เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

“ธัญญ่า อาร์สยาม”เปิดใจผ่านรายการ ต้มยำอมรินทร์ ระบุว่า  เคยโดนทำของใส่และงานหายหมดจนเหลือเงินแค่ 500 บาท แต่เธอก็ผ่านมาได้เพราะการนั่งกรรมฐาน

ถาม เป็นคนที่เริ่มต้นทำคลิป ทำยูทูบเป็นคนแรกของวงการพูดอย่างนี้ได้ไหม
ธัญญ่า : ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ จริงๆ หนูก็ไม่รู้หรอกว่าหนูเกิดจากโซเชียล เพราะว่าตอนนั้นหนูเล่น MV กับพี่เบิ้ล ปทุมราช แล้วช่วงนั้นคนกำลังเล่น Facebook กันเยอะมาก เราก็เลยมีคนติดตามใน Facebook ส่วนตัว ล้านเจ็ด ก็เริ่มอัดคลิปลงเรื่อยๆ แล้วก็เปิดแฟนเพจ พอเปิดแฟนเพจปุ๊บ แฟนเพจมันสามารถสร้างรายได้ ก็เลยอัดคลิปกินส้มตำ อัดคลิปกินมะม่วงอยู่เถียงนาลง แค่ตั้งกล้องไว้ข้างหน้าแล้วก็กินมะม่วงให้เขาดู คนกดไลค์เป็นแสนๆ

ถาม แล้วฉายา “สาวอีสานมหัศจรรย์” มาได้ยังไง
ธัญญ่า : แฟนคลับค่ะ เขาชอบพูดว่าเราทำทุกอย่างเลยเหรอ ไม่ว่าจะเป็นตัดคลิปเอง หลังๆ ช่วง covid เราว่าง หนูก็หัดตัดคลิปทาง YouTube มี iPad อยู่เครื่องนึง ไม่ได้มีคอมด้วย ก็ตัดใน iPad แล้วก็ทำมิวสิควีดีโอ มี 2 เพลงที่หนูแบบเขียนบทเอง กำกับเอง ทำเบรกดาวน์เอง ทำทุกอย่างเองหมดเลย แล้วก็กำกับการแสดงเอง เพราะว่าเราเล่นเองมาเยอะแล้ว ก็เลยอยากให้คนอื่นเล่นบ้าง อยากลองแบบอยู่หลังกล้องบ้าง มีความฝันเกี่ยวกับเป็นคนเบื้องหลัง เพราะว่าหนูจบนิเทศศาสตร์มา

ถาม ที่น่าชื่นชมมากๆ คือเริ่มต้นอาชีพต่างๆ งานในวงการตั้งแต่อายุ 17
ธัญญ่า : จริงๆ ถ้าเริ่มต้นร้องเพลงจริงๆ ตั้งแต่ 5 ขวบ ร้องเพลงขึ้นเวทีกับคุณแม่ตั้งแต่ 5-6 ขวบเลย ช่วง 17 คือเริ่มเป็น ธัญญ่า อาร์สยาม เริ่มเข้าวงการแล้ว

ถาม อยู่ๆ สลัดภาพเป็นสาวเซ็กซี่ได้ยังไง
ธัญญ่า : มันเป็นงานค่ะ เรารู้สึกว่าเฮ้ย ครั้งนึงอ่ะ ได้ลงหนังสือพิมพ์ โอกาสมาแล้ว เราก็เลยอยากทำอะไรใหม่ๆ ให้แฟนคลับเราได้เห็นอีกมุมนึงของเราว่ามุมเนี้ยเราได้หรือเปล่า

ถาม แปลว่าไม่เคยลุคนี้เลย
ธัญญ่า : ไม่เคยเลยค่ะ แค่สายเดี่ยวก็ยากแล้ว แต่ทุกวันนี้หนูแทบจะใส่สายเดี่ยวตลอด เพราะเรารู้สึกว่าการใส่แขนตุ๊กตามันเริ่มแบบพอง เพราะว่าเราเป็นคนรูปร่างสั้น ก็เลยแบบว่าเริ่มเปิด แล้วก็รู้สึกว่ามันดีขึ้น แขนอะไรมันก็แบบ OK ขึ้น

