เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

“หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 เปิดใจสัมภาษณ์ “รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี” ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มศว. และ “รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงศ์ พูตระกูล” ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา ม.รังสิต กรณีการเสียชีวิต “น้องชมพู่” ผ่านมา 2 เดือน แต่ตร.ยังไม่สามารถปิดคดีได้

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “การชันสูตรทั้งสองครั้ง ครั้งที่สองผ่าชันสูตร ผมว่าเป็นประโยชน์ในเรื่องการสืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว นั่นคือข้อที่ 1 แจ้งว่าไม่มีบาดแผลใดเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตได้ เป็นประโยชน์กับพนักงานสอบสวน ขณะเดียวกันบอกเกี่ยวกับเรื่องไม่เห็นร่องรอยตรงอวัยวะเพศ ไม่มีกระดูกคอหัก ไม่มีบาดเจ็บรุนแรง ตรงนี้เป็นประโยชน์กับการสืบสวนว่าตรงนี้ไม่มีในเรื่องฆาตกรรมที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิตได้ ระยะเวลาเสียชีวิต ตอนส่งตรวจ โดยหลักการเราเชื่อคนพบศพครั้งแรก มีหมอจากรพ.แรกมาตรวจ ณ ที่เกิดเหตุ โดยธรรมชาติเราจะเชื่อคนตรวจคนแรก เพราะถ้ามีการเคลื่อนย้ายศพไปผ่าชันสูตร ต้องเอาศพไปแช่ตู้เย็น ซึ่งแช่ตู้เย็นตั้งแต่เมื่อคืนยันเช้า ทำให้รบกวนเรื่องระยะเวลาการเสียชีวิต ดังนั้นการมาผ่าตอนเช้าเราจึงไม่ได้บอกเรื่องระยะเวลาเสียชีวิต บอกไม่ได้ เพราะมีการรบกวนแล้ว มีการแช่ตู้เย็นแล้ว โดยหลักการเราจะเชื่อคนที่ตรวจครั้งแรก”

สมมติวันครึ่ง เราจะตอบโจทย์เรื่องตัวหนอนยังไง?
รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “ประเด็นเรื่องตัวหนอน ผมก็มีสื่อมาถาม ผมต้องเรียนว่าตอนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวหนอน เราเห็นจากภาพว่ามีตัวหนอน และเห็นจากห้องที่มีการผ่าชันสูตร มันมีช่วงระยะเวลา มันไม่ใช่ ณ เวลาเกิดจากที่เกิดเหตุ พอเห็นจากตัวหนอนเราก็วิเคราะห์ตามตัวหนอน ว่าตัวหนอนแบบนี้ เป็นหนอนแมลงวัน และมาไข่กี่ชม. โดยทั่วไป 24 ชม. หลังจากนั้นเป็นตัวหนอนก็ใช้เวลาอีก ฉะนั้นตรงนี้เป็นแค่การวิเคราะห์ตัวหนอน ต้องมารวบรวม”

นักคีตวิทยา ที่ดูเรื่องนี้ เขาลงความเห็นว่าหนอนที่เห็นคือวันที่ 15 จากการคำนวณถ้าย้อนกลับไปวันที่เจอคือแอล 3 คือเกิดในวงจรวันที่ 3 จะเป็นแมลงวันแล้ว ศพน่าจะเสียชีวิต 3 วัน?

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “เหมือนที่เรียน ผมเห็นภาพ ไม่ได้เห็น ณ วันเกิดเหตุ ไปเห็นภาพในวันผ่าชันสูตรศพ ต้องมีระยะเวลาเพิ่มเติม หนอนมีระยะเวลาเพิ่มขึ้น ต้องย้อนกลับไปวันที่เขาเห็นจริงๆ แต่ประเด็นของผม ในความจริงหมอที่จะตรวจ ณ ที่เกิดเหตุ 18 ชม. ต้องยอมรับว่าในการตรวจ ณ ที่เกิดเหตุ เวลาชันสูตรเขาดูหลักๆ เลย คือดูตัวร่างกาย ภายนอก ดูกล้ามเนื้อแข็งตัวหลังตาย ดูลักษณะการเน่า การเน่ามีลักษณะสีเขียว เป็นลายเหมือนหินอ่อนเขาจะสรุปแบบนั้นเป็นหลัก”

ถ้าน้องไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย น้องเสียชีวิตเอง มันมีอยู่ 2 ข้อเลยคือเด็กเดินขึ้นไปเองและไปตายอยู่ข้างบน สองมีคนพาเด็กไปทิ้งข้างบน น้องเดินและหลงเสียชีวิตเองอยู่ข้างบน เด็กตาย 24 ชม. ตายข้างล่างวันที่ 12 กว่าๆ พาขึ้นไป 13 คงเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้จะตอบโจทย์ยังไง?

