เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
โซเชียลเดือดต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น เจ้าของค่ายเพลง โพสต์ชี้แจงว่า “ค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น ไม่เคยโกงค่าตัวใครนะคะ อีกอย่างค่ายก็เคยชวนน้องมาเป็นศิลปินในค่าย แต่ตอนนั้นน้องได้ปฏิเสธไป ทางเราก็ไม่ว่าอะไรเพราะมันเป็นสิทธิของน้องแต่ปัญหาเกิดขึ้นหลังจากที่คุณพ่อของน้อง โทรมาขอแบ่งยอดวิว 30% จากรายได้ด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสม ตอนนั้นก็ยอมรับว่าตกใจมากที่คุณพ่อของน้องพูดจาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งทางค่ายตอบไปว่าให้ไม่ได้เพราะไม่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรกแต่ถึงแม้ว่าทางค่ายไม่แบ่งค่ายอดวิวให้น้องก็จริง ตอนเพลงดังใหม่ๆก็เคยโอนเงินไปให้เพิ่ม 20,000 บาทแต่ทางน้องไม่สบายใจที่จะรับและโอนคืนมาโดยที่น้องไปหาเลขบัญชีมาจากไหนก็ไม่รู้ เราไม่เคยนิ่งเฉยกับน้องเพราะน้องเป็นเด็กน่ารัก ทุกวันนี้ยังเสียดายที่น้องไม่ได้อยู่ในค่าย มีงานรีวิวเข้ามาเราเคยขายงานน้องให้โดยไม่หักค่านายหน้าเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท มีงานคอนเสิร์ตเข้าก็ขายงานให้น้องตลอด แต่เนื่องจากน้องอยู่กทม. เจ้าภาพจึงสู้ราคาไม่ได้ เพราะต้องมีค่าเดินทางเพิ่ม เราจึงไม่ได้ออกงานคู่กันเลยทั้งนี้ทั้งนั้น ที่มีผู้ใหญ่ฝั่งน้องโทรไปให้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับเพจตลาดล่าง แทนที่จะมาพูดกับทางเราตรงๆ เพราะตอนเกิดปัญหาใหม่ๆทางเราเคยโทรไปเพื่อจะเจรจาแล้วแต่ทางฝั่งน้องไม่รับสาย และไม่โทรกลับอีกเลย ติดต่องานไปช่วงหลังๆน้องก็ไม่ค่อยตอบ จนกระทั่งน้องลบเพื่อนในเฟสบุ๊คไป เราก็ไม่ติดต่อกันอีกเลยจนถึงวันนี้วันที่ค่ายเราประสบปัญหามากมาย ทางผู้ใหญ่ของน้องเลือกที่จะใช้เพจตลาดล่าง เพจที่โจมตีเรามาตลอด ในการเป็นสื่อเพื่อออกมาให้การเท็จ เพราะผู้ใหญ่ฝั่งน้องรู้ดีถ้าเล่นทางเพจนั้นจะมีคนเข้าข้างอย่างแน่นอน ทำไมพวกท่านไม่มาคุยกันตรงๆ
ทำไมใช้วิธีแบบนี้ เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมาเราให้เกียติน้องทุกครั้งที่เจอน้องมาโดยตลอด ทำไมพวกท่านเลือกใช้ช่วงเวลาที่เรากำลังอ่อนแอ เลือกเพจที่จ้องแต่จะทำร้ายเราในการเป็นสื่อกลาง ตอนแรกอยากนิ่งเฉยเพราะเราเหนื่อยมากพอแล้วกับทุกปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้พวกคุณกำลังใส่ร้ายเรา เราจึงขออนุญาตออกมาปกป้องตัวเอง ส่วนดราม่าอื่นๆปล่อยให้เป็นไปตามกระแส คำตัดสินจะออกมายังไงค่อยว่ากัน เราทำดีที่สุดแล้ว ผิดก็ว่าไปตามผิด เราพร้อมแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน”