ถาม แฟนว่ายังไงบ้าง
ธัญญ่า : เขาเข้าใจว่าเป็นงานค่ะ เพราะว่าถ้าโป๊ไปมากกว่านี้ หนูเคยแบบเอาพวกทูพีชไปลองๆ ดู แต่หนูไม่กล้าใส่หรอก ลองส่งไปดูว่าแบบนี้ได้ไหม เขาบอกว่า “ไม่ได้ยังเด็กอยู่ ยังดูไม่ดี”

ถาม ต้องขออนุญาตคุณอ๊อฟ ศุภณัฐ
ธัญญ่า : ตอนแรกก็ขอแม่ก่อน ถ้าพี่อ๊อฟไม่ให้ เราก็ใส่อยู่ดีเพราะทุกอย่างที่เราใส่ เราทำ คืองาน

ถาม หลังจากเซ็กซี่ไปแล้ว ก็มีพวกผู้ชายเข้ามาขายขนมจีบค่อนข้างเยอะ พี่อ๊อฟหึงไหม
ธัญญ่า : มีหึงอยู่ แต่ว่าเขาก็ไว้ใจหนู ถ้ามีใครทักมาไม่ดีหรือคุยแบบในเชิงจีบ หนูก็แคปให้เขาดูตลอด แบบนี้นะ หนูไม่ได้อะไรนะ

ถาม มีโรคจิตเข้ามาหลายคนด้วย
ธัญญ่า : มีแบบว่าถ่ายของลับมาให้ดูเลย แล้วก็ถามว่าดูไหม แต่หนูก็เปิดผ่าน ไม่ได้ตอบ ไม่ได้แคปมาลงหรือประจานอะไรเขา เราก็บล็อกค่ะ แล้วก็ปล่อยผ่าน ก็ไม่ได้ไปสนใจ แล้วก็อย่าพูดถึงเขา คนพวกนี้ถ้ายิ่งแคปมาประจานหรือว่ามาพูดถึงเขา เขายิ่งได้ใจว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็นผล เราก็ปล่อยผ่านดีกว่า

ถาม อยู่ในวงการ 5 ปีแล้ว สามารถมีทั้งบ้าน ทั้งรถ เก่งมาก
ธัญญ่า : คุณแม่เป็นคนเก็บเงินให้มาตั้งแต่เข้าวงการ หนูพอมีกระแสในโซเชียล แต่ว่าเพลงเราไม่ได้ดังมาก หนูอยู่ห้องเช่ามา 3 ปีเต็มๆ อยู่ห้องเช่าเล็กๆ เลย เป็นหออยู่แถวมหาลัย แล้วก็ค่อยๆ เก็บเงินกับคุณแม่สองคนมาซื้อบ้าน เพิ่งซื้อบ้านค่ะ เอาเงินไปดาวน์บ้านแบบก้อนใหญ่เลย แล้วก็ตกแต่งบ้าน ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใดๆ ทุกอย่างคือหมดเยอะมาก ทุ่มหมดหน้าตักเพราะว่าเราคิดว่าในวันข้างหน้ามันมีคิวงานรออยู่แล้ว เรามีแพลนแล้ว แต่พอซื้อบ้านแล้วเจอโควิดไป เป็นช่วงที่เราแย่ ตอนนั้นงานเป็นศูนย์เลยค่ะ

ถาม ช่วงงานเป็นศูนย์ มีเงินติดบัญชีอยู่ 500 บาท หนูใช้ชีวิตยังไงกับเงิน 500 บาท
ธัญญ่า : เราก็มีไข่ มีอะไรหลายๆ อย่างที่มันพอเหลืออยู่บ้าง พวกหนูเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายอยู่แล้ว ไม่ต้องไปกินข้าวร้านอาหารหรืออะไรแบบหรูๆ อยู่แล้ว ทำกับข้าวกินเอง แม่ก็ชอบทำกับข้าว มันก็อยู่ได้ค่ะ มันมีครั้งหนึ่งที่ 500 บาท แล้วหนูไม่ได้บอกใคร หนูก็อธิษฐานจิตขอให้หนูรอดนะ ขอให้มีเงินส่งบ้านต่อ ขอให้มีงานเข้ามา เสร็จปุ๊บอยู่ๆ รีวิวสินค้าก็เข้ามาๆๆ แล้วก็ฟื้นตัว 1 เดือนหลัง covid ก็คือฟื้นตัวเลย

