เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

☘️..ผมไม่คบคนที่เงิน
เพราะเงินของเขาไม่ใช่เงินของผม
☘️..ผมไม่ดูแคลนคนยากจน
เพราะเขาไม่ได้ขอเงินผมไปดำเนินชีวิต
☘️..ผมไม่สรรเสริญเยินยอผู้มีอำนาจ
เพราะความสะดวกที่เขาหยิบยื่นให้เรามา
มันย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย..

☘️..ผมเชื่อ และ แคร์…ก็แค่…
1. คนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผม
2. คนที่ฉุดให้ผมลุกขึ้นยืนตอนที่ผมล้ม
3. คนที่ไม่ทอดทิ้งผม แม้ตอนที่ผมแทบสิ้นเนื้อประดาตัว
☘️..เชื่อไหมครับ..ว่า
มิตรแท้ปากไม่ค่อยหวาน
แต่ที่ปากหวานมักตีสีหน้าเก่ง
☘️..ชอบ..ผมก็คบหา
ไม่ชอบ..ผมก็เชิญไปไกลๆ
☘️..ชีวิตคนมันสั้น
จะมานั่งปั้นหน้ากันทำไม..
ต่อให้ไม่รู้หนังสือ ก็ต้องดูคนเป็น
☘️..ต้นไม้สูงอย่าลืมราก..
วันใดที่คุณรุ่งเรืองก็อย่าลืมสำนึกคุณ

: หลิวเต๋อหัว

ในวงการบันเทิงแดนมังกร ไม่มีใครเลยจะไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อ หลิวเต๋อหัว สุภาพบุรุษต้นแบบกับบทบาทมากมายในโลกภาพยนตร์กว่าร้อยเรื่องที่เขาได้ฝากผลงานไว้มากมาย โดยเฉพาะในหนังที่ทำให้เขาได้สร้างชื่อและเป็นที่จดจำหรับแฟนหนังชาวไทย นั่นก็คือ “ผู้หญิงข้า…ใครอย่าแตะ” (A Moment of Romance) นั่นเอง

และในวาระที่ผู้หญิงข้า…ใครอย่าแตะ มีอายุครบรอบ 30 ปี คงไม่สายเกินไปที่เราจะทำความรู้จักผู้ชายคนนี้อีกครั้ง พร้อมสำรวจความนิยมแห่งยุคสมัยที่ทำให้หลิวเต๋อหัวได้กลายเป็นยอดนักแสดงที่คนทั่วทั้งเอเชียหลงรัก

เริ่มต้นยุค 80s 5 พยัคฆ์ทีวีบี และบทบาทกุ๊ยเรฟูจีที่แจ้งเกิดจอเงิน

หลิวเต๋อหัว เกิดในครอบครัวยากจน อยู่ในชุมชนแออัดย่าน Diamond Hill ฮ่องกง แม้จะยากจนข้นแค้นแต่เขาก็มีความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ นั่นคือการเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง เขาสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนการแสดงทีวีบีที่เป็นจุดกำเนิดของเขาตั้งแต่อายุ 18 ปี ใบหน้าที่คมคายและการแสดงที่สมบทบาททำให้เขาได้รับเลือกให้ออกหน้าจออย่างรวดเร็ว โดยเขาได้รับโอกาสในบทสมทบประกบยอดนักแสดงฝีมือเยี่ยมอย่าง โจวเหวินฟะ ในหนังจีนชุดเรื่อง ยาจกซู ไอ้หนุ่มหมัดเมา ตั้งแต่ยุค 80s ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนมีบทบาทที่โดดเด่น เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั้ง 5 คน ไม่ว่าเป็น หวงเย่อหัว , เหมียวเฉียวเหว่ย , ทังเจิ้นเย่ , เหลียงเฉาเหว่ย และตัวเขาเอง จนถูกสื่อมวลชนขนานนามทั้ง 5 ว่า “ห้าพยัคฆ์ทีวีบี”

หลิวเต๋อหัวมีผลงานที่ผงาดในจอตู้มากมาย จากหนังจีนชุดกำลังภายในอย่างมังกรหยก ภาค 2. ขุนศึกตระกูลหยาง แต่บทบาทในจอแก้วเป็นเพียงการบริหารเสน่ห์ความโด่งดังของเขาเพียงเท่านั้น เพราะความใฝ่ฝันของเขาคือการโลดแล่นบนจอใหญ่ และบทบาทของผู้ลี้ภัยชาวเวียดนามจากหนัง ใส่ความบ้า ท้านรก (Boat People) ก็ทำให้เขาแจ้งเกิดในฐานะนักแสดงคุณภาพที่เพียงหนังเรื่องแรกก็ขึ้นแท่นชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากสถาบัน Hong Kong Film Awards ปี 1981 ในบทบาทของ ถึงมินห์ เด็กหนุ่มชาวเวียดนามผู้ต้องออกจากดินแดนนรกเพื่อชีวิตที่ดีกว่า บทบาทตราตรึงใจของเขาคือการทรมานที่ถูกขังอยู่ในถังอันมืดมนและร้อนระอุ ที่สุดเขาก็ได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกในหนัง บังคับข้า..ให้บ้าระห่ำ (On the Wrong Track) ทันที

แม้ยุค 80s หลิวเต๋อหัวจะวนเวียนอยู่กับบทบาทจอมยุทธในจอแก้ว และนักเลงวัยว้าวุ่นเจ้าปัญหาในจอเงิน แต่เขาก็ได้รับโอกาสที่ดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการได้แสดงนำในการประเดิมผลงานการกำกับของผู้กำกับที่โด่งดังในกาลต่อมาอย่าง หว่องการ์ไวในหนัง ทะลุกลางอก (As Tears Go By) หรือการได้ประกบรุ่นพี่ที่เคารพอย่าง โจวเหวินฟะ อีกครั้งในหนัง ต้นตระกูลโหด (Rich and Famous) และ บริษัทโหด (Tragic Hero)  แต่เหมือนยุค 80s จะไม่ใช่ยุคของเขาซักเท่าไหร่ ประกอบด้วยความซ้ำซากจำเจของหนังที่วนเวียนอยู่เพียงแวดวงแก๊งสเตอร์ ถ้าข้ามฝั่งมาไทยก็เป็นหนังที่ชื่อว่าโหดต่าง ๆ ความซ้ำซากนี้หลิวเต๋อหัวรู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยให้โด่งดังอะไร แต่โอกาสมากมายที่มอบให้ ทำให้เขาได้ลองอะไรที่แปลกใหม่ทั้งการร้องเพลง ออกคอนเสิร์ต ทำให้เขาได้สะสมแฟนคลับไว้มากมาย เพื่อรอแสงสปอตไลท์ที่ส่องสว่างสาดใส่เขาในทศวรรษต่อไป

ยุค 90s สู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ที่แท้จริง

แล้วการรอคอยของหลิวเต๋อหัวก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อยุค 90s กลายเป็นยุคทองของเขาจริง ๆ จากบทบาทอันหลากหลาย ที่พร้อมเฉิดฉายบนจอภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นการประกบรุ่นพี่โจวเหวินฟะอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขามาในมาดเซียนพนันรุ่นน้องที่ต้องรับไม้ต่อเมื่อเซียนพนันรุ่นพี่ความจำเสื่อมในหนังที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยอย่าง คนตัดคน (God of Gamblers) และส่งต่อความสำเร็จให้กับรุ่นน้องอย่างโจวซิงฉือในหนัง คนตัดคน 2 (God of Gamblers II) แต่ที่สร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ และทำให้เขาได้เป็นซูเปอร์สตาร์ต่อจากโจวเหวินฟะได้อย่างสง่างาม เพราะสร้างความโด่งดังในระดับโลก กลับเป็นหนังฟอร์มเล็กที่ค่ายนนทนันท์ เอนเตอร์เทนเมนท์นำมาฉายเพียงเพื่อคั่นโปรแกรมเท่านั้น

ขออธิบายคำว่าหนังคั่นโปรแกรมให้ทราบเพื่อเป็นวิทยาทาน ในการซื้อหนังมาฉายของค่ายหนังต่าง ๆ นั้น จะประกอบไปด้วยหนังฟอร์มใหญ่ที่มีโอกาสในการทำเงินค่อนข้างสูง แต่หนังฟอร์มเล็กมากมายที่สร้างมา ผู้สร้างต้นสังกัดก็มักจะทำการบังคับให้บริษัทจัดจำหน่ายซื้อเพื่อต่อลมหายใจและกันไม่ให้คนซื้อ ซื้อแต่หนังฟอร์มใหญ่เพียงอย่างเดียว ในยุคนั้น การต่อสู้ทางธุรกิจระหว่างค่ายหนังสหมงคลฟิล์ม และนนทนันท์ฯ ต่างทุ่มกันสุดกำลังเพื่อกว้านซื้อหนังจีนฮ่องกงที่กลับมาเจิดจรัสอีกครั้งจากการระดมฝีมือ การผลักดันคุณภาพของยอดฝีมืออย่าง ฉีเคอะ, จอห์น วู และ เฉินหลง ที่จะทำหนังเพื่อให้เป็นสินค้าส่งออกอันแข็งแกร่ง โดยเฉพาะหนังเฉินหลงที่ทั้งสองค่ายถล่มราคาอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งโปรแกรมทองของหนังโปรแกรมตรุษจีน ในปีนั้นนนทนันท์แม้ไม่ได้หนังของเฉินหลงมา แต่เขาก็ได้หนังอย่าง เดชคัมภีร์เทวดา, โปเยโปโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้า ที่เป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับหนังกำลังภายใน

แต่ในช่วงเวลานั้น มีเพชรอยู่ในตม…

หนังโนเนมที่ไม่ได้ทำเงินอะไรในบ้านเกิดกลับสร้างปรากฏการณ์ที่เมืองไทยอย่างสง่างามด้วยการทำรายได้ถึง 23 ล้านบาทในยุคที่ตั๋วหนังราคาเพียง 20-40 บาทหนังเรื่องนั้นก็คือ ผู้หญิงข้า…ใครอย่าแตะ (A Moment to Romance) ภาพยนตร์ปี 1990 นั่นเอง

by TVPOOL ONLINE

TV Pool OnlineTV Pool Online