เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

มีประเด็นให้ติดตามกันตลอดๆ สำหรับ ติ๊ก กนิษฐรินทร์ หรือ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ ภรรยาของอดีตพระเอก หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ ที่ก่อหน้านี้เจ้าตัวเคยมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow

ตอนนี้โควิดที่ร้อนแรงยังสู้คุณไม่ได้เลย? ติ๊ก : “จริงๆ ตัวตนของติ๊กเป็นคนพูดตรง ใจนักเลง ห้าวๆ เป็นสไตล์อย่างนี้อยู่แล้ว ติ๊กเป็นตนที่ต่อสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กจนโตด้วยลำแข้งของตัวเอง

เพราะฉะนั้นกลไกที่จะเลี้ยงชีวิตตัวเองค่อนข้างจะห้าว ด้วยอาชีพสตั้นแมน ต้องใช้ใจ ความเสี่ยงเป็นการเดิมพันในการดำรงชีวิต มันก็เลยกลายเป็นว่าตรงดีกว่าเข้าใจดี ดีกว่าพูดอ้อมภูเขาแล้วไม่เข้าใจ แต่กลายเป็นว่าภาพที่ออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

แล้วหลังมรสุมดราม่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? ติ๊ก : “ดราม่าล่าสุดเป็นธุรกิจธุรกิจหนึ่ง ซึ่งตัวติ๊กอยากทำธุรกิจ คือเป็นนักแสดงมามากพอจะทำธุรกิจประสบการณ์ไม่มี เหลี่ยมไม่มี

มันก็เลยพลาดแล้วก็ผิดในการที่เราจะทำธุรกิจบางอย่างมันต้องมีเอกสาร ต้องจดทะเบียน เราก็ผิดตรงนี้ไป แต่มันก็เกิดการแก้ปัญหานี้เกิดขึ้น โดยพี่หนุ่มเป็นคู่คิดในการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น”

ทำไมช่วงนี้สวยจังเลย ไปทำอะไรมา? ติ๊ก : “เอาจริงๆ ตอนอ้วนคนก็ด่า พอผอมสวยคนก็ว่า เขาบอกว่านี่ดั้งจะทิ่มหน้าเขาอยู่แล้ว แล้วเขาบอกว่าสวยไปทำหน้ามาใหม่หรือเปล่า บอกเลยว่าไม่ได้ทำ”

แล้วทำไมดูผุดผ่อง ดูจมูกพุ่ง? ติ๊ก : “คือจริงๆ ก่อนที่หนูจะแต่งงานน้ำหนักหนู 45 กิโลกรัม แล้วพอแต่งงานกับพี่หนุ่มแล้วท้องวีจิน้ำหนักขึ้นไปถึง 71 กิโลกรัม

เรารู้สึกว่าเราไม่เคยมีหุ่นแบบน่าเกลียดอย่างนี้เลย ก็เลยลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร แล้วก็มีวินัย มันก็เลยลดเร็ว ณ ตอนนี้น้ำหนัก 48 กิโลกรัม เอาจริงๆ อย่างจมูกหนูทำมาก่อนแต่งงาน แต่ว่าหลังจากแต่งงาน และตอนนี้หนูไม่ได้ทำอะไรเลย”

คุณหย่ากันเหรอ? ติ๊ก : “ใช่ค่ะ จริงๆ ตอนที่เราหย่ากัน มันก็อาจจะมีตอนที่เป็นตัวหนู ไม่ได้เป็นเมียศรราม เทพพิทักษ์ หนูอาจเป็นติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ ในแบบที่หนูเป็น คนก็ไม่ได้สนใจอะไร

แต่พอวันหนึ่งหนูมาแต่งงานปุ๊บมันกลายเป็นว่าจับจ้องเมียศรรามทำอะไรผิดไปหมด ไม่สมควรไม่เหมาะกัน ไม่คู่กัน ไม่สวย เยอะแยะไปหมด คือหนูงงมาก ตอนแรกแบบ เป็นเมียศรรามมันต้องถึงขนาดนี้เลยเหรอ”

