เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สำหรับ เจนนี่ รัชนก สุวรรณเกตุ หรือ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น หลังจากเพิ่งจะออกมาชี้แจงเรื่องดราม่าคอนเสิร์ตที่ จ.กระบี่ และ จ.นครศรีธรรมราช ที่เกิดประเด็นร้อนไม่มีการเว้นระยะห่างและใส่หน้ากากอนามัย แถมยังมีการเช็ดเหงื่อให้นักร้อง และโยนแจกให้แฟนๆ จนหลายคนมองว่าไม่มีมาตรการป้องกันโควิด-19

จากนั้นไม่นานก็มีงานเข้า จนกลายเป็นเรื่องราวบานปลาย หลังมีเพจ ตลาดล่างอัพเกรด โพสต์ข้อความถึงค่ายเพลงดังกับเพลงที่เคยเป็น Viral บนโลกอินเทอร์เน็ต ว่ามีการเบี้ยวค่าตัว โดยเจ้าของเพลงตกลงกับนักร้องร่วมซิงเกิลว่าจะอัปคลิปลงยูทูบและแบ่งผลประโยชน์ 70% / 30% แต่พอเพลงดังเป็นพลุแตก กลับไม่แบ่งผลประโยชน์ตามที่ตกลงกันไว้

งานนี้ร้อนถึง เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ต้องออกโรงชี้แจงผ่านทางเพจส่วนตัว พร้อมทั้งโพสต์หลักฐานแชตสนทนาที่คาดว่าจะเป็น เก้า เกริกพล นักร้องหนุ่มรุ่นน้องที่เคยร่วมงานกันในเพลง “เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว” ผ่านทาง Messenger ซึ่งมีหลักฐานการโอนเงินเพิ่มให้และบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องการชวนมาออกงานด้วยกัน และเขียนข้อความว่า

“ค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น ไม่เคยโกงค่าตัวใครนะคะ อีกอย่างค่ายก็เคยชวนน้องมาเป็นศิลปินในค่าย แต่ตอนนั้นน้องได้ปฏิเสธไป ทางเราก็ไม่ว่าอะไรเพราะมันเป็นสิทธิของน้อง แต่ปัญหาเกิดขึ้นหลังจากที่คุณพ่อของน้อง โทรมาขอแบ่งยอดวิว 30% จากรายได้ด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสม ตอนนั้นก็ยอมรับว่าตกใจมากที่คุณพ่อของน้องพูดจาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งทางค่ายตอบไปว่าให้ไม่ได้เพราะไม่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรกแต่ถึงแม้ว่าทางค่ายไม่แบ่งค่ายอดวิวให้น้องก็จริง ตอนเพลงดังใหม่ๆก็เคยโอนเงินไปให้เพิ่ม 20,000 บาท แต่ทางน้องไม่สบายใจที่จะรับและโอนคืนมาโดยที่น้องไปหาเลขบัญชีมาจากไหนก็ไม่รู้ เราไม่เคยนิ่งเฉยกับน้องเพราะน้องเป็นเด็กน่ารัก ทุกวันนี้ยังเสียดายที่น้องไม่ได้อยู่ในค่าย มีงานรีวิวเข้ามาเราเคยขายงานน้องให้โดยไม่หักค่านายหน้าเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท มีงานคอนเสิร์ตเข้าก็ขายงานให้น้องตลอด

