เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีปมร้อน พิธีกรผู้ประกาศข่าวดังกับผอ.ข่าวคนใหม่ ช่อง 3 หลัง เพจเจ๊มอย108 ออกมาแฉเรื่องดังกล่าว ต่อมาข่าวสดออนไลน์ ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวกล่าวถึงประเด็นร้อนนี้ว่า ได้มีการประชุมถึงการปรับรายการข่าว เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ที่มี หนุ่ม กรรชัย และหมวย อริสรา เป็นพิธีกรข่าว ซึ่งทาง ผอ.ข่าวคนใหม่ ได้แจ้งในที่ประชุมว่าจะมีการปรับเนื้อหาของข่าวใหม่

ทั้งนี้ ทำให้เกิดความเห็นต่าง เนื่องจากไม่ได้เป็นแนวทางที่ หนุ่ม กรรชัย ตั้งใจทำมาโดยตลอด คืออยากให้เป็นกระบอกเสียงของชาวบ้าน จึงอาจจะทำในแนวทางใหม่ไม่ได้ ในขณะที่ทาง ผอ.ข่าว ได้พูดตอบกลับในเชิงว่าก็ไม่เป็นไรเอาไว้ค่อยมาร่วมงานกันใหม่ ทำให้บรรยากาศในที่ประชุมเกิดความตึงเครียดขึ้นมา ซึ่งเกิดข่าวลือว่าพิธีกรคนดังตัดสินใจที่จะย้ายช่อง

ล่าสุด วันที่ 23 .. พิธีกรคนดัง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เปิดใจครั้งแรก ในทุกประเด็นที่มีการพูดถึง โดยกรรชัยยืนยันรักและทุ่มเทการทำงานให้กับรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์แบบสุดชีวิต ตื่นแต่เช้าตรู่ ไม่เคยไปส่งลูกไปโรงเรียนเลย เพื่อออกไปทำงาน ทั้งยังย้ำด้วยว่ารักรายการ เที่ยงวันฯ มากกว่ารายการ โหนกระแส ที่ตนเองเป็นเจ้าของเสียอีก

พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ยังเป็นพนักงานช่อง 3 อยู่เหมือนเดิม และจะใช้แรงกายและมันสมองทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่สำหรับประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความคิดเห็นต่างกันที่ยังไม่ได้มีการตกตะกอน เป็นเพียงการพูดคุยในครั้งแรกซึ่งทุกอย่างต้องปรับจูนและหาจุดกึ่งกลางให้เจอ

เมื่อถามว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นหลายคนค่อนข้างตกใจ?

หนุ่มกรรชัย กล่าวว่า จากที่มีเพจหนึ่งลงทำนองว่า พิธีกรคนดัง จ่อโบกมือลาจอช่อง 3 แล้วมีการชี้ว่า คุณพ่อจอมโหน อยู่พระรามสี่ คือเขียนแบบนั้นก็คงไม่มีใคร คงจะมีคนเดียวนี่แหละ เราก็ยอมรับว่ามันมีการพูดคุยประชุมเกี่ยวกับเรื่องงานจริงๆ ตามที่มีกระแสข่าวออกไป

ส่วนว่ามีความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น หรือจะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้ชาวเน็ตติดตามมั้ย ตรงนี้เราต้องบอกก่อนว่าพอมันเป็นเรื่องของในที่ประชุม เลยเป็นเรื่องที่เราไม่สมควรเอาออกไปพูดข้างนอกอยู่แล้ว เพราะมันเป็นเรื่องของบริษัทของการทำงาน ควรจะอยู่แค่ภายใน แต่อันนี้หลุดออกมาข้างนอก บางทีก็เกิดมึนงงเหมือนกันในความรู้สึกของเรา

แต่ถ้าจะถามว่ามันมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือเปล่า ต้องตอบอย่างนี้ว่าคนเราทำงานอยู่ในองค์กรใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนเมื่อมีการทำงานกับคนหมู่มากเป็นธรรมดาที่ย่อมมีความคิดเห็นแตกต่างกัน ไม่มีคนไหนหรอกที่ทำงานร่วมกันแล้วความคิดเห็นตรงกันเป๊ะทุกคน ฉะนั้นตอนประชุมอาจจะมีความเห็นต่างกันบ้าง

เมื่อถามว่า แล้วกับคำพูดที่ว่าก็ไม่เป็นไรเอาไว้ค่อยมาร่วมงานกันใหม่อันนี้จริงเท็จยังไง?

พิธีการข่าวคนดังกล่าวว่า อย่างที่บอกไปว่าการทำงานร่วมกันของคนหมู่มาก ต้องมีภาวะของการเห็นต่างหรือมองอะไรไม่ตรงกัน ทีนี้ในมุมกลับเรื่องราวเหล่านี้ต้องบอกด้วยว่ามันยังไม่ได้มีอะไรคืบหน้าเลย แค่คุยกันครั้งแรกเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นมันเป็นเรื่องของอนาคต เพราะทุกอย่างต้องถูกคิดให้มันตกตะกอนเสียก่อน

วันนี้ยังไม่มีการตกตะกอนออกมาเลยว่าจะเป็นยังไง แค่เป็นการเสนอแนวทางในมุมมองความคิดเท่านั้นเอง ต้องมีการมาปรับจูนกันก่อนว่าจะเอายังไง ต่อไปในอนาคตถ้าเกิดว่าถึงเวลาแล้วมันไม่ใช่ตัวเรา เราก็ต้องกลับมาพิจารณาตัวเองว่ามันไปต่อไม่ได้ ตอนนั้นก็ค่อยไปว่ากันอีกทีในอนาคต แต่ยังไม่ใช่วันนี้

เมื่อถามว่า แสดงว่ามีคำพูดนั้นออกมาจริงๆ?

หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่าคล้ายๆ ในทำนองนั้นครับ แต่คงไม่ได้ไปลงรายละเอียดอะไรมากมาย แล้วทั้งหมดทั้งมวล คือก็ยังไม่ได้มีการตกตะกอน คงจะต้องไปหาจุดกึ่งกลางให้เจอเสียก่อนว่าจะเอายังไง อย่างที่บอกว่ายังต้องมีการปรับจูนกัน เนื่องจากเป็นการพูดคุยกันแค่ครั้งแรก แล้วเราไม่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน ฉะนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าพี่เขาชอบทานอะไร เราเองชอบทานอะไร ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการปรับจูนกันอยู่

เมื่อถามว่า รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เสียใจ หรือไม่พอใจกับคำพูดนั้นไหม?

หนุ่ม กรรชัยกล่าวว่าไม่หรอกครับ เราไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจหรือไม่ได้โกรธอะไรเลย อย่างที่บอกว่ามันเป็นแค่การคุยกันแค่เริ่มต้นครั้งแรก ยังไม่ได้มีการตกตะกอน เพราะว่าการจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการ หรือจะทำอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาในหนึ่งรายการเนี่ย มันต้องมีการวิเคราะห์ให้หลากหลายแง่มุม ฉะนั้นทุกคนที่สิทธิ์ที่จะโยนความคิดเห็นหรือแนวทางของตัวเองเข้าไปในที่ประชุมอยู่แล้ว เราก็โยนแนวทางของเราลงไป ทางฝั่งพี่เขาก็โยนแนวทางของเขามา คนโน้นคนนี้ก็โยนแนวทางมา มันไม่ได้ประชุมกันแค่ 2 คน ประชุมกันเกือบ 30 คน เยอะมากครับ

นักข่าวถามว่า แล้วแนวทางของเราอยากให้รายการเป็นแบบไหน เห็นว่าอยากเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน?

หนุ่ม กรรชัยกล่าวว่าแนวทางของผมก็ตามข่าวที่ออกไปเลยครับ

หลังจากที่มีกระแสข่าวออกไป ทางผู้ใหญ่ได้สอบถามหรือพูดคุยบ้างไหม?

หนุ่ม กรรชัยกล่าวว่าคนโทร.มาเยอะ แต่เรายังไม่ได้คุยกับใครเลย เมื่อวานนี้(22..) พอเริ่มมีข่าวออกมาเยอะๆยอมรับว่าเครียดมาก นอนไม่หลับมา 2 คืน จริงๆ เราเครียดมาตั้งแต่วันศุกร์ (21..) ที่มีข่าวออกมาแล้ว บอกเลยว่าผลกระทบมันกระทบไปในหลายภาคส่วน แล้วเราก็เป็นห่วงทางช่อง 3 และผู้ใหญ่หลายๆ คน เราเลยเครียดและรู้สึกไม่สบายใจ

เมื่อถามว่า งงหรือไม่ว่าข่าวหลุดมาได้ยังไง?

พิธีกรคนดังกล่าวว่างงมาก เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องในที่ประชุม ไม่ควรหลุดออกมาได้ แล้วพอหลุดออกมาก็ดันมากระทบตัวเราอย่างมาก ส่วนตัวไม่ได้อยากให้กลายเป็นความหมางใจ เพราะว่าสิ่งที่ออกมามันเป็นข้อความเหมือนว่าหมางใจ ซึ่งจริงๆ มันยังไม่ได้ไปถึงขั้นหมางใจอะไรกันเลย แค่พูดคุยแต่แนวทางความคิดเห็นอาจจะแตกต่างกันบ้างเท่านั้นเอง

ถามต่อว่า แล้วกับทางหมวยอริสรา กำธรเจริญ พิธีกรคู่ในรายการ ได้พูดคุยกันไหม?

หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า จริงๆ กับหมวยเราก็คุยกันตลอดอยู่แล้ว วันนั้นในที่ประชุมหมวยก็อยู่ด้วย ถามว่าแนวทางของหมวยกับเราไปทิศทางเดียวกันมั้ย ต้องบอกอย่างนี้ดีกว่าว่าเรากับหมวยตั้งใจทำรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ แบบถวายชีวิต อย่างเราเองทุ่มเทกับรายการนี้มาก ถึงขนาดที่ตัวเราไม่เคยไปส่งมายู (ลูกสาว) ไปโรงเรียนเลย เพราะว่าเราทุ่มเทกับงานมาก ตื่นตี 5 ครึ่ง เพื่อออกไปทำงาน เพราะอยากจะฟังแต่ละข่าวที่เข้ามาด้วยตัวเอง อยากคุยกับแหล่งข่าวหรือคนที่มีปัญหาเอง รายการออกอากาศตอน 11 โมง

หลายคนถามว่าทำไมต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง อย่างที่บอกว่ามันมีช่วงแก๊ปเวลาไม่ได้นานมากนักในการที่เราจะทำข่าวเรื่องราวเหล่านี้ เลยมีความจำเป็นที่เราต้องรู้เอง แล้วก็ไปเตรียมงานเพื่อเข้าประชุมตอนเช้าเวลา 8 โมงครึ่ง เราทำอย่างนี้ทุกวันจนสุดท้ายแล้วทุกอย่างมันดีขึ้นกรรชัยกล่าว

ตอนที่เริ่มทำกันใหม่ๆ เรตติ้งอยู่ที่ 0.5 วันนี้มันเป็นเรื่องที่เรากับหมวยดีใจกันมากเลย เรตติ้งบางวันมันขึ้นไปประมาณ 2 กว่า แต่ถ้าเป็นปกติของทุกวันจะอยู่ที่ประมา 1.2-1.3-1.4 เราแฮปปี้กับมันมาก แต่เราจะไม่หยุดในการที่จะทำให้มันดีขึ้นไปอีก เลยคิดว่าแนวทางของเรากับหมวยน่าจะมาทางทิศทางเดียวกันกรรชัยกล่าว และว่าผมรักรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์มาก พยายามทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างให้คนรักและชื่นชอบรายการนี้ ซึ่งมันก็พิสูจน์ขึ้นมาให้เห็น ผมเลยรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างจะละเอียดอ่อนกับรายการนี้มาก เผลอๆ ว่าผมจะรักรายการนี้มากกว่าโหนกระแสด้วยซ้ำ ทั้งที่ไม่ใช่รายของผมเองด้วยนะ เรียกว่าทุ่มเทมากๆ ตื่นตี 5 ครึ่ง ไม่ได้ไปส่งลูก ต้องทิ้งชีวิตทุกอย่าง พอวันนึงมันมีปัญหาของการเห็นต่าง เลยอาจจะรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างจะอ่อนไหวพอสมควร แต่แน่นอนว่ามันก็ต้องหาจุดกึ่งกลางให้เจอ

เมื่อถามว่า พอเกิดข่าวนี้ออกมา แล้วในการทำงานร่วมกันต่อไปจะมีปัญหาไหม?

กรรชัย กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราไม่เคยรู้จักพี่เขามาก่อน พี่เขาก็ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน อาจจะเคยได้ยินชื่อกันมา เพียงแต่เรายังไม่เคยทำงานด้วยกัน คนที่จะมาทำงานด้วยกันในช่วงแรกๆ มันต้องมีการทำความเข้าใจทำความรู้จักก่อน ว่าแต่ละคนชอบแบบไหน แล้วก็ปรับจูนกัน อีกอย่างเรื่องนี้ยังไม่มีการตกตะกอนอะไรเลย

ส่วนในอนาคตเป็นเรื่องที่เราตอบไม่ได้จริงๆ ว่ามันจะเป็นยังไง แต่สำหรับเราเองถ้าเกิดพยายามแล้ว เต็มที่แล้ว แล้วมันไม่โอเค เราก็ต้องกลับมาพิจารณาตัวเอง หมายความว่าเราต้องกลับไปถามว่ามันใช่ตัวเรามั้ย เป็นอย่างนี้มั้ย เราเดินมาถูกทางหรือเปล่า เป็นไปไม่ได้ที่เราจะดันทุรังทำไปแล้วยิ่งจะทำให้ทุกอย่างไม่ดีไปอีก แต่เราเชื่อและมั่นใจอย่างหนึ่งว่า จะยังไงก็แล้วแต่ท่ามกลางทุกสิ่งอย่างที่ออกมาตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเรา หรือทางพี่ผอ.เอง ไม่มีใครคิดร้ายกับช่อง 3 ทุกคนมีแต่มุมมองที่ดีๆ ที่จะทำให้กับทางช่อง เพียงแต่อาจจะเป็นแนวที่เราเห็นต่างซึ่งก็ต้องปรับจูนเท่านั้นเอง

ถามว่า ตามข่าวที่ออกมายังให้ชาวเน็ตติดตามด้วยว่า หนุ่ม กรรชัย จะแยกย้ายหรือไปต่อ?

หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องในอนาคต ตอบไม่ได้จริงๆ แต่วันนี้เรายังเป็นพนักงานช่อง 3 อยู่ ฉะนั้นเราก็จะใช้พลังกายและมันสมองของตัวเองทุ่มเทในการทำงานให้ช่อง 3 แต่ถ้าถามว่ามีคนมาจีบมั้ยมาคุยมั้ย คือมันไม่ใช่แค่วันนี้ กล้าพูดได้ว่ามีมาตลอด มันเป็นธรรมดาที่จะต้องเคยมีคนมาพูดคุยกับเรา แต่อย่างที่บอกว่า วันนี้เรายังเป็นพนักงานของช่อง 3 อยู่

ถามว่า ลือปลดฟ้าผ่า?

หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่าไม่ได้มีเรื่องแบบนั้นหรอกครับ ไม่มีใครปลดใคร เพราะทุกคนมีวุฒิภาวะในการพูดคุยกันอยู่แล้ว มันเป็นแค่ความคิดเห็นที่เห็นต่างก็แค่มาปรับจูนหาตรงกลางให้เจอเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า พอเป็นแบบนี้กลัวว่าจะไปกระทบกับรายการ โหนกระแส ที่ตัวเองทำไหม?

กรรชัย กล่าวว่าไม่กลัวนะครับ ในส่วนของโหนกระแสเป็นรายการที่ผมทำเองครับ

คำถามสุดท้ายว่า กำลังใจจากแฟนๆ รายการมีเข้ามาเยอะไหม?

กรรชัย กล่าวว่าอันนี้บอกตรงๆ เลยว่าไม่กล้าอ่าน ไม่อยากอ่าน ทั้งที่ตัวเองทำงานอยู่ในวงการนี้และอยู่ในโซเชียลนะ แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วกลับไม่กล้าอ่าน แต่ก็มีคนรอบข้างที่อ่านแล้วมาบอกว่าทุกคนเป็นกำลังใจให้ ขออนุญาฝากผ่านทางข่าวสดแล้วกันว่า ขอบคุณมากจริงๆ ที่รักผม มันชื่นใจ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่ไม่ได้ชื่นชอบเราบ้าง

อันนี้เราก็ยอมรับเพราะไม่มีใครจะมารักเราได้ทั้งหมด แต่ก็ขอบคุณทั้งมุมติ มุมชม มุมรัก มุมไม่รัก ทุกอย่างคือเดี๋ยวจะไปอ่านทั้งหมด พอดีมันเกิดเหตุการณ์หมาดๆ เลยยังไม่กล้าอ่านอะไร เราไม่อยากพูดคำว่าขอบคุณที่เข้าใจผม แต่อยากพูดว่าขอบคุณที่รักผม เพราะมันมากกว่าคำว่าเข้าใจอีกนะ ขอบคุณที่รักผมจริงๆ ให้กำลังใจ และเข้าใจแนวทางของผม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อมูลจาก Khaosod