และเก้า เกริกพล เพชรรัตน์ นักร้องหนุ่มวัย 17 ปี ที่ร่วมฟีเจอริ่งเพลง เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว ได้ออกมาไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้ เจนนี่ ระบุว่า เริ่มแรกเขามาขอให้ตนไปฟีเจอริ่งด้วย 2 ครั้ง แต่ตนไม่ไป ต่อมาได้ไปออกรายการหนึ่ง ทำให้รู้จักและสนิทกันพอสมควร จึงไปร่วมฟีเจอริ่งด้วย สิ่งที่ตนออกมาพูดวันนี้เป็นความจริงทุกอย่าง จะพาไปสาบานที่ไหนก็ได้ ตนไม่ได้ออกมาเรียกร้องหรือต้องการเงิน เพราะเรื่องของเรามันจบไปแล้ว สำหรับเงิน 10,000 บาท ที่เขาบอก คือมีการโอนมาให้จริง แต่เขาบอกว่า โอนให้ไว้กินขนมและค่าเดินทางในการไปอัดเสียงร้องวันแรก ตนก็เข้าใจแบบนั้น ไม่ได้เข้าใจว่าเป็นค่าตัว เก้า เกริกพล กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นได้มาเจอกันที่พัทลุง ตอนนั้นมีตน แม่ และเขา รู้ดีที่สุดว่าพูดและตกลงอะไรกันเขาคุยกับแม่ว่า พี่จะไม่เอาเปรียบน้อง เพราะเคยโดนเอาเปรียบมาก่อน พี่จะดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ตอนนั้นแม่พูดว่า โอนมา 10,000 มากเกินไปไหม เพราะเราไปอัดเสียงเฉยๆ ยังทำงานให้เขาไม่เสร็จ แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไรให้น้องกินขนม วันไปถ่ายเอ็มวีค่อยว่ากันอีกที กระทั่งถึงวันถ่ายเอ็มวี เขาสั่งเสื้อผ้าที่ใช้ถ่ายทั้งหมด 6,000 บาท เป็นของแบรนด์เนม ตนจึงเอาเงิน 10,000 บาท ที่เขาให้ มาซื้อเสื้อผ้า จ่ายค่ากิน ค่าที่พัก แต่ยังต้องออกเงินส่วนตัวอีก 2,000 บาท ตอนนั้นคิดว่าช่วยๆ กันไปก่อน ส่วนกรณีส่วนแบ่ง 70/30 พี่เขาพูดจริง ไปคุยกับแม่ตนว่าจะแบ่งค่ายูทูบให้น้อง คุยกันหลังจากอัดเสียงร้องเสร็จ และรอจะไปถ่ายเอ็มวี ตอนนั้นตนไปกับพี่ติ๊ก ชีโร่ ด้วย ซึ่งตนนับถือเป็นพ่อ และมีสัญญาใจกัน อยู่กันแบบพ่อลูก แต่ไม่ได้เซ็นสัญญา คนที่บอกว่าตนติดสัญญากับติ๊ก ชีโร่ และมีการปิดกั้นตน ก็ไม่เป็นความจริง ส่วนแบ่ง 70/30 ที่คุยกัน ตนให้ใจเขาไป โดยไม่เขียนลายลักษณ์อักษร
ดูจะไม่จบง่ายๆเมื่อโลกโซเชียลมีการแชร์ระบุข้อความมีนักดนตรีออกมาโวยเช่นกันว่า “ค่าตัวนักดนตรี บอกจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 30,000 เฉลี่ยวันละ1,000 ฟังดูอาจมาก แต่ช่วงก่อนโควิดงานเยอะมาก คืนหนึ่ง2งานบ้าง 3งานบ้าง เล่นทุกวันเลย ปกตินักดนตรีคืนหนึ่ง 2,500 โดยประมาณ ถ้าเล่น2งานต่อคืนก็5,000 แต่นี่เล่นกี่งานก็ตกคืนละ1,000 แล้วที่เจ็บปวดช่วงโควิดไม่มีงาน นักดนตรีไม่ได้เงินครับ แล้วไหนว่าจ้างเงินเดือน ไม่มีงานจ่ายครึ่งหนึ่งก็ยังดีไม่ใช่แบบนี้”