เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ม.ค. ที่เรือนจำกลางบางขวาง นนทบุรี กรมราชทัณฑ์ได้ทำการปล่อยตัวนักโทษในเรือนจำ ในโครงการโคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง จำนวน 117 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึง นายวรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท อดีตนักร้องชื่อดัง เจ้าของเพลงรักอันตราย และ หลุดปากใช่ไหม ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 50 ปี ในข้อหา มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ แต่ด้วยการประพฤติตัวดีในเรือนจำ เป็นครูดนตรีให้กับผู้ต้องโทษคนอื่นๆ กลายเป็นนักโทษชั้นดีได้รับการลดโทษต่อเนื่องจนเหลือการจองจำเพียง 16 ปี 6 เดือน
ซึ่งพอออกมาแพทก็ก้มกราบเท้าพ่อกับแม่ และกอดกัน พ่อแม่ลูกทั้งน้ำตาด้วยตื้นตันและยินดี จากนั้นเจ้าตัวก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับกองทัพสื่อที่มารอทำข่าวว่าตนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น วันนี้เป็นวันที่ตนรอคอยมาตลอด เหมือนได้เกิดใหม่
โดยเเพทได้กล่าวว่า..
“ผมรู้สึกซาบซึ้งมาก และผมจะรักษาโอกาสที่ได้รับครั้งนี้ไว้เทียบเท่าชีวิตโอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ เพราะฉะนั้นผมจะมุ่งมั่นทำแต่ความดีนะครับและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะทำแต่สิ่งที่ดีรวมถึงจะช่วยป้องกันรณรงค์เรื่องยาเสพติดด้วยและจะไม่ทำผิดกฎหมายเพราะผมเองได้ทำการปฎิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์และผู้แทนพระองค์ในวันนี้ก่อนออกมาแล้ว (ยกมือไหว้) ว่าผมจะไม่ทำผิดกฎหมายอีกต่อไป”
นี่คือคำสัญญาที่เราให้ไว้กับตัวเอง
“กับตัวเอง กับพระองค์ท่าน กับสังคม ผมอาจจะเคยมีส่วนที่ทำร้ายสังคมเมื่อในอดีต แต่วันนี้มันถึงเวลาที่ผมได้โอกาสที่ผมจะได้ชดใช้กับสังคม มันเป็นโอกาสที่ผมจะชดเชยให้กับทางสังคมและครอบครัวของผม ให้ผมได้กลับไปดูแลครอบครัวของผมครับ”
เราเคยคิดมาก่อนไหมว่าเราจะได้รับอภัยโทษ
“ไม่เคยคิดเลยครับ เพราะจากที่ผมเคยคำนวณช่วงที่ผมยังอยู่ข้างใน ผมคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องมีอีก 2 ปี คือไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ผมอยู่ในเรือนจำมาว่าจะมีพระราชทานอภัยโทษติดๆ กันถี่ๆ ขนาดนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนครับ ถือว่าพระองค์ทรงมีพระเมตตาให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์อย่างสูงเลยครับ”
ตอนนี้ได้เจอหน้าครอบครัวครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง
“พูดยากเลยครับ มันมีหลายความรู้สึกมาก มันเหมือนวันที่เราฝันมาตลอดเกือบ 17 ปี เราฝันถึงวันนี้มาตลอด แต่สิ่งที่เราฝันมันก็อาจจะไม่ได้ตรงกับภาพที่เราเห็น 100 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ความรู้สึกมันใกล้เคียงมาก และก็ดีใจที่มีหลายๆ คนมารอรับไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ รวมถึงพี่ๆ เพื่อนๆ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าทุกคนยังอ้าแขนต้อนรับผม อบอุ่นมากครับวันนี้ ตื่นตันใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ น่าจะเป็นวันที่ผมจะต้องจดจำไปจนวันตายเลยก็ว่าได้”
เมื่อคืนนี้นอนหลับไหมหรือว่าตื่นเต้น
“ผมหลับๆ ตื่นๆ ตั้งแต่รู้ว่าจะมีพระราชทานอภัยโทษแล้วครับ แต่ช่วง 14-15 วันที่ผ่านมา ผมได้เข้าอบรมโครงการโคกหนองนา ซึ่งเป็นโครงการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งท่านได้ทรงประทานให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เป็นหนึ่งในการอบรมผู้ต้องขังก่อนปล่อยพ้นโทษ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการนำหลักสูตรโคกหนองนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาสอนให้แก่ผู้ต้องขังเกี่ยวกับการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และการดำรงชีวิตอยู่ด้วยตนเอง การทำเกษตรในพื้นที่ขนาดเล็ก ซึ่งผมได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และได้ลงพื้นที่จริงตั้งแต่การขุดโคก การทำโคก การขุดหนอง ทำนา ทุกอย่างได้ลงมือเองหมด พร้อมกับเพื่อนพี่น้องที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษอีกประมาณ 200 กว่าคนในรุ่นนี้”
เห็นว่าเราได้ก้มกราบคุณพ่อคุณแม่ด้วย ตอนนั้นได้พูดอะไรกับท่านบ้าง
“ไม่ได้พูดเลยครับ ผมพูดไม่ออกจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมตั้งใจนะครับว่าผมอยากจะกราบเท้าขอโทษท่าน เพราะตอนที่อยู่ข้างในผมไม่เคยทำเลย ในชีวิตผมไม่เคยทำมาก่อน ผมก็เลยคิดว่าตัวเองจะกล้าทำหรือเปล่า และยิ่งวันนี้มีสื่อมวลชนมาด้วยผมจะกล้าทำไหม อันนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดไว้ในใจ แต่ว่าพอถึงเวลาจริงๆ ผมแทบไม่ต้องคิดอะไรเลย ผมไม่คิดเลย คือมันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด ผมอยากจะขอโทษพ่อกับแม่ที่มีส่วนทำให้ครอบครัวเราต้องลำบาก ในช่วงเวลา 16-17 ปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนในครอบครัวเขาไม่ได้รู้สึกลำบากกับการที่จะต้องมาดูแลเราในนี้ แต่เราในฐานะลูกผู้ชายและเป็นลูกชายคนเดียวมันใช่เรื่องเหรอที่เราจะต้องให้ท่านมาดูแลเรา เราเองก็อายุขนาดนี้แล้ว”
คุณพ่อคุณแม่ท่านบอกอะไรกับเราบ้าง
“ท่านก็ร้องไห้ครับ แล้วก็บอกว่ากลับมาอยู่ด้วยกัน คือคุณแม่ของผมท่านเป็นคนที่ค่อนข้างเซนซิทีฟกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว อย่างช่วง 1-2 ปีแรกที่ผมต้องเข้าไปอยู่เรือนจำ แม่ก็ไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาได้เลยสักครั้ง จนพ่อต้องบอกกับท่านว่าเดี๋ยวผมจะไม่สบายใจเวลามาเยี่ยม จากนั้นคุณแม่ก็พยายามที่จะไม่ร้อง ซึ่งคุณแม่ก็ทำได้ดี เพราะหลังจากนั้นคุณแม่ก็พยายามยิ้มแย้มแจ่มใสและเราก็คุยกันแต่เรื่องดีๆ”
เราเองก็ร้องด้วยเหมือนกัน
“ปกติผมไม่ได้เป็นคนแบบนี้นะ (หัวเราะ) วันนี้มันเป็นวันที่ผมตื้นตันใจที่สุดเลยครับ มันรอคอยมาตลอดเวลา มันเป็นโอกาส มันเป็นวันที่เหมือนเราได้เกิดใหม่ และยิ่งได้รู้ว่าสังคมเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนพร้อมที่จะอ้าแขนต้อนรับมันรู้สึกเกินคาดกว่าสิ่งที่เราคิดไว้มากครับ”
วางแผนอนาคตของตัวเองหลังจากนี้ว่าอย่างไรบ้าง
“ผมต้องวางแผนชีวิตอีกเยอะมากๆ เลยครับ เพราะว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันแรกที่ผมมีเรื่อง จนกระทั่งมาถึงวันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด ผมจะต้องเก็บเกี่ยวข้อมูลแล้วก็ค่อยๆ ศึกษาการใช้ชีวิตในปัจจุบันไป”
กังวลเรื่องการปรับตัวบ้างหรือเปล่า
“ผมไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ครับเพราะผมเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่และพี่ๆ จะคอยเป็นพี่เลี้ยงให้กับผมแน่นอน ส่วนผมเองผมก็จะต้องคอยพยายามขอคำปรึกษาจากเขา”
เผยเป้าหมายอยากบวชให้แม่
“ถามว่าเป็นเป้าหมายแรกหลังจากที่ออกไปเลยไหมก็ยังครับ คือผมต้องคิดและต้องวางแผนก่อนครับ เพราะเป้าหมายแรกจริงๆ ที่ผมตั้งใจไว้ผมอยากจะบวชให้แม่แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันอีกทีครับ”
by TVPOOL ONLINE