แต่เนื่องจากน้องอยู่กทม. เจ้าภาพจึงสู้ราคาไม่ได้ เพราะต้องมีค่าเดินทางเพิ่ม เราจึงไม่ได้ออกงานคู่กันเลย ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่มีผู้ใหญ่ฝั่งน้องโทรไปให้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับเพจตลาดล่าง แทนที่จะมาพูดกับทางเราตรงๆ เพราะตอนเกิดปัญหาใหม่ๆทางเราเคยโทรไปเพื่อจะเจรจาแล้วแต่ทางฝั่งน้องไม่รับสาย และไม่โทรกลับอีกเลย ติดต่องานไปช่วงหลังๆน้องก็ไม่ค่อยตอบ จนกระทั่งน้องลบเพื่อนในเฟสบุ๊คไป เราก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย จนถึงวันนี้วันที่ค่ายเราประสบปัญหามากมาย ทางผู้ใหญ่ของน้องเลือกที่จะใช้เพจตลาดล่าง เพจที่โจมตีเรามาตลอด ในการเป็นสื่อเพื่อออกมาให้การเท็จ เพราะผู้ใหญ่ฝั่งน้องรู้ดีถ้าเล่นทางเพจนั้นจะมีคนเข้าข้างอย่างแน่นอน ทำไมพวกท่านไม่มาคุยกันตรงๆ ทำไมใช้วิธีแบบนี้ เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมาเราให้เกียติน้องทุกครั้งที่เจอน้องมาโดยตลอด ทำไมพวกท่านเลือกใช้ช่วงเวลาที่เรากำลังอ่อนแอ เลือกเพจที่จ้องแต่จะทำร้ายเราในการเป็นสื่อกลาง ตอนแรกอยากนิ่งเฉยเพราะเราเหนื่อยมากพอแล้วกับทุกปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้พวกคุณกำลังใส่ร้ายเรา เราจึงขออนุญาตออกมาปกป้องตัวเอง

ส่วนดราม่าอื่นๆปล่อยให้เป็นไปตามกระแส คำตัดสินจะออกมายังไงค่อยว่ากัน เราทำดีที่สุดแล้ว ผิดก็ว่าไปตามผิด เราพร้อมแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน”

ต่อมาทางด้านนักรองหนุ่ม เก้า เกริกพล วัย 17 ปี ถึงกับไม่ขออยู่นิ่ง ไลฟ์สดแจงเรื่องราวปมดราม่าค่าตัวหลังไปร่วมฟีเจอร์ริ่งกับ นักร้องสาว เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น งัดหลักฐานโต้กลับ หลังถูกแฉเบี้ยวค่าตัวนักร้องหนุ่ม โดยเก้าได้บอกว่าหลังจากมีประเด็นเรื่องนี้สิ่งที่ไม่ชอบมากที่สุดก็คือเรื่องของพ่อที่โดนโจมตีอยู่ในตอนนี้ จากการที่เจนนี่พูดถึงพ่อ ซึ่งตนอยากจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะตอนนี้พ่อโดนคนด่าหยาบคายและก็ลามไปถึงตระกูลกันเลยทีเดียวทั้งที่ไม่รู้เรื่องจริง

ก่อนจะย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นในการร่วมงานกันว่า พี่เจนนี่ได้มาขอฟีเจอร์ริ่งด้วยกัน เขาขอมา 2 รอบแต่ผมไม่ได้ไป ทีนี้ได้ไปออกรายการนึงจนได้รู้จักและสนิทกันพอควรก็เลยตัดสินใจไปร่วมงานกันในครั้งนั้น และเงิน 10,000 บาทก็โอนมาให้จริง โดยพี่เขาบอกว่าให้ไว้กินขนมและค่าเดินทางไปอัดเสียง และไม่ใช่ค่าตัวของผม ยังทำงานไม่เสร็จพี่เขาโอนมาให้แล้ว ผมดีใจมากตอนนั้น ความที่ผมเชื่อพี่เขาและเห็นว่าเป็นพี่น้องกัน ผมไม่ได้เข้าใจว่าเขาจ่ายค่าตัวจ้างขาดแบบนั้น

“และที่ออกมาวันนี้เพราะผมเจ็บใจที่เอาเรื่องพ่อมาโพสต์และทำให้พ่อถูกด่า ซึ่งเรื่องผมกับพี่เจนนี่จบไปนานแล้ว ผมเงียบมานานแล้ว 1 ปี ทุกคนบอกว่าทำไมผมมาเรียกร้องตอนนี้ ผมไม่ได้เรียกร้องเงินเลย ผมจะเล่าความจริงให้ฟัง”

อย่างไรก็ตาม สาวเจนนี่ ได้ออกมาโพสต์เลื่อนวันแถลงข่าวให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 2 สิงหาคม 2563 เวลา 11.00น. ซึ่งได้เชิญสื่อมวลชนทุกคนมาเพื่อชี้แจ้งทุกประเด็นที่เกิดขึ้นนั่นเอง

