เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจและแชร์อุทาหรณ์เตือนใจสายกิน จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pornkanok Komvichian เล่าภัยเงียบที่เกิดขึ้นกับน้องสาว จากการกินแบบไม่ห่วงสุขภาพ ชอบกินหวานจัด จนทำให้น้องสาวต้องล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล ซึ่งต้องรักษาด้วยความทรมาน

โดยเล่าว่า น้องสาวอายุ 30 ปี ชอบกินไปเรื่อย อยากกินอะไรก็กิน ก่อนหน้านี้ไม่มีอาการป่วยใด ๆ กระทั่งน้องรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนเป็นน้ำสีน้ำตาลเกือบดำ สีเหมือนน้ำเป๊ปซี่ หายใจหอบเร็วเหมือนคนกำลังวิ่งอยู่ตลอดเวลา นอนหอบเหงื่อท่วมตัวอยู่ที่บ้าน ครอบครัวนำตัวส่งโรงพยาบาล วันที่ 6 สิงหาคม ถ้าไปโรงพยาบาลไม่ทันก็คงไม่รอดตั้งแต่ตอนนั้น เมื่อเข้ารักษาทุกอย่างเริ่มทรุดลง ภาวะแทรกเริ่มเยอะขึ้น

เป็นนาทีชีวิตที่ไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ นาทีชีวิตที่หมอเดินมาบอกครอบครัวว่า “ไม่รอดนะ น้องน่าจะไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน” น้ำตาลขึ้นสูงทะลุ 500+ (วัดครั้งแรก 530) ซึ่งค่าน้ำตาลคนปกติจะอยู่ 70-120 ส่งผลให้เลือดเป็นกรด ปอดทำงานหนัก ค่ากรดและด่างในเลือดเหลือเพียงเลขตัวเดียว (วัดครั้งแรกได้ 2) จากปกติหมอบอกว่าจะอยู่ที่ 20+

“หมอต้องสอดท่อช่วยหายใจ 4 ครั้ง แต่ละครั้งก็สุดแสนจะทรมาน จนแพทย์และพยาบาลต้องจับน้องสาวมัดมือมัดเท้าไว้กับเตียง ต้องฉีดยานอนหลับทุกชั่วโมงเพื่อพักปอด เจาะวัดน้ำตาลทุกชั่วโมงจนนิ้วพรุน เจาะเลือดไปตรวจจนระบมไปทั้งตัว เจาะให้น้ำเกลือจนไม่มีที่จะเจาะ ต้องย้ายมาเจาะที่เส้นเลือดใหญ่ตรงคอ เจาะเส้นเลือดทุกเส้นในร่างที่สามารถเจาะได้ ห้อยถุงน้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้ออะไรก็ไม่รู้ นับได้ 6 ถุง สอดสายท่อปัสสาวะ สายอะไรบ้างไม่รู้ระโยงระยางเต็มเตียง เตือนเลยนะ กินหวานจัด ดื่มน้ำอัดลม กินชานมไข่มุก กินกาแฟใส่ครีม-น้ำตาล เยอะ ๆ ระวังไว้ !!”

กระทั่งอาการล่าสุด (18 สิงหาคม) ถอดท่อแล้ว หายใจเองได้ ต้องตรวจน้ำตาลทุกอาหาร 3 เวลา และให้ยาตลอด เพราะน้ำตาลยัง 300+ อยู่ การให้ยาคือฉีดใส่พุงตัวเองเท่านั้น และหากออกจากโรงพยาบาลไปก็ต้องฉีดยาเอง แต่เนื่องจากตอนนี้ค่าน้ำตาลยังสูงมาก ๆ หมอเลยยังให้อยู่โรงพยาบาล พร้อมระบุว่า น้องสาวอายุ 30 ปี ทุกคนต่างตกใจกับค่าน้ำตาล เตือนว่าอย่าชะล่าใจกับการใช้ชีวิต น้องสาวทรมานจนตอนนี้จำแทบไม่ได้ และคนที่ทรมานที่สุดคือครอบครัวเรา

 

************************************************************************************************************************************************************************

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Pornkanok Komvichian