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “ผมขอย้อนกลับไป เรื่อง 18 ชม. ที่นักคีตวิทยาบอก ผมว่าเรื่องนี้จบง่ายตรงที่ทั้งสองกลุ่มมาคุยกัน เพราะมีข้อมูลแชร์กันได้ และสรุปกันได้ว่าควรเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ ผมว่าโดยธรรมชาติ สาขาวิชาชีพต้องคุยกันหมด จะบอกว่ายึดอันหนึ่งอันใดไม่ได้ทั้งหมด ศาสตร์ทุกศาสตร์มีประโยชน์หมด แล้วสรุป ถ้าถามว่าขึ้นไปเองหรือมีคนอุ้มขึ้นไป ตอนนี้หลักๆ หมอสรุปแล้วว่าไม่มีร่องรอยทำให้เกิดความบาดเจ็บถึงเสียชีวิตได้ มันก็ตัดตรงนี้ออกได้ แต่ที่เหลือยังมีอีกเยอะ ตัดออกไปไม่ได้ทั้งหมด อย่างเรื่องเดินขึ้นไปเอง หรือคนอุ้มขึ้นไปก็ยังไม่มีการตัดออก ทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งหมด ยกเว้นหมอสรุปแล้ว ว่าไม่มีใครทำให้เสียชวิต แต่ ณ วันนี้กาารเสียชีวิตที่สรุปอยู่ในใบชันสูตรคือไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน เพราะศพเน่า”

ทั้งหมดที่พูดมา ผมคุยกับอดีตตร.บางท่าน ท่านบอกเลยมีโอกาสเด็กเดินขึ้นไปเองได้ ผมลงพื้นที่แล้วก็คิดว่าไม่ได้ คนอยู่ที่นั่นก็คิดว่าไม่ได้ อาจารย์มองยังไง?
รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงศ์ : “โดยหลักทั่วไปก่อน ประเด็นแรกโดยธรรมชาติเด็กเขาอยู่ใกล้ชิดพ่อแม่ ผู้ปกครอง คนที่เขาไว้ใจ สังเกตดูได้ถ้ามีลูกเวลาอะไรเขาจะร้องหาพ่อแม่ พี่เลี้ยง แต่ถ้าแตกต่างจากหลักทั่วไป น้องชมพู่ที่เสียชีวิตอาจเคยไปมั้ย หรือคิดว่าเดินไปเองได้มั้ย ถ้าไม่เคยก็สันนิษฐานว่าแล้วทำไมน้องถึงไปเอง อันนี้มีความผิดปกติจากหลักทั่วไป นั่นหมายความว่าการที่น้องไม่เคยไป แล้วทำไมไปเสียชีวิต ณ จุดนั้น สันนิษฐานได้ว่ามีคนพาน้องไป โดยจุดประสงค์ ไม่ว่าจะต้องการล่วงละเมิดทางเพศแล้วเปลี่ยนใจ หรือพาไปแล้วปล่อยกลางทางทิ้งไว้ แล้วน้องหลงป่าเสียชีวิต เป็นไปได้ทั้งนั้น หรือกรณีที่สองน้องเดินไปเอง หลงแล้วเสียชีวิต”

เป็นไปได้มั้ย อาจมีคนที่น้องไว้ใจสักคน พาน้องขึ้นไปเที่ยวบนเขา แล้วเผลอทำเด็กหาย ตกใจหาไม่เจอสุดท้ายน้องหลงอยู่คนเดียว?
รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงศ์ : “ก็เป็นไปได้ แต่ต้องดูต่อว่าถ้าบุคคลนั้นไม่มีเจตนาแอบแฝง ในการตามหาเด็กอายุ 3 ขวบระยะก้าวเดินไม่ได้ไกลมากถึงผู้ใหญ่ ถ้าหลงเด็กเขาต้องร้องไห้ ต้องได้ยินอยู่แล้ว ถ้าเจตนาพาน้องไปเที่ยวในป่าแล้วพลัดหลง ผมคิดว่าน่าจะสามารถหาน้องได้ไม่ยาก หรือให้คนแถวนั้นช่วยตามหา”