เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

 

“ชูวิทย์” เดือดปุดๆ “สันดานคน ที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง”

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดือดสุด โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กตอบโต้กรณีมีผู้วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการได้พักโทษของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่า กรมราชทัณฑ์ดำเนินการแบบสองมาตรฐาน แถมยังได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในคุก ซึ่งเนื้อหาของโพสต์นายชีวิทย์ใช้ชื่อหัวข้อว่า “สันดานคน ที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง”

วันนี้สรยุทธออกจากคุก หลังเข้าไปอยู่ในเรือนจำ 1 ปี 2 เดือน โดยได้รับการ “พักโทษกรณีพิเศษใส่กำไล EM”

ขอเรียนให้คนหัวขวดบางคนที่ไม่รู้เรื่องกฎเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ได้ทราบว่า “การพักโทษ” ในแต่ละเดือน นักโทษที่เข้าเกณฑ์พักโทษ ต้องเป็นนักโทษที่กระทำความผิดครั้งแรก ไม่ใช่ทำผิดซ้ำซาก และไม่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ อย่างคดีฆ่า ความผิดเกี่ยวกับเพศ ข่มขืน รุมโทรม หรือฉ้อโกงประชาชน อย่างนี้พักโทษไม่ได้

ที่สำคัญไม่ได้เป็นการพักโทษสรยุทธเพียงคนเดียว เพราะร่ำรวย โด่งดัง หรือเป็นบุญคุณต้องทดแทนใครแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะได้เข้าเกณฑ์ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ คนจนหรือคนรวยติดคุก ก็มีสิทธิ์จะพักโทษได้เหมือนกัน อย่าไปตั้งแง่คนรวยทำได้ คนจนทำไม่ได้ เสมือนตัวเองเข้าใจคนจนหนักหนา

โถ.. รวยหรือจน เดี๋ยวนี้ติดคุกเหมือนกันหมด

หรือหากคิดว่าข้ามขั้นตอนได้ ลองไปถามบรรดารัฐมนตรี อธิบดี นักการเมืองที่เข้าคุกเพราะคดีสิ้นสุดแล้ว ว่าลัดขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ได้ไหม?

การใช้ชีวิตเยี่ยงนักโทษทั่วไปเป็นเรื่องยากลำบากกว่าจะปรับตัวได้ สังเกตดูหน้าตา ร่างกาย ล้วนซูบผอม น้ำหนักลดพรวดโดยไม่ต้องกินยาลดน้ำหนัก ผมที่เคยดำก็ขาวหงอกทั้งหัว หากกินอยู่สบายจริง ทำไมถึงดูต่างกันไปอย่างกับคนละคน?

อยากให้คนพูดไปลองติดคุกดู มันสบายเหมือนปากพล่อยๆ ที่พูดออกมาไหม? ติดคุกไม่มีสบายหรอก ยิ่งสมัยนี้ด้วยแล้ว บรรดานักโทษหรือญาตินักโทษคนอื่นๆ ต่างต้องร้องเรียนกันทันที ไม่มีเบรคครับ เพราะอิสรภาพทุกคนต้องการเหมือนกันหมด

คดีที่ทำให้คุณสรยุทธติดคุก ถือเป็นคดีแนบท้ายมาตราเมื่อมีอภัยโทษ อันหมายความว่า แม้จะได้ชั้นเยี่ยม ก็ไม่ได้ลดแบบนักโทษคนอื่นเขาเสียด้วย เพราะจะถูกลดอัตราส่วนให้น้อยลง เช่น
ปกติชั้นเยี่ยม ได้ลดโทษ 1 ใน 2 (ภาษาคุกเรียกผ่าครึ่ง) เช่น ติด 8 ปีลดเหลือ 4 ปี ส่วนสรยุทธได้ลดแค่ 1 ใน 3 หมายความว่า ติด 8 ปี ลดได้เพียง 2 ปีครึ่งเท่านั้น

แต่ฟ้าโปรด มีการอภัยโทษ 2 ครั้งในปีก่อน ระหว่างสรยุทธอยู่ในเรือนจำ จะไปว่าสรยุทธมีอภิสิทธิ์ได้อย่างไร ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอภัยโทษเมื่อไหร่? แม้แต่กรมราชทัณฑ์ก็ยังไม่รู้