จากนั้นทางด้าน สาวเจนนี่ ก็ได้โพสต์ประกาศว่า เปา กิ่งกาญจน์ ได้ออกจากค่ายได้หมดถ้าสดชื่น พร้อมข้อความว่า “แถลงการณ์จากน้องเปานะคะ ขอยอมรับว่าเสียใจกับการตัดสินใจของน้องเปาในครั้งนี้ แต่สำหรับพี่ พี่เคารพการตัดสินใจของน้อง น้องคงมีเหตุผลของตัวเอง พี่ขออวยพรให้น้องประสบความสำเร็จในชีวิตตามที่น้องต้องการ และขอบคุณที่ครั้งนึงเคยมาเป็นครอบครัว DM ขอให้น้องโชคดีค่ะ” 

ส่วนทางด้าน เปา กิ่งกาญจน์ ก็ได้ออกมาโพสต์ในเฟซบุ๊ค เปา กิ่งกาญจน์ ว่า “………ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่เจนเเม่ใหญ่ (ครอบครัวได้หมดถ้าสดชื่น)ที่ให้โอกาสเด็กคนนี้
ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเเล้วทำให้คนรู้จักเปามากขึ้น ขอบคุณมิตรภาพจากพี่ๆน้องๆเเละเพื่อนๆที่มีให้กันมาโดยตลอด เปามาโพสต์ๆนี้เพื่อมาชี้เเจงว่า เปาไม่ได้อยู่ในค่ายเเล้วนะคะเพราะเปาไม่ได้เซ็นสัญญา ไม่ได้มีดราม่าอะไรทั้งนั้นเเละไม่ได้เกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นตอนนี้ที่เปาไม่เซ็นเพราะเปาคิดว่า สัญญา4ปีมันนานสำหรับเปา เเละเป็นการผูกมัดเปาเพราะเปายังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำ อยากหาประสบการณ์ในด้านนี้เเละอย่างอื่นอีกหลายอย่าง

(เรื่องเรียนด้วย)เปาเลยตัดสินใจที่จะไม่เซ็นซึ่งเปาได้คิดทบทวนดีเเล้วทุกคนจะมองว่าเปาเป็นคนยังไงก็ช่างเเต่เปามีเหตุผลของเปา เปาอยากใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป มีเงิน มีงานพอดูเเลตัวเองเเละครอบครัวไม่ได้ต้องการอะไรมากมายสำหรับจุดๆนี้เพราะอายุยังน้อย เเละยังอยากหาประสบการณ์ตามเวทีอีกเยอะ ความฝันที่คิดไว้ เพราะถ้าเซ็นทำอะไรต้องผ่านค่าย ต้องให้เกียรติซึ่งต้อนนี้คิดทบทวนดีเเล้วค่ะขอโทษเเละขอบคุณมากจริงๆรักเเละเคารพเสมอ  #เเฟนคลับfcทุกคนถ้าใครไม่โอเครก็เลิกติดตามเปาได้ค่ะทุกคนมีเหตุผลของตัวเองเปาเข้าใจเหมือนที่เปามีเหตุผลของเปาตอนนี้ #ขอบคุณที่รักที่เปาเป็นเปา”

ทว่าแฮชแท็ก #เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น ติดเทรนด์อันดับหนึ่งบนทวิตเตอร์ มีชาวเน็ตมาออกแฉเรื่องค่ายเพลงของเจนนี่ เริ่มจากการที่คุณแม่ และเจนนี่ ยึดมือถือของเด็กในค่ายเพลง โดยอ้างว่าไม่ให้เด็กเล่นมือเพราะจะได้มีสติในการคิดเรื่องเรียน เรื่องเพลง อีกทั้งค่ายเพลงของสาวเจนนี่ยังห้ามไม่ให้เด็กมีแฟน ผู้หญิงต้องตัดผมสั้น ซึ่งบางคนลิดรอนสิทธิกันเกินไป

