคนนี้ ?

อ้อย : “กังวลด้วยความที่เค้าเป็นดารา คิดไปต่างๆนาๆว่าจะทำยังไงถ้าคนมอง แต่ก็ไม่ได้ไปปรึกษาใครสังเกตคนรอบข้างเอาแล้วก็ปรับตัว

รักและประทับใจอะไรในตัวเขา ?

อ้อย : “เขาก็ใส่ใจดี ใส่ใจทุกอย่าง ดูแลดี

เป็นคุณพ่อตอนอายุเท่าไหร่ ?

ตฤณ : “ปีนี้ 52 ย่าง 53 แล้ว

เหนื่อยมั้ยเลี้ยงลูกเล็กๆ ? แบ่งหน้าที่กันยังไง ?

ตฤณ : “เหนื่อยซิครับ ลูกตอนนี้กำลังซน ตอนนี้ผมก็จะทำงานหนัก คุณแม่เขาก็จะอยู่บ้านคอยดูแล

โมเม้นท์ที่เรารู้มีลูกตอนอายุ 50 พอเรารู้ว่าจะเป็นพ่อคนอีกครั้งรู้สึกยังไงบ้าง ?

ตฤณ : “เรา 52 แล้ว ถ้าลูกจบปริญญาเราคงจะหงอกแหง่กไปงานรับปริญญาลูก เราก็เป็นห่วงมากกว่าว่าช่วงเวลาที่เราเหลืออยู่เราจะเห็นว่าเขาเรียนจบ เติบโต ประสบความสำเร็จหรือเป็นคนดีในสังคมได้ถึงตรงนั้นมั้ยมากกว่า ถ้างั้นเราก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพเรา ต้องดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นเพื่อที่จะได้อยู่กับเขาได้นานที่สุด

ตอนที่ตั้งครรภ์น้องอ้อยเองก็อยู่พัทยา วันคลอดเล่าให้ฟังหน่อยว่าเป็นยังไงกันบ้าง ?

ตฤณ : “ช่วงนั้นทำงานพอดี เราถ่ายละครคิวเค้าก็ขอไว้แล้วไม่อยากให้ทีมงานเขาเสีย เช้าก็บึ่งไปเลย

พอน้ำเดินแล้วโทรหามั้ย ?

อ้อย : “โทรไม่ได้ตอนนั้น ปวดท้องมาก ตอนแรกบอกหมอว่าจะคลอดเอง หมอก็เลยเจาะน้ำคร่ำ สุดท้ายเราเจ็บไป 2 ชั่วโมงเราจะหน้ามืดแล้ว ก็เลยบอกหมอผ่าฉุกเฉิน

แอบน้อยใจมั้ยที่คุณสามีไม่ได้อยู่ในห้องคลอดด้วย ?

อ้อย : “อารมณ์นั้นไม่แล้วค่ะ เจ็บท้องเพราะเราเจาะถุงน้ำคร่ำไปแล้ว

แล้วเห็นลูกครั้งแรกความรู้สึกเราตอนนั้น ?

ตฤณ : “รู้สึกขนลุก เหมือนเค้าอ้าปากจะคุยกับพ่อ ก็แฮปปี้ครับ

แพลนจะมีลูกกันกี่คน ?

อ้อย : “ไม่ไหวแล้วค่ะ

ตฤณ : “ด้วยวัยผมก็คนเดียว

เป็นคู่รักต่างวัยที่เคมีลงตัว แต่ต้องมีความต่างวัยบ้าง มันมีอะไรที่ต้องปรับตัวแล้วมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน มีวิธีในการแก้กันยังไง ?

อ้อย : “ด้วยความที่เขาโตกว่าแล้วก็หัวโบราณเยอะมาก เขาจะจุกจิกทุกเรื่อง แรกๆ เราก็จะนิ่งๆ จะไม่ค่อยพูดหลังๆก็มีบอกแล้ว ก็ทะเลาะกัน

แล้วเขาปรับตัวมั้ย ?

อ้อย : “มีบ้าง

ตฤณ : “มันก็ต้องเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ถ้าเราเป็นวัยเท่านี้เราก็เคยเป็น ด้วยความอารมณ์ร้อน เป็นวัยรุ่น อันไหนที่เยอะไปต้องเตือนตัวเองแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกัน แต่จริงๆ ก็เป็นเรื่องการทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็มีอีกเรื่องด้วยคาแร็คเตอร์เราเวลาเห็นสาว พอหันปุ๊ปเขาก็จะหึง ตรงนี้เราจะต้องเข้าใจเขา

อ้อย : “อันนี้ไม่ได้หันแบบธรรมดา หันแบบคอหัก

ตฤณ : “ตอนนี้ซื้อที่ครอบตาม้ามาไว้ในรถแล้วจะได้มองไปทางเดียว มองไปอนาคตของเราอย่างเดียว (หัวเราะ)”

แสดงว่าคุณอ้อยจะขี้หึงเยอะกว่าพี่ตฤณ ?

อ้อย : “จริงๆ ก็ไม่ได้ขึ้หึงแต่เขาออกอาการเยอะ

เวลาเขาออกอาการเยอะแล้วอยู่ในที่สาธารณะมีวิธีสะกิดหรือบอกเขายังไง ?

อ้อย : “ก็บอกเขาว่าเป็นอะไรมากมั้ย ก็เดินตามไปซิ ถ้าจะมองขนาดนี้ คอหักแล้ว

ตฤณ : “พอเกิดเหตุการณ์แบบนั้นหน้าเริ่มเป็นปลาทูแม่กลองแล้ว เราก็หยุดตัวเองเลย ด้วยวัยเราก็ถอดเขี้ยว ถอดเล็บใส่เก๊ะไว้แล้ว

แล้วเขาขี้หึงมั้ย ?

อ้อย : “น่าจะขี้หึงแต่ทำเป็นเก็บอาการอยู่ แอบเนียนเช็ค เหมือนจะเป็นห่วง แต่ป่าวหรอก

บอกความในใจกับคุณอ้อยหน่อย ?

ตฤณ : “สิ่งที่อาจจะจุกจิกจู้จี้ อาจจะบังคับจิตใจอะไรบางอย่าง บางเรื่องหรืออาจจะทุกเรื่อง ทุกสิ่งก็ด้วยความหวังดีอย่างน้อยคุณก็ทำหน้าที่คุณแม่ของจูเนียร์ได้ดีมากๆ ก็ขอให้คำมั่นให้สัญญาว่า จะดูแลคุณและลูกชายของเราจนกว่าชีวิตผมจะหาไม่

แล้วน้องอ้อยมีความในใจอะไรจะบอกพี่ตฤณมั้ย ? รักมั้ย ?

อ้อย : “ไม่เคยพูดว่ารักเลย ไม่เคยพูดกับเขาเลย ไม่เคยพูดคำว่ารัก

รักแค่ไหน ?

อ้อย : “ก็รักค่ะ

มีอะไรอยากจะบอกลูก ตั้งความหวังอะไรไว้กับจูเนียร์บ้าง ?

ตฤณ : “ก็พยายามตั้งใจจะเป็นพ่อที่ดีที่สุด อันไหนเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้องที่ผ่านมาของคุณพ่อก็จะไม่ทำแล้ว อยากจะให้เค้าเป็นคนที่ดีมีคุณภาพในสังคม เอาส่วนดีๆของทั้งคุณพ่อ คุณแม่อยู่ในค้าก็แล้วกัน

 

 

ภาพและข้อมูลจาก คุยแซ่บShow