ถาม เชื่อว่าเกิดจากการไปนั่งกรรมฐาน
ธัญญ่า : ชีวิตเราแย่ช่วงนั้น เครียดมาก ก็เลยไปดูดวงดีกว่า ดวงช่วงนี้เป็นยังไง แล้วก็อาจารย์ที่เขาดูดวงเนี่ยเขาเก่งมาก เพราะว่าเขาสามารถสื่อกับวิญญาณแฟนของแม่ ซึ่งหนูเรียกว่าคุณลุง อยู่กับแม่หนูมา 10 กว่าปี หนูก็ถามเขาเรื่องคุณลุง เขาก็สื่อมาให้หนูแบบน้ำตาไหลได้เลย สื่อเป็นคำพูดคุณลุงเลย หนูก็เลยเชื่ออาจารย์คนนี้มาก อาจารย์เลยบอกว่าถ้าอยากดีขึ้นให้ไปฝึกกรรมฐาน ไปนั่งสมาธิ แล้วเขาสอนดีมาก แล้วก็ไม่ได้เสียเงินเสียทองอะไรเลย
ธัญญ่า : อยู่ที่พิจิตรค่ะ อันนี้เป็นเรียนกรรมฐานเลย เราจะได้ฝึกสมาธิจากที่เราเป็นคนนั่งสมาธิแล้วไม่นิ่ง นั่งสมาธิแบบไม่ถูกวิธี ไปที่นี่ปุ๊บนิ่งเลย พอหนูทำมาเรื่อยๆ ทุกวันนี้จากเป็นคนไม่สวดมนต์ ไม่นั่งสมาธิ ทุกวันนี้สวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน แล้วชีวิตดีขึ้นค่ะ งานสินค้า งานรีวิวเข้ามา เราก็ยังงงว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง มันก็เลยเป็นปาฏิหาริย์จนทุกวันนี้ หนูก็บอกคนรอบข้าง ถ้ามีแฟนคลับ มีอะไรที่เขาอยากไป หนูพาไปหมดเลย

ถาม ถ้าไปกรรมฐานแล้วไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เราคิดว่าเราจะไปต่อยังไง มีคิดไว้ไหมว่าขายบ้าน ยืม หรือตอนนั้นคิดทางหนีทีไล่ไว้ไหมหรือตื้ออยู่
ธัญญ่า : คำว่ายืมหรือกู้เนี่ยไม่มีในหัวหนูเลย เพราะว่าหนูไม่อยากเป็นหนี้แล้ว  ฃหนูรู้สึกว่าถ้าวันนึงชื่อเสียงเราโด่งดังขึ้นมา เราจะต้องปิดบ้านให้ได้อันดับแรกเลย ไม่อยากได้อะไรเลย อยากปิดบ้าน แล้วก็ ณ ตอนนั้นมันอื้อแล้ว มันก็คิดไม่ออกแล้ว ก็คิดอย่างเดียวว่าฉันต้องรอด คิดอย่างเดียวว่าเราทำความดีมาตลอด เราเป็นคนกตัญญู ทุกคนจะบอกเราเสมอว่าถ้าเป็นคนกตัญญูจะไม่มีวันอดและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยเราเอง หนูก็แบบลองดู แล้วก็สวดมนต์ไหว้พระเลย

ถาม คิดดีทำดีขนาดนี้ แต่ยังโดนทำของใส่ มีอะไรที่ทำให้เราคิดว่าเราโดนทำคุณไสย
ธัญญ่า : ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ไปหาพระ แล้วพระก็บอกว่าหนูโดนของ เอาน้ำมะพร้าว เอาอะไรให้กิน เพื่อขับออก พออีก 30 นาที หนูก็อ้วกออกเป็นเลือด แล้วก็เป็นดำๆ ขาวๆ คือสิ่งที่กินไปไม่ออก แต่ออกเป็นสีดำกับสีขาว แล้วก็มือหงิก ปากเบี้ยว กรี๊ด หนูไม่รู้ตัวเลย อยู่กับแม่สองคน เพราะว่านั่งรถกลับจากวัด แล้วอยู่บนรถ แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเลย ตอนนั้นแม่ต้องตั้งสติ เพราะว่าหนูถีบรถแล้วก็มือหงิก 3 ปีที่แล้วเราเหมือนเอ๋อ ไม่ค่อยคุยกับใคร แล้วก็ไม่ค่อยสนใจใครเลย จนพอมันออกมา เราก็รู้สึกว่าทำไมเราจำอะไรไม่ได้ว่าที่ผ่านมา เราทำอะไรบ้าง อาทิตย์ที่แล้วเราทำอะไร คือมันจะจำไม่ได้เลย ตอนนี้กลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้วค่ะ