โลมาคือสัตว์ที่สวยงามของโลกใบนี้ มันน่าเอ็นดูและเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นจนใครก็ต้องตกหลุมรัก แต่ตอนนี้ขอบอกว่าเรื่องสะเทือนใจกำลังเกิดขึ้นในทะเลแคริบเบียน ที่ซึ่งโลมากลายเป็นธุรกิจทำเงินมหาศาลและพวกมันก็ต้องพบกับชะตาแห่งโศกนาฏกรรมสุดเศร้า!!
CHRISTINA ได้พูดคุยกับผู้ดูแลโลมาจากธุรกิจ SWTD ในแถบอ่าวเม็กซิโกรายหนึ่ง และพบข้อมูลที่น่าตกใจคือ ธุรกิจเหล่านี้มักไม่มีแพทย์เฉพาะทางในการดูแลโลมา และเมื่อมีโลมาตัวนึงป่วยหรือผสมพันธุ์กันจนให้กำเนิดลูก พวกเขาก็ไม่สนใจอะไร เพราะคิดว่าสัตว์พวกนี้สามารถจัดการกันเองได้ โดยไม่คิดว่าสภาพแวดล้อมเหล่านี้ทำให้โลมาเครียดและส่งผลต่อการฝึกหรือโชว์ด้วย
“โดยปกติจุดพักของเหล่าโลมามักจะมีความหนาแน่นที่จุได้ถึง 40 ตัว และสภาพการกักขังอันแออัดทำให้คุณภาพชีวิตของมันตกต่ำ ความสะอาดของน้ำเปลี่ยนไป และโลมาบางตัวถึงขั้นตาบอดจากสภาพชีวิตแบบนี้…ที่น่าเศร้าคือโลมาอะควอเรียมหลายแห่งไม่มีแม้แต่สัตวแพทย์คอยกำกับอย่างใกล้ชิดด้วยซ้ำ นอกจากนี้พวกมันยังเผชิญกับภาวะที่เรียกว่า ‘Psychosis’ หรือสภาพที่ต้องถูกบังคับให้ว่ายในที่แแคบ พร้อมกับรับฟังสัญญาณฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดสภาวะเครียด โดยอาการดังกล่าวสามารถทำให้โลมาเหล่านี้กลายเป็นตัวดุร้าย บางทีมันฉุนเฉียวจนกระแทกถังอาหารของครูฝึกกระเด็นหลุดมือเลยล่ะครับ” ผู้ฝึกเปิดใจ
ที่แย่ที่สุดคือ เคยมีเหตุการณ์แปลกๆ อย่างการที่ฝูงโลมาที่ถูกเลี้ยงในพื้นที่กักขัง จะร่วมกันลงมือฆ่าลูกที่เพิ่งเกิดใหม่ โดยการพยายามกดให้มันจมน้ำทันทีที่เพิ่งเกิด และตัวแม่มักเป็นตัวแรกที่เริ่มสร้างสถานการณ์นี้ซะเอง ซึ่งจากข้อมูลของนักพฤติกรรมสัตว์หลายๆ คนได้ยืนยันว่า มันเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งของสัตว์ชั้นสูงหลายชนิดที่ตัดสินฆ่าลูกของตัวเอง เพื่อไม่ให้ลูกต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายที่มันกำลังเจออยู่
อย่างไรก็ตามองค์กรอย่าง World Animal Protection ก็พยายามสู้เรื่องนี้มาหลาย 10 ปี แต่ทุกอย่างก็ดูจะไร้ผล และธุรกิจเอาใจเศรษฐีนี้ก็ยังดำเนินต่อไป โดยนับวันธุรกิจ ‘การว่ายน้ำกับโลมา (SWTD)’ มีแต่จะเติบโตขึ้นราวดอกเห็ด เนื่องจากธุรกิจเรือสำราญที่บริการนักท่องเที่ยวเฟื่องฟูขึ้นไม่หยุด ฉะนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวเพิ่มปริมาณโลมาก็ต้องเพิ่มตาม ทุกวันนี้โลมาจำนวนมากถูกไล่จับไล่ต้อนเข้าแหแบบไม่ใยดี ก่อนส่งตัวมาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพศเมีย เนื่องจากฝึกง่ายกว่า