ก่อนตกลงแต่งงานกันได้ทำใจไว้ก่อนไหม? ติ๊ก : “หนูไม่ได้ทำใจมา แล้วอีกอย่างหนูอายุห่างจากพี่หนุ่ม 10 ปี ถ้าย้อนไปตอนที่พี่หนุ่มดังหนูอาจจะเด็กมาก แล้วหนูอยู่ต่างจังหวัด อยู่บ้านนอกซึ่งตอนนั้น เหินฟ้า

หนูก็ไม่ได้ดูทีวีด้วย มันก็กลายเป็นว่าพอมาเป็นภรรยาของพี่หนุ่ม หนูไม่ได้ตั้งรับว่ามันเป็นอะไรที่แรงขนาดนี้ แต่ว่าแรกๆ ก็มีส่วนหนึ่งที่นั่งน้ำตาร่วง เฮ้ย…ทำไม อะไร ยังไง มันกระแทกใจแรงมาก กระแทกทุกวัน กระแทกตลอดเวลา 24 ชั่วโมง”

ตอนนี้ยังใช้นามสกุลเทพพิทักษ์อยู่ไหม? ติ๊ก : “ยังใช้อยู่ค่ะ”

 

เรื่องหย่ามันมีผลกระทบอะไรหรือคุณหย่าเพราะแก้เคล็ด? ติ๊ก : “หนูหย่าเพื่อแก้เคล็ดค่ะ คือเอาง่ายๆ ว่าการหย่าเนี่ยเป็นสิ่งประกอบรวมในการทำธุรกิจด้วย แล้วอีกอย่างเราไปปรึกษาพระ

เพราะว่าวันที่ไม่ได้เป็นเมียศรราม อะไรๆ ก็ไม่มา พอเป็นเมียแล้ว เดี๋ยวคนนู้นมาข่มขู่คนนี้ เดี๋ยวคนนี้มาข่มขู่ โดยมีพี่หนุ่มเป็นตัวกลาง ซึ่งหนูมีความรู้สึกว่าหนูไม่แฮปปี้ เราก็เลยรู้สึกว่าเราไปปรึกษาคนที่ดูว่าถ้าเราทำแบบนี้แล้วมันดีหรือเปล่า”

พระอาจารย์แนะอะไรไหม ถ้าหย่าแล้วจะส่งผลอะไรกับเราบ้าง? ติ๊ก : “ที่จะเจอหนักขึ้นก็จะกลายเป็นเบาลง ที่จะเจอก็อาจจะไม่เจอได้”

แล้วหลังจากหย่ามีอะไรที่เกิดขึ้น? ติ๊ก : “เรื่องนี้แหละค่ะ รุนแรงมาก เรื่องธุรกิจโดยที่แบบถ้าหนูพูดไป แต่มันเป็นคดีความแล้วมันผ่านมาแล้ว เอาง่ายๆ ถ้าเราจะซื้อของออนไลน์เราก็ต้องจ่ายร้อยเปอร์เซ็นต์

หนูเป็นแค่ตัวกลางที่ติดต่อผ่านโปกเกอร์เท่านั้น มันก็กลายเป็นว่าไม่จ่ายร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจะได้ของยังไง แล้วอีกอย่างถ้าตรวจสอบย้อนกลับไปถ้าเป็นชื่อหนูไม่เคยฉ้อโกงคน ครั้งนี้มันแรงมาก”

เรื่องนี้ถือว่าหนักสุดเลยไหมตั้งแต่มีดราม่ามา? ติ๊ก : “หนูคิดว่ามันหนักสุดนะ มันแรงมาก แต่ถ้าย้อนกลับไปดู ชื่อของใครคนหนึ่ง จะได้รู้ว่าใครกันแน่ แต่มันคือสิ่งที่ผ่านไปแล้วช่างมันเถอะ”