จากนั้นก็มีคนนำคลิปที่สาวเจนนี่ตอบคำถามแฟนๆ ว่า น้องๆ ในค่ายได้เงินเดือนกันเท่าไหร่ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า ไม่มี เพราะช่วงนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดี เพราะว่าคอนเสิร์ตไม่มีถ้าพี่เจนนี่ให้เงินเดือนทุกคนก็ตายกันพอดี เพราะตอนนี้อยู่ฟรี กินฟรีทุกอย่าง ถามว่าได้รายได้จากไหน ก็คือช่วยตนถ่ายรีวิวสินค้า ช่วยตนไลฟ์สด ถ่ายคลิปต่างๆ รวมถึงทางค่ายรับงานรีวิวสินค้าก็จะได้เงินไปเป็นของเขา และอีกช่องทางหนึ่งถ้าคอนเสิร์ตกลับมาเมื่อไหร่น้องๆ จะได้ค่าตัวคืนหนึ่งเฉลี่ย 3-4 พันบาท แล้วได้รายได้จากการแบ่งยอดวิวจากยูทูบแล้วแต่ว่าเพลงใครได้เท่าไหร่

ซึ่ง สาวเจนนี่ ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ในเฟซบุ๊ค น้องเจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น พร้อมข้อความระบุว่า “2 ทุ่ม วันนี้ ไลฟสดชี้แจง เพจนี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ” และแน่นอนต่างมีชาวเน็ตจำนวนมากแห่คอมเม้นต์ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ พร้อมทั้งรอการไลฟ์สดคืนนี้ ว่าจะเป็นอย่างไร กับเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้น

ล่าสุดสาวเจนนี่ ไลฟ์สดเคลียร์ในเพจของตัวเองเพื่อชี้แจงทุกประเด็น ยอมรับเครียด เพราะเรื่องใหญ่มาก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว “อย่าเพิ่งด่า ให้โอกาสชี้แจงก่อน หลังจากนี้ใครจะยังไง จะรักหนูอยู่หรือเปล่า หนูก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่างน้อยหนูได้พูดในส่วนของหนูแล้ว”

“โกงค่าตัว ไม่มีจริง และไม่เคยเกิดขึ้นแน่นอน หนูไม่เคยโกงค่าตัวใคร โกงค่าตัวในที่นี้คือเรื่องประเด็น 70-30 ซึ่งเป็นข้อเสนอที่หนูเสนอกับเก้าว่าถ้ามาอยู่ค่าย จะมีส่วนแบ่งจากการทำเพลงให้ทั้งหมดไม่ว่าจะทำกี่เพลง จะแบ่งให้ 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะพี่จะขอ 70 เพราะจะแบ่งให้ลิลลี่ 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 40 เปอร์เซ็นต์ขอให้ค่าย เพื่อการลงทุนต่างๆ”“แต่ว่าทำไมถึงให้ 30 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เพราะน้องปฏิเสธมาอยู่ ปฏิเสธมาเป็นศิลปินของหนู หนูเลยให้ตรงนี้ไม่ได้ สัญญาใจที่น้องออกมาพูด ไม่เป็นความจริง เราไม่เคยมีสัญญาใจกัน แต่เรามีข้อเสนอซึ่งกันและกันว่าถ้าน้องมาเป็นศิลปินในค่ายหนูมีข้อเสนอให้ ซึ่งข้อเสนอใหญ่ๆ หลักๆ ที่เราคุยกันก่อนเราปล่อยเพลงเลิกคุยทั้งอำเภอ ข้อแรกคือ ถ้าน้องเก้าเป็นศิลปินเจนนี่ เจนนี่จะแบ่งค่ายอดวิวให้น้องเก้า 30 เปอร์เซ็นต์ในทุกๆ เพลงที่เราจะทำร่วมกัน ไม่ใช่แค่เลิกคุยทั้งอำเภอฯและจะให้เงิน 3 พันเป็นข้อเสนอเหมือนกัน หากอีกฝ่ายยอมเป็นศิลปินในค่าย เป็นข้อเสนอที่ให้ไปแบบนี้”

“สองประเด็นใหญ่เช่นกัน เรื่องค่าตัว 3 พัน ฝั่งน้องบอกว่าเป็นค่าตัวที่ให้น้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ลงมาภาคใต้ แล้วทางเราจะจ่าย 3 พัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ 3 พันแค่ค่าเดินทางก็หมดแล้ว แต่ข้อเท็จจริงคือ 3 พันบาทหนูจะให้น้อง ถ้าน้องเป็นศิลปินค่ายหนู”

