เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ทนายความของ “ซาร่า คาซิงกินี” โพสต์ร่ายยาวขอโทษแล้ว หลังโดนทัวร์ลง

จากกรณี .ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความฝั่งของซาร่า คาซิงกินี” ออกมาแสดงความคิดเห็นกรณีไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” ตัดสินใจถอนคำร้องสิทธิ์ในการปกครองบุตรร่วมกับซาร่า ในทำนองว่าเมื่อลูกอายุครบ 20 ปี ลูกจะคิดหรือไม่ครับ ว่าที่ผ่านมา 14 ปี ทำไมพ่อไม่เลี้ยงดูอุปการะผมในวันที่ผมต้องได้รับการศึกษา ทำไมถึงนำเงินมาให้ผมในวันที่ผมอายุ 20 ปี โตพอที่จะทำมาหากินเองได้แล้ว นี่พ่อไม่ให้การศึกษาผม เพียงเพราะพ่อโกรธแม่ที่มีน้องอีกคนที่ผมรักยิ่งหรือป่าวที่พ่อถอนคำร้องไม่รับผมเป็นบุตรนี่พ่อทำเพื่อผมจริงๆ หรือเพื่อเอาชนะแม่กันแน่จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ล่าสุด เพจ ประมาณ ว่า..โพสต์ข้อความระบุว่า ก่อนอื่นผมต้องขอโทษที่การโพสก่อนหน้านี้อาจจะดูรุนแรงเกินสมควรผมขอชี้แจงว่าที่ผมรับทำเคสของน้องซาร่าเพราะเห็นใจที่แม่ที่รักลูกมากๆดั่งดวงใจคนหนึ่งต้องมาเผชิญกับสถานการณ์เช่นในปัจจุบันผมอยากให้ทุกคนเปิดใจและมองอย่างเป็นกลางว่าทั้งน้องไมค์และน้องซาร่ามีส่วนในการเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน ให้การศึกษาเล่าเรียนแก่น้องแม็กซ์เวลล์ทั้งคู่ โดยเขาแบ่งหน้าที่กันทำ พ่อทำมาหากิน หาเงินส่งเสียให้ลูกมาแล้วเกือบ 8 ล้าน ส่วนแม่ก็ผูกพันตั้งครรภ์ เลี้ยงลูก ให้น้ำนม อบรมบ่มนิสัย ให้ความรักมาโดยตลอด ทั้งคู่ต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดมาโดยตลอดครับ มันเทียบไม่ได้หรอกครับว่ใครทำหน้าที่ได้ดีกว่าใคร เพราะทั้งคู่ไม่ได้ทำหน้าที่เดียวกันส่วนเรื่องอะไรที่ทั้งคู่เคยทำหรือพูดในอดีต ขอให้มองเป็นอดีตไป เพราะมันไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ การที่เราซ้ำเติมใครจากเรื่องที่ผ่านมาแล้วมันไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ เกิดขึ้นเลยครับ


ในประเด็นของน้องไมค์และน้องซาร่า เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้อยู่กินกันฉันท์สามีภริยา ถ้าให้ทั้งคู่ใช้อำนาจปกครองร่วมกัน ทั้งคู่ก็จะสามารถกำหนดถิ่นที่อยู่ของลูกและอื่นๆได้ และหากเห็นไม่ตรงกันก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา ในกรณีนี้จึงควรมีผู้ใช้อำนาจปกครองเพียงคนเดียว และซึ่งน้องซาร่าเป็นแม่ของลูก คลุกคลีอยู่กับลูกมาทั้งชีวิตของลูก ให้ลูกกินนมจากเต้ามากว่า 4 ปี ทำหน้าที่ของแม่ได้ไม่บกพร่อง จึงควรจะให้อำนาจปกครองยังคงอยู่กับน้องซาร่า (เหมือนกรณีทั่วไปที่บิดามารดาหย่าร้างกัน ก็ต้องมาตกลงกันว่าจะให้ลูกอยู่กับใคร ให้คนนั้นมีอำนาจปกครองบุตร และให้อีกฝ่ายมีสิทธิเยี่ยมเยียนตามสมควร)


ดังนั้น คำคัดค้านฉบับใหม่ที่ผมเขียนให้ น้องซาร่าจึงยินยอมให้น้องไมค์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ขอให้อำนาจปกครองบุตรยังอยู่ที่แม่ 
จากเหตุการณ์นี้เข้าใจว่าน้องไมค์มาร้องต่อศาลเพราะต้องการรับรองบุตร รู้สึกถูกกีดกันและอยากมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับลูก วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือการที่จะต้องมาคุยมาไกล่เกลี่ยกับฝ่ายน้องซาร่าว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกถูกกีดกัน และน้องซาร่าก็ควรจะพยายามให้โอกาสพ่อได้เจอกับลูกและมีส่วนในการตัดสินใจมากขึ้น แต่ทั้งคู่ต้องคุยกันครับ


การถอนคำร้องไม่รับรองบุตรเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่ขอใช้อำนาจปกครองร่วม นอกจากจะไม่ทำให้น้องไมค์บรรลุวัตถุประสงค์ของการยื่นคำร้องเข้ามาในครั้งนี้แล้ว ยังกระทบต่อสิทธิของน้องแม็กเวลล์ด้วย ผมจึงเห็นว่าไม่ควรถอนการรับรองบุตร ควรจะถอนเฉพาะส่วนของการใช้อำนาจปกครองร่วมเพียงเท่านั้น เพราะการที่น้องไมค์ยื่นคำร้องเข้ามาแล้ว เป็นการแสดงเจตนาที่จะรับรองบุตรแล้ว เมื่อถอนไปศาลจะต้องถามฝั่งมารดาว่าคัดค้านการถอนหรือไม่ ทางน้องซาร่าอาจจำเป็นจะต้องคัดค้านไม่ให้ถอนในส่วนของการรับรองบุตรเพราะเป็นสิทธิของน้องแม็กเวลล์โดยตรง เพราะหากน้องซาร่าไม่คัดค้าน ก็จะทำให้น้องแม็กเวลล์ไม่มีพ่อที่ชอบด้วยกฎหมาย และหากอนาคตน้องแม็กซ์เวลล์ต้องการให้พ่อรับรองบุตร หากฝ่ายบิดาไม่แสดงเจตนาไปจดทะเบียนรับรองบุตร น้องแม็กซ์เวลล์ก็อาจจะต้องกลับมาฟ้องต่อศาลอีกครั้ง


ในส่วนของหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูบุตร ที่เป็นผลมาจากการเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ผมเห็นว่าน้องไมค์ยังคงสามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกบรรลุนิติภาวะก่อน เพราะจริงๆแล้วบุตรผู้เยาว์จำเป็นต้องได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากพ่อและแม่ในระหว่างที่เขายังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องการได้รับการศึกษาเล่าเรียน โดยหากมีความกังวลว่าเงินจะไม่ถึงมือลูก ก็สามารถโอนตรงให้กับทางโรงเรียน หรือหากอยากให้ประกันสุขภาพลูก ก็สามารถจ่ายตรงให้กับบริษัทประกันได้ ดั่งเช่นที่ทำมาตลอด ไม่จำเป็นต้องโอนให้น้องซาร่าครับ
หวังว่าโพสนี้จะให้ประโยชน์แก่หลายๆท่าน และช่วยให้ปัญหาที่เกิดขึ้นของครอบครัวนี้ดีขึ้นในเร็ววันนะครับ”