เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

กลายเป็นดราม่าลุกลาม หลังจากนักร้องหนุ่ม เก้า เกริกพล ออกมาไลฟ์ถึงนักร้องสาวเจนนี่ได้หมดถ้าชื่น ถึงปมไม่จ่ายส่วนแบ่งหลังเพลงดังเป็นพลุแตก ก่อนลุกลามไปยังประเด็นอื่นๆ จนกลายเป็นดราม่า

ล่าสุด “เจนนี่” รัชนก สุวรรณเกตุ ได้ไลฟ์ผ่านเพจแถลงทุกปมดราม่า กล่าวว่า ประเด็นโกงค่าตัวไม่มีจริง ไม่เคยโกงค่าตัวใคร 70 : 30 เป็นเรื่องข้อตกลง หากมาอยู่ในค่ายจะให้ตามนี้ ที่ไม่ให้ เพราะน้องไม่ได้มาอยู่ในค่าย สัญญาใจ ไม่เป็นความจริง แต่เรามีข้อเสนอซึ่งกันและกัน เรื่องค่าตัว 3 พันบาท ที่ให้น้องเดินทางมา มันเป็นไปไม่ได้ แต่ข้อเท็จจริงคือ ถ้าเป็นศิลปิน จะแบ่งค่าตัวให้น้อง 3 พันบาท หากถามว่า ทำไมน้อยจัง ซึ่งตอนนั้นยังไม่ดัง ยังไม่ได้ปล่อยเพลงไม่รู้ว่า จะดังหรือไม่ดัง ซึ่งไม่เคยทาบทามน้องมาร่วมคอนเสิร์ต ในราคา 3 พันแน่นอน

เจนนี่ กล่าวว่า ปัญหาเกิดได้อย่างไร มันเกิดมาจากในโซเชียล ที่น้องออกมาไลฟ์หาว่าเราด่าพ่อน้อง แต่เรื่องเกิดจากเพจหนึ่ง ที่ออกมาด่าเราตลอด ซึ่งเราปล่อยวางมานานแล้วกับเพจนี้ แต่กลับออกมาด่าเรา ด่าครอบครัวเรา ซึ่งได้ออกมาโพสต์เรื่องค่าตัว ที่พ่อน้องรู้ดี น้องรู้ดี ว่า ข้อตกลงเป็นการตกลงในการเชิญให้มาเป็นศิลปินในค่ายเรา

“เรื่องน้ำใจเรามีให้น้องอย่างแน่นอน แต่ที่เราไม่ได้ให้ไป เพราะหลังเกิดเรื่องเราไม่ได้คุยกัน พ่อน้องไม่เคยรับโทรศัพท์เราเลย ซึ่งจากเพจนี้เริ่มต้นมีคนแชร์ไป 6 พันคน ด่าน้อง ด่าหนู ซึ่งหนูก็ขอโทษพ่อน้องเก้า ที่มีคนไปด่าพ่อ ซึ่งหนูไม่เคยอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเลย โดยหนูติดต่อพ่อไปตลอด แต่พ่อเลือกที่จะไม่รับสายหนูเลย หนูไม่รู้ว่าเกิดอะไร ซึ่งการที่พ่อออกมาถามว่า ร้อยล้านวิวแล้วไม่เคยคิดถึงน้องบ้างเหรอ ซึ่งเราเข้าใจว่า เป็นเรื่องผลประโยชน์ โดยเราตอบไปว่า หนูขอบคุณพ่อมากๆ และ ขอบคุณน้อง ส่วนเรื่อง 30เปอร์เซ็นต์ เราก็บอกไปว่า น้องไม่ได้แล้วนะคะเพราะน้องไม่ได้อยู่ในค่าย”

เจนนี่ กล่าวว่า เมื่อพ่อถามเรื่องผลประโยชน์ เราได้ถามทางพ่อไปตรงๆ ว่า ต้องการเท่าไหร่ และพ่อยังได้คุยอีกเรื่องตอนโทรมาว่า 1 หมื่นที่ให้มาไม่พอ เพราะมีค่าใช้จ่าย เรื่องที่พัก ค่ากิน ค่าเสื้อผ้า โดยค่าที่พัก พ่อบอกเองว่ามีญาติอยู่ จะไปนอนบ้านญาติ และ ไปกินข้าวกับญาติ เลยไม่ได้ดูแล และขอโทษส่วนนี้ด้วย และได้ถามน้องแล้วพอหรือไม่ น้องก็บอกว่าพอ จากนั้นมีการโทรหาผู้ใหญ่ ว่า จะทำอย่างเพราะไม่ได้คุยกันในเรื่องส่วนแบ่ง ผู้ใหญ่จึงแนะนำว่า ให้จ่ายให้น้องไป ซึ่งตอนแรกที่เราโอนไปให้ 2 หมื่นเพราะยอดวิวตอนนั้น ยังไม่ได้เงินเยอะอะไร คนทำยูทูบน่าจะรู้ดี