เคยน้อยใจไหมทำไมเราต้องโดนดราม่าในแง่ลบตลอดเลย? ติ๊ก : “หนูไม่เคยคิดว่าอยู่จุดนี้จะมีแต่คนวิจารณ์หนักๆ แย่ๆ แต่ว่าที่ผ่านมามีพี่หนุ่มยืนหยัดเคียงข้าง พี่หนุ่มผ่านอะไรมาเยอะด้วยการนิ่ง เงียบ ไม่ตอบโต้

ปล่อยให้เวลามันรักษาทุกอย่าง แต่บางทีหนูคิดว่าเรานิ่งและเฉยไปมันอาจจะทำให้คนมองเราลบขึ้น แย่ขึ้น เราไม่ได้เป็นสีเทาทั้งหมด แต่คนก็มองเราเป็นสีเทาหรือสีดำก็ได้ เราน่าจะมีวิธีในการอธิบายบ้างไหม”

เรื่องที่มีการตอบโต้กันในไลฟ์เดือดมาก? ติ๊ก : “หนูจะบอกว่าหนูเป็นคนที่อ่านคอมเมนต์ตลอด ซึ่งก็มีคนบอกหนูว่าอย่าอ่านเลยมันไม่ดีต่อสุขภาพจิต แต่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นกบอยู่ในกะลา

ถ้าเราเป็นกบในกะลาเราจะไม่เข้าใจหรอกว่าความคิดของมนุษย์เราร้อยพ่อพันแม่มันแตกต่างกัน วันนึงเราจะอ่อนแอ เจอคำนี้ปุ๊บ ทำไม…รับไม่ได้ นอยด์กลายเป็นโรคซึมเศร้า คิดหนักไปกับคำวิจารณ์ ไม่หนูอ่านหนูสตรองพอที่หนูจะรับได้ในคำวิจารณ์ แต่เมื่อใดที่วิจารณ์ลูกหนู หนูรู้สึกว่าเฮ้ย…มันแรงไปไหมคำว่าลูกขี้คุก

คือหนูอ่าน หนูไม่ได้หลบอยูหลังกล้อง พอพี่หนุ่มไลฟ์ เขาว่าพี่หนุ่มก่อนหนูข่มความรู้สึกตัวเองได้ หนูเข้าใจ แต่เขาว่าพี่หนุ่มเยอะมากโดยที่พี่หนุ่มไม่ผิดอะไร พี่หนุ่มกำลังอธิบายให้ฟังว่ามันไม่ได้ฉ้อโกง คือเขาอยากจะได้เงิน 50 เปอร์เซ็นต์คืน คนก็ว่าๆ จนมาถึงลูกว่าลูกขี้คุก”

ตอนนั้นโกรธขนาดไหน? ติ๊ก : “สไตล์หนูโกรธไหม หนูโกรธคำว่าลูกขี้คุกจริง แต่ด้วยความเป็นหนู หนูเป็นคนกวนอยู่แล้ว หนูไม่ได้หลบอยู่หลังกล้อง หนูบอกหนูอยู่ชั้น 2 แต่หนูไลฟ์ หนูมีความรู้สึกว่า

เราเนี่ยกลายเป็นบุคคลสาธารณะเราต้องนั่งแล้วให้คนมาด่าเหรอคะ ด่าแบบแรงๆ เอาตรงนั้นมาแปะที่หน้าเรา มันใช่เหรอ หนูรู้สึกว่าเราเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน หนูก็คือคนเหมือนกัน”

แต่ก็มีคนดราม่าว่าตั้งแต่คุณมาคบพี่หนุ่มมีแต่เรื่อง? ติ๊ก : “คนข้างนอกอาจจะมองว่าหนูมามีแต่เรื่อง หนูถามคนในวงการนิดนึงว่า ณ วันนี้ภาพของพี่หนุ่มเป็นยังไงบ้าง สมบูรณ์แบบขึ้นไหมคะ

หนูมีความรู้สึกว่าเรื่องที่ทุกครอบครัวมีกันอยู่แล้ว แต่ของหนูอาจจะอยู่ในที่คนจับจ้อง คนไม่ได้สนับสนุนซะส่วนใหญ่ คนคาดหวังว่าเมียศรรามจะต้องเป็นยังไงในแบบที่เขาคิด หนูไม่รู้คะ