“ประเด็นเรื่องค่าตัว 500 บาท น้องเก้าท้าให้หนูสาบาน หนูก็สาบานให้ตายตรงนี้เลย สาบานให้ฉิบหาย หนูเป็นลูกหลานครูหมอโนราห์ สาบานทุกคนเลยว่า ถ้ารายการไหนได้ 1 หมื่นบาท ตอนนั้นเราออกรายการยังไม่มีชื่อเสียงกันมาก ถ้ารายการไหนได้ 1 หมื่นบาท เป็นไปไม่ได้ที่หนูจะให้น้องแค่ 500 บาท หนูไม่เคยให้น้อง 500 บาทถ้ารายการนั้นให้มา 1 หมื่นแต่ถามว่า 500 บาทมีจริงไหม มีจริงค่ะ แต่เป็นรายการที่เราก็ได้มาน้อย รายการให้น้อยก็ให้น้อย ได้มากให้มาก ถามว่าทำไมออกรายการทีวีถึงให้น้อย เรื่องนี้รายการไม่ผิดนะ ตอนที่เขาติดต่อเราไป สื่อจะทำให้เราทั้งคู่มีชื่อเสียงกันมากขึ้น วันนั้นที่สื่อติดต่อไป เราทั้งคู่ต่างยินยอมไปโดยเราไม่ได้ถามราคา เราไม่ได้คุยเรตราคา”“ส่วนที่บอกว่าไม่ต้องสาบาน ให้โชว์หลักฐานเลย มันโชว์หลักฐาน 500 ไม่ได้ไง เวลาเราถ่ายรายการเสร็จ เราแบ่งเงินกันก่อนแยกย้าย คือ 500 บาทไม่มีอยู่จริง หนูมีหลักฐานการโอนผ่านแชต มี 2 รายการได้ 3 พัน และหนูโอนให้ 1,500 เป็น 3 พันบาท ให้ 500 บาทไม่มีจริงถ้าได้ 1 หมื่นโอนให้มากกว่านั้นแน่นอน ให้สมเหตุสมผล เพราะการไปออกรายการทีวี เราต่างก็รู้ดีว่าเราไปเพื่อโปรโมตบางครั้งเราต้องยอมเจ็บตัวบ้าง”

“หนูไม่เคยบังคับน้องว่าน้องต้องมา ถ้าน้องไม่มา รายการจะไม่เอาพี่ หนูไม่เคยบังคับ และทุกครั้งที่แยกย้ายกันตอนนั้นเรายังพูดดีกันอยู่เลย หนูยังถามว่า 1,500 พอไหมเพราะรายการให้มาน้อยมาก หนูไม่ขออนุญาตพูดว่ารายการอะไรให้น้อยให้มาก เพราะเขาไม่ผิด เขาช่วยโปรโมตให้เรามีทุกวันนี้ เลยไม่ขอเอ่ย แต่ขอชี้แจงว่ามีรายการนึงที่หนูไปกับน้อง แล้วรายการส่งไลน์าหาหนูว่ารบกวนแบ่งค่าน้ำมันรถให้น้องเก้านิดนึง พอดีน้องเก้าทักมาถาม ตอนแรกน้องเก้าไม่ได้แจ้งว่าต้องมีค่าน้ำมันด้วย คือรายการดีลหนูกับลิลลี่แยก แล้วรายการไปดีลน้องเก้าเองแล้วน้องเก้าก็ทักมาว่ามีค่าน้ำมันรถให้ไหม หนูก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ก็ขอเลขที่บัญชี”

อย่างไรก็ตามล่าสุดทางด้านน้องสาว ลิลลี่ ได้หมด้าสดชื่น หรือ ลิลลี่ นารีนาถ เชื้อแหลม ก็ได้ออกมาเล่นแอปพลิเคชัน TikTok ในชุดนักเรียน ที่งานนี้เหล่าแฟนคลับมองได้ว่าในใจ สาวลิลลี่ รู้สึกเศร้า ต้องฝืนยิ้ม ท่ามกลางกระแสข่าวดราม่าของพี่สาว เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น