ส่วนคนยิ่งดัง เข้าคุก ยิ่งต้องทำใจ เพราะหล่นจากฟ้ามาสู่ดินในช่วงข้ามคืน กรมราชทัณฑ์ยิ่งต้องระวัง ทำทุกอย่างตามระเบียบเป๊ะ ผิดไม่ได้ เพราะจะถูกร้องเรียนจากนักโทษด้วยกันทันที ในคุกนักร้องเรียนเยอะครับ หูตาไว ใครได้ข้ามขั้นแซงหน้าเพื่อนเป็นเรื่องแน่

ไอ้คนที่พูด เสียดายความรู้ที่ร่ำเรียนมา เป็นนักการเมืองก็ไม่ได้ เป็นนิสัยคนไทยก็ไม่ใช่

คนทำผิดแล้วไม่หนี เดินก้มหน้าเข้าคุก ยังทำประโยชน์ให้สังคมได้ อย่างเช่นคนทำครัวเป็น ก็ไปทำอาหาร คนทำไม้เป็น ก็ไปเป็นช่างไม้ คนเคยเป็นครู ก็ไปสอนหนังสือนักโทษ ทุกคนล้วนทำตัวเป็นประโยชน์ต่อราชการ มีระเบียบปรับชั้นได้ กลับกัน หากใครทำผิดระเบียบชกต่อยกันในคุกก็โดนปรับชั้นลงได้เหมือนกัน

โน๊ส อุดม เป็นศิลปินที่น่านับถือ ที่เข้าไปสร้างประโยชน์ สร้างความบันเทิงในคุก ไม่ใช่เฉพาะตอนสรยุทธติดเท่านั้น ลองไปดูใน YouTube หลายที่ที่คุณโน๊สเข้าไป ทั้งเรือนจำอุทัยธานี และอีกหลายเรือนจำ สามารถช่วยลดความตึงเครียดในคุกชั่วครั้งชั่วคราวให้นักโทษได้

แต่สังคมไทยมักมีคนทำนองนี้ คือ อยากดัง แต่ไม่รู้จะทำให้ตัวเองดังยังไง เลยต้องเกาะกระแสวิพากษ์วิจารณ์คนดังไปเรื่อย เข้าทำนอง “อยากดัง แต่หาตัวเองไม่เจอ” ที่สำคัญคือไม่มีองค์ความรู้ คนแบบนี้ไม่มีวันก้าวหน้า อยู่ที่ไหนก็ไปหมั่นไส้คนอื่น ตัวเองดี คนอื่นเลว แต่แสร้งบอกว่าไม่ได้เกลียด

ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยแฉหลายอย่างของกรมราชทัณฑ์มากว่า 15 ปี เพราะเคยไปติดจริงตั้งแต่ปี 2546 จนบัดนี้ ยอมรับว่ากรมราชทัณฑ์พัฒนาปรับปรุงไปมากในยุคหลังๆ มือถือไม่มี ยาไม่มี แม้แต่บุหรี่ยังไม่มีให้สูบ สมัยก่อนดูดได้เสรียันก่อนนอน

ถามจริงๆ คนหัวขวดที่พร่ำพูดเรื่องความยุติธรรม เคยเข้าไปในเรือนจำ เคยเห็นสภาพในเรือนจำภายในสักที่หรือไม่?

สรยุทธสู้คดีถึงฎีกา คืนเงินพร้อมดอกเบี้ย เข้าไปติดคุก เข้าเกณฑ์พักโทษพิเศษ โทษยังไม่ได้หมดไป ต้องใส่กำไล EM จะไปไหนอย่างเสรีก็ไม่ได้ ออกนอกพื้นที่ต้องขออนุญาต ไม่ได้ข้ามขั้นตอนใดของทางราชทัณฑ์เลยสักนิด

คนอย่างนี้ ควรให้เขาออกมาทำประโยชน์ดีกว่าไหม?

เพราะหากเทียบกับคนไร้ประโยชน์ ที่เอาแต่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นแล้ว เขายังทำประโยชน์ให้สังคมได้มากกว่าแยะ”