แต่หนูรู้สึกว่าความคาดหวังของทุกๆ คน แต่มันก็มีอีกส่วนหนึ่งที่เขายินดีกับเรา หนูก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าการคาดหวังของคนแล้วจะต้องมากดดันที่หนู แล้วหนูจะต้องแบบโอ้ย…เดี๋ยวฉันจะต้องอยากเป็นอย่างที่เขาให้เป็น ไม่ค่ะหนูเป็นตัวของหนูเอง”

หลายคนบอกภรรยาขยันทำข่าว เกาะสามีดัง? ติ๊ก : “หนูไม่เคยเกาะพี่หนุ่มดัง คือไม่ว่าจะเป็นใครถ้าอยู่ใกล้พี่หนุ่มน่าจะเป็นที่จับจ้องแล้วก็มีคนให้ความสนใจ คือถ้าหนูจะเกาะพี่หนุ่มดัง

หนูคงไม่มีลูก แล้วจะไม่ทำอะไรอีกหลายๆ อย่างที่เราจับมือกันมาแล้วต่อสู้กันหลายๆ อย่าง มีคนบอกหนูทำของพี่หนุ่ม พี่หนุ่มถึงได้หลง ถึงได้รัก หนูแนะนำนะคะ ภาพของเราอาจจะมองไม่ดี แต่ถ้าตัวเรา เรามีเนื้อแท้ที่ดี ยังไงคนใกล้ตัวเราก็เห็นเนื้อแท้นั้น”

หย่ากับคุณหนุ่มแล้วจะแต่งกับใคร? ติ๊ก : “ยังไม่มีแต่งกับใครค่ะ แต่ตอนนี้จะกลับมาจดทะเบียนอีกก็ต้องดูฤกษ์อีกที”

แล้วเรื่องลูกคนที่2 ล่ะ ? ติ๊ก : “เรื่องลูกคนที่สองยังไม่มีเลยค่ะ แต่ว่าก็คุยกับพี่หนุ่มไว้ก็อยากจะมีอีกคน แต่คงรอให้วีจิโตก่อน”

ล่าสุด หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ โพสต์โชว์ใบหย่า พร้อมเผยชัดๆ สถานภาพเลิกกันกับ ติ๊ก กนิษฐ์รินทร์ พัชรภักดีโชติ แล้วจริงๆ

โดย ศรรามอยู่กับลูกที่บ้าน และ ติ๊ก แยกบ้านไปอยู่ต่างหากแล้ว ไม่ขอรับรู้เรื่องใดๆของติ๊กขอทำหน้าที่แค่พ่อและแม่เท่านั้นว่า

“เนื่องจากในระยะ 2-3 สัปดาห์ ที่ผ่านมามีบุคคลมาตามหาคุณติ้กที่บ้านและโทรศัพท์มาหาผมหลายครั้ง

ซึ่งผมเองก้อทำงานเกือบทุกวัน จึงขอความกรุณา ผู้ใดก้อตามที่ได้ทำสัญญาหรือทำธุรกรรมทางด้านการเงินหรือด้านต่างๆกับคุณติ้ก กนิษฐ์รินทร์ พัชรภักดีโชติ ช่วยติดต่อกับคุณติ้กโดยตรง

และไม่ต้องมาที่บ้านผมกับลูก เพราะผมกับลูกไม่ทราบเรื่องใดๆทั้งสิ้น

เพราะสถานภาพของเราทั้งสองได้หย่าขาดกันอย่างเป็นทางการเรียบร้อยตามวัน เวลา ดังกล่าวและคุณติ้กก้อไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านของผมแล้ว เราสองคนต่างทำแค่หน้าที่พ่อกับแม่ของวีจิตามข้อตกลงที่ระบุตามเอกสารที่ระบุไว้เท่านั้น

ขอบพระคุณครับผม @mama.veeji @veeji_theappitak @sornramfanclub #STVeeji”

หย่าขาด

นอกจากนี้ก่อนที่ศรรามจะโพสต์ประกาศหย่าขาดกับภรรยานั้น ติ๊กได้โพสต์คลิปน้องวีจิ พร้อมแคปชั่นระบายความรู้สึกว่า

หย่าแล้ว

วีจิ..สกิลแม่เลี้ยงลูกตั้งแต่ 6week2day แม่ตั้งใจให้รู้มีพื้นฐานนิสัยตรงต่อความรู้สึกนึกคิดเป็นเด็กอารมณ์ดี ยิ้มเก่ง นี่คือเสน่ห์ของลูกที่แม่สร้างให้ แม่ยอมหัวเราะทั้งน้ำตา เต้นท่าแปลกๆ

ให้ลูกยิ้มหัวเราะ หัดให้กินทุกอย่างที่กินได้ แม่สร้างเสียงหัวเราะให้ลูก สอนให้กล้าที่จะไม่กลัวล้มจะได้ลุกขึ้นและแกร่งกว่าเดิม เปิดเพลงให้ฟังตั้งแต่อยู่ในท้อง เพื่อหัวใจลูกได้มีเสียงดนตรี ทำให้อารมณ์ดี

ทั้งคืนแม่คอยตื่นเอาผ้าห่มปิดอกลูกตลอด ท่ามกลางปัญหาและความกดดันที่เกิดขึ้น แม่พยามหามุมสงบ เพื่อปรับทัศนคติ  ไม่ให้ลูกเห็นและรู้สึกถึงความอ่อนแอ เพื่อแม่ต้องการสร้างลูกให้แกร่งแข็งแรง ฉลาด สอนไหว้รู้จักสวดมนต์ ไหว้พระ ไหว้คน และขอบคุณเป็น แม่ปลื้มใจ และภูมิใจมาก เสน่ห์ของคน คือการรู้จักมารยาทที่ดี  แม่สอนลูกตั้งแต่ 5 เดือน หัดให้แบมือรับและต้องรู้จักคืนให้ คนให้ต้องให้จากความรู้สึกดี และเต็มใจให้ การรับก็เช่นกัน แม่จะคอยเตือนวีจิเสมอว่าห้ามแบ่งแยกว่าคนนี้ทำได้  คนนี้ทำไมได้ พื้นฐานทั้งหมด แม่เป็นคนปูทางมาทั้งหมด แม่มั่นใจว่าการเลี้ยงแบบสมวัยและให้ไปแบบธรรมชาติของเด็ก มันจะส่งผลดีให้อารมณ์ดี สมาธิดี จิตใจดี การพัฒนาดี มีอีกหลายอย่าง ที่แม่ยังไม่สอน  ตอนลูกหลับแม่ชอบเข้ากูเกิ้ล เลี้ยงดูลูกด้วยการสร้างแรงบันดาลใจใช้จิตวิทยาของอเมริกา โตขึ้นลูกจะใช้หลัก มอง สังเกต พิจารณา เห็นหลายสิ่งที่ชัดเจน และตอบโจทย์แก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองได้ อย่างน้อยก็จะผิดผลาดน้อย  ตัวลูก 3 ถึง 4 ขวบแม่จะไม่ปล่อยลูก แม่จะสอนลูกเอง เพราะแม่เชื่อว่า ใช้สกิลพิเศษ พลังความรักจากแม่รักส่งต่อสู่ลูก แม่อยากให้ลูกใช้หลัก ใช้ความจริงใจต่อความรู้สึกนึกคิด กล้าเผชิญหน้า-แก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง

ไม่มีใครไม่เคยพลาดเคยล้มด้วยสถานการณ์ ด้วยเหตุจูงใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่การอภัย ใช้หลักเมตตามีความอดทนอดกลั้นจะเป็นนักสู้ไม่กลัวในเรื่องที่ไม่ควรกลัว

และควรกลัวในสิ่งที่ควรกลัวสติจะดับ กิเลศ รัก โลภ โกรธ หลง ได้ให้อยู่บนพื้นฐานที่พอดี พอเพียง พออยู่ พอใช้ รู้จักการเสียสละ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นและตัวเอง

แม่ก็คือแม่ แม่ทุกคนไม่เหมือนกัน เลี้ยงลูกของตัวเองในแบบของเราแบบธรรมชาติ ตามวัย เล่น เรียนรู้ และถึงวัยเริ่มสร้างทักษะการพัฒนาเราค่อยใส่ให้เต็มที่

แม่วีจิคือผู้ให้กำเนิดและรักลูกมากกว่าแม่ที่ไม่ใช่แม่วีจิ เรากำหนดชะตาชีวิติเอง อย่าให้โชคชะตามากำหนดชีวิตเรา แม่เอาใจนั่งดูลูก แม่ถึงรู้ใจลูกมากที่สุดสายตาลูก แม่รู้ว่าลูกต้องการอะไร ไม่มีใครสนใจเท่ากับผู้เป็นแม่ แม่มีอะไรจะทำให้ลูกอีกเยอะ ถึงเวลาแล้วกับการเรียนรู้

เรื่องเงินเรื่องใหญ่มาก ส่วนหนึ่งที่ต้องแตกหักกันคือเรื่องเงิน ที่ต่อไปนี้หนุ่ม ศรราม ไม่อยากจะชดใช้ให้ภรรยาอีกต่อไปแล้ว มีข้อมูลอ้่างว่าย้อนไปช่วงมีนาคม ติ๊กได้ยืมเงินกับเพื่อนสาวสุดสนิท  ตามติดทวงหนี้มาพักใหญ่หลายเดือนอยู่ ไม่ไหวจะทน คงรำคาญด้วยสุดท้าย หนุ่ม ศรราม เบื่อหนักจำใจควักเงิน 57,000 บาท จ่ายจบไปเรียบร้อยแล้ว ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

และล่าสุด (4 ก.ย.) ศรรามก็ได้ออกมาโพสต์คลิปและข้อความว่า “รักลูก​ รักสามี​มันเป็นแบบนี้หราครับ…เหตุเกิดวันศุกร์​ที่​ 29​ สิงหาคม​ 2563​

ครับผม​… ให้อภัย​ ให้โอกาส​ ให้เวลาครบถ้วนละครับผม

ซึ่งโพสต์นี้เป็นคลิปที่ศรรามโทรหาเจ้าของร้านอาหาร ที่ศรรามรับงานโชว์ตัวมา และพูดคุยกันถึงการจ่ายเงินว่า เจ้าของร้านได้จ่ายเงินที่เหลือมาให้แล้วกับติ๊กเป็นจำนวนเงิน 55,000 บาท

ซึ่งเป็นเงินสด และก่อนหน้านี้ก็จ่ายเงินมัดจำมาแล้วด้วย ซึ่งทางศรรามก็โทรถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และขอหลักฐาน งานนี้ศรรามจัดหนักมาก

จากนั้นสาวติ๊ก ก็สร้างความงงงันให้กับชาวเน็ตด้วยการออกมาประกาศผ่านสเตตัสในอินสตาแกรมว่า ผัวข้าใครอย่าแตะ หัวขโมย ซึ่งทำให้ชาวเน็ตยิ่งเข้ามาวิจารณ์และคาดเดาพฤติกรรมของสาวติ๊กกันมากขึ้น ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดในอินสตาแกรมของศรรามก็พบว่าเจ้าตัวได้มีการลบคลิปที่ได้โทรฯหาเจ้าของร้านอาหารที่มีการแฉสาวติ๊ก ออกไปแล้วเหลือรูปสุดท้ายเพียงใบหย่าเท่านั้น ซึ่งก็ยังคงมีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์วิจารณ์สาวติ๊ก อย่างมากมาย  ก็ไม่รู้ว่างานนี้ศรราม ได้เคลียร์ใจกับสาวติ๊กแล้วหรือยัง หรือหวั่นดราม่าอื่นตามมา เลยตัดสินใจลบคลิปทิ้ง ยังไงก็ต้องรอติดตามกันให้ดีจ้า