เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เทรนด์การดูแลสุขภาพยิ่งนับวันยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ จากสถานการณ์ของวิกฤติการเกิดโรคระบาด หรือการแพร่กระจายของไวรัสที่มีการกลายพันธุ์และร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนต้องหันมาใส่ใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้น เทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพจึงจำเป็นต้องพัฒนาอย่างรวดเร็วตามไปด้วย

และจากงานวิจัยพบว่าจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดี และร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์นั้น ต้องเริ่มจากการมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี คอยต้านทานเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาสู่ร่างกาย และเราพบว่ากว่า 70% ของระบบภูมิคุ้มกันนั้นอยู่บริเวณ “ลำไส้”

และในขณะเดียวกัน ก็มีงานวิจัยที่กล่าวถึงโรคเกี่ยวกับลำไส้ ที่คนไทยเป็นกันอย่างมาก ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว นั่นก็คือ โรค “ลำไส้แปรปรวน” หรือ “IBS” ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นตั้งแต่อายุน้อยๆ และจะพบมากในช่วงวัย 30 -50 ปี หรือวัยทำงาน ซึ่งก็อาจมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต ความเครียด งานหนัก นอนไม่เป็นเวลา ฯลฯ และส่งผลมาสู่การเกิดโรคลำไส้แปรปรวนได้ในที่สุด

นอกจากนี้ งานวิจัยก็ยังกล่าวอีกว่า ภาวะโรคลำไส้แปรปรวนนี้ พบได้มากเป็นอับดับ 2 รองจากไข้หวัด และพบได้ถึง 20% ในคนไทยเลยทีเดียว

โดยลำไส้แปรปรวนนั้นอาจไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่เป็นโรคเรื้อรังและรบกวนการใช้ชีวิตอย่างมาก ไม่ว่าจะทำให้เกิดอาการ ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด ปวดท้อง ขับถ่ายไม่เป็นปกติ แม้กระทั่งอาการที่ไม่ได้เกี่ยวกับลำไส้ อย่างเช่น แสบแน่นกลางอก ปัสสาวะบ่อย หรือแม้กระทั่งปวดประจำเดือน  ฯลฯ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้อม และสภาพจิตใจร่วมด้วย ซึ่งหากปล่อยไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นบ่อเกิดแห่งโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ภาวะติดเชื้อในลำไส้ รวมไปถึงยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแย่ลง เนื่องจากเพราะลำไส้เราไม่แข็งแรงตั้งแต่แรกนั่นเอง

 

ฉะนั้นการยกระดับพลังภูมิคุ้มกันในร่างกาย สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ จุลินทรีย์ในลำไส้ เพราะภายในลำไส้ประกอบด้วยจุลินทรีย์มากกว่า 5,000 สายพันธุ์ จำนวนมหาศาล โดