เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

     

Soccer Football - Atletico Madrid v Real Madrid - UEFA Champions League Final - San Siro Stadium, Milan, Italy - 28/5/16 Sergio Ramos celebrates scoring the first goal for Real Madrid Action Images via Reuters / Carl Recine Livepic EDITORIAL USE ONLY.

(29 พ.ค. 59) ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2016 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามซานซีโร ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เป็นการพบกันของ 2 ทีมจากกรุงมาดริด ระหว่าง เรอัล มาดริด อดีตแชมป์ 10 สมัย พบกับ แอตเลติโก มาดริด อดีตรองแชมป์ 2 สมัย ซึ่งยังไม่เคยคว้าเเชมป์รายการนี้เลย

นาทีที่ 15 ราชันชุดขาวก็สามารถพังประตูขึ้นนำได้สำเร็จ จากลูกฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้ายที่ โทนี โครส เปิดให้ เบล โหม่งเช็ดต่อให้ เซร์คิโอ รามอส โฉบมาตวัดแปด้วยซ้ายจ่อๆสวนตัวของ โอบลัค เข้าไป ส่งให้มาดริดออกนำ 1-0 เเละรักษาสกอร์นี้กระทั่งจบครึ่งเเรก

เข้าสํู่ครึ่งหลังได้เพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น เป็นตราหมีที่มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ ตอร์เรส โดน เปเป้ เจตนาขัดขาจนล้มลงไป แต่ กรีซมันน์ กลับรับหน้าที่สังหารไปชนคานกระดอนออกมา พลาดโอกาสทองในการตีเสมออย่างน่าเสียดาย

จนมาถึงนาทีที่ 79 ประตูที่เเฟนๆแอตเลติโก มาดริดรอคอยก็มาถึง จากจังหวะที่ กาบี้ เฟร์นานเดซ งัดบอลไปทางริมเส้นกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ ฆวนฟราน เปิดยัดเร็วเข้ากลางต่อให้ การ์ราสโก้ พุ่งเข้าฮอร์สจ่อๆตุงตาข่าย ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 1-1 หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ ทำให้จบ 90 นาที สกอร์ยังเสมอ 1-1 ต้องไปสู้กันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

ช่องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที กำลังของขุนพลทั้งสองทีมก็เริ่มถดถอยลงไป ทำให้เกมเนือยลงอย่างชัดเจน จนยังไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิมเติมได้ ทำให้จบ 120 นาทียังเสมอกันอยู่ 1-1 ต้องดวลจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะ

สุดท้ายในช่วงดวลจุดโทษกลายเป็น เรอัล มาดริดที่ชนะไปได้สำเร็จ 5-3 คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครองได้เป็นครั้งที่ 11 มากที่สุดในประวัติศาสตร์

ที่มา – fourfourtwo.com