“ก่อนหน้านั้น เพลงดังเราออกรายการทีวีด้วยกันตลอด จนเพลง 100 ล้านวิว พ่อก็เลยโทรมา เรื่องก็เลยเกิดขึ้น โดยเราแชทไปบอกน้องว่า เราขอบคุณ ทำไมไม่รู้บอกว่าเราไม่ได้ขอบคุณ เราขอบคุณน้องมาตลอด และโทรหาน้อง น้องก็ไม่รับ เราได้โอนเงินไป 2 หมื่นแต่น้องบอกว่า ไม่รับ ไม่สบายใจที่จะรับเงิน โดยทางเรายืนยันว่า เราอยากให้เป็นค่าน้ำใจ และขอโทษที่คิดไม่ถึงในหลายๆ เรื่อง

ส่วนเรื่องค่าตัว 500 บาท ถ้ารายการไหนได้ 1 หมื่นบาท เป็นไปไม่ได้ที่จะให้น้อง 500 บาท แต่ 500 บาทมีหรือไม่ มีจริงเพราะรายการนั้นได้น้อย เรื่องนี้รายการทีวีไม่ผิด เพราะทีวีเป็นสื่อที่ทำให้เรามีชื่อเสียงขึ้นมา โดยมีรายการหนึ่งได้ 3,000 บาท ได้โอนให้ 1,500 บาท ซึ่งเราได้ตามที่สมเหตุสมผล เราไม่เคยบังคับให้น้องมา เพราะเรารู้ว่ารายการที่เราไปออกทำให้เราเผยแพร่งานได้ ซึ่งมีรายการหนึ่งที่รายการทักมาว่า ช่วยให้แบ่งค่าน้ำมันรถให้น้องหน่อย แต่รายการได้ดิวแยกกัน ซึ่งสุดท้ายเราได้โอนให้ไป โดยได้มา 3,000 บาท เรายังแบ่งให้ 1,500 บาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะแบ่งให้แค่ 500 บาทเท่านั้น โดยตอนนั้นเรายังไม่ได้ซื้อรถตู้ เราก็เช่าเค้ามา

ต่อมาเรื่องการโกงค่ายูทูบ ต้องชี้แจงก่อนว่า ยอดวิว 1 ล้านเท่ากับเงิน 3 หมื่นบาทไม่จริง ทุกช่องในแต่ละที่ได้เงินไม่เท่ากัน และทุกคนจะตัดสินค่ายเราว่าเรารวยจากเพลงนี้เพลงเดียวไม่ได้ เราขาดทุนในบางเพลงทุกคนก็ไม่รู้ ส่วนประเด็นสุดท้ายเรื่องนักดนตรีออกมาโจมตีบอกว่า 2 หมื่นน้อยไป ต้องบอกก่อนว่าเราให้ 30 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ มันไม่มีค่ายไหนทำกัน และยังคงยืนยันว่ารายนี้ไม่ใช่นักร้องค่ายตน เนื่องจากศิลปินในสังกัดเราจะรู้ดีว่าการรับเงิน และการรับงานเป็นยังไง

ทั้งนี้เจนนี่ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้น้องเก้าออกมาชี้แจงว่าใครเป็นคนได้รับเอกสาร เอกสารนั้นเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไร และน้องทำแบบนี้เพื่ออะไร

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 ส.ค. “เก้า”กริกพล เพชรรัตน์ นักร้องแดนใต้วัยเพียง 17 ปี ได้โพสต์ในเฟซบุ๊คว่า ขอบคุณพี่ๆที่ยื่นมือมาช่วยผมนะครับ ขอบคุณทุกๆกำลังใจและขอบคุณที่คอยซัพพอร์ตผมนะครับ ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ผมจะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะสำเร็จฝันของเด็กคนหนึ่ง

ล่าสุด สำนักข่าวดัง ได้สอบถามไปยัง เก้า เกริกพล ถึงสิ่งที่ฝ่ายเจนนี่พูดในทุกประเด็น ซึ่งเจ้าตัวบอกอย่างฉะฉานชัดเจนว่าไม่เป็นความจริงเลยสักอย่างที่เขาพูด เอาทีละเรื่องนะครับ เรื่องส่วนแบ่งยูทูป 70/30 นั่นเขาพูดกับแม่ผม และผมอยู่ด้วย ตอนนั้นยังไม่ได้ถ่ายเอ็มวีเพลงเลิกคุยทั้งอำเภอฯ กันเลยครับ ค่ายเพลงก็ยังไม่มี เขาจะมาบอกว่าเป็นข้อเสนอได้ยังไง

ว่าถ้าเป็นศิลปินก่อนถึงจะให้ได้ ขณะนั้นตกลงให้ไปฟีเจอริ่งและถ่ายเอ็มวีเพลง พร้อมโอนเงินที่บอกว่าเป็นค่าขนมมาให้ หนึ่งหมื่นบาท ซึ่งเขาได้ใช้จ่ายทั้งเรื่องเสื้อผ้า ค่าเดินทาง และที่พักไปเป็นเงิน หนึ่งหมื่นสองพันบาท แต่ไม่ได้ทวงถามเรื่องเงินที่เกินมา เพราะถือว่าช่วยกัน มาประเด็นการให้ค่าตัวมราไปออกรายการทีวีต่างๆ ครั้งละ

โดยบอกว่าทางครอบครัวน้องเคยปฏิเสธไป เพราะเคยโอนให้แล้วและก็โอนกลับมา รวมทั้งขาดการติดต่อกัน ซึ่งทางเก้าบอกว่า ถ้าไม่ใช่ส่วนที่ตกลงกันไว้ เขาก็ไม่อยากได้ และไม่อยากคุยด้วยอีก อยากจะจบทุกอย่าง แต่ก็มีเหตุให้กลายเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมาจนได้ หลังจากที่เพลงดังก็ไม่มีการพูดเรื่องเงินตามที่ตกลงไว้ จนยอดวิวไปร้อยล้าน พอพ่อโทรไปถามก็พูดไม่ดี พ่อผมเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ และยังเอาไปโพสต์อีก

จนคนเข้ามาด่ายันโคตรผม ผมเก็บกดมานานแล้ว เก้าบอกด้วยว่า การไลฟ์ชี้แจงเมื่อคืน คิดว่าเรื่องจะจบลงแล้ว แต่เมื่อมาฟังสิ่งที่เจนนี่พูด ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ทำให้เขาเหลืออดจริงๆ ส่วนจะมีการฟ้องร้องกันหรือไม่นั้น ขอปรึกษากับผู้ใหญ่และทนายความก่อน

ล่าสุดมีภาพของทนายชื่อดัง “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต”กับ “เก้า เกริกพล” ออกมา จนทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าจะมีการฟ้องร้องกันไหม ทาง “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ได้สอบถามไปยังทนายเจมส์ถึงเรื่องนี้

“น้องเก้าฟ้องแน่นอนครับ ตอนนี้ที่แน่นอนแล้วคือการฟ้องคดีแพ่งในส่วนที่จะต้องได้ตามสัญญาร่วมลงทุน ส่วนเรื่องคดีลิขสิทธิ์ คดียักยอกทรัพย์ อยู่ในระหว่างหารือกัน ว่าจะทำถึงขนาดนั้นไหม เพราะว่าน้องเก้าเองเขาไม่ได้อยากที่จะทำถึงขนาดแบบนั้น น้องเขาจิตใจดี ในส่วนของคดีเท่าที่คุยและดูหลักฐานสามารถสู้ได้สบายเลย

สำหรับกรณีนี้ เอาตรรกะง่ายๆ เลยเดินทางจากพัทลุงไปนครศรีธรรมราช 2 ครั้ง ครั้งที่ 1ไปอัดเสียง ครั้งที่ 2 ไปถ่ายเอ็มวีเต็มวัน และต้องค้างที่นั่นด้วย กับเงิน 10,000 บาท คนที่มีชื่อเสียงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว น้องเก้าในเวลานั้นเป็นที่รู้จักแล้ว แล้วที่ผ่านมาน้องเก้าไม่ได้เพิกเฉย พอยอดวิวถึง 10 ล้าน ก็ไปทวง มีการพูดคุยเรื่องว่าจะให้ 70/30 บอกว่าจะต้องอยู่ค่ายก่อน เขาพูดจริง พูดตอนที่ได้ 10 ล้านวิว พอมีการพูดเรื่องสัญญาว่าจะได้ 70/30 ต้องมาอยู่ในค่าย และจะได้คือในเพลงต่อไป ไม่ใช่เพลงนี้ด้วย

เจอแบบนี้เป็นใครจะเซ็น ปัญหามันอยู่ตรงนี้ไง ใครพูดจริงใครพูดเท็จ เราไม่รู้หรอก แต่จะมีการสืบในแนวพฤติการณ์ที่มันเกิดขึ้น ความน่าจะเป็นที่มันเกิดขึ้น คนทั่วไปเขาจะเอาไหมแบบนี้ คนระดับที่มีชื่อาเสียงอยู่แล้ว จำเป็นไหมที่จะต้องไปง้อ เพื่อไปขอทำเพลงด้วย ไปขอถ่ายด้วย มีความจำเป็นไหม ในขนาดที่ตอนนั้น ลิลลี่ เองก็ไม่ได้มีชื่อเสียง ใครกันแน่ที่เป็นคนอุ้มใคร”

ในส่วนของการดำเนินการตอนนี้อยู่ในช่วงไล่ไทม์ไลน์ และไม่เกินสัปดาห์หน้าจะมีการไปแจ้งความเพื่อรักษาสิทธิ์ก่อน ถึงจะมีดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ทนายเจมส์แสดงความเชื่อมั่นว่าในคดีนี้น้องเก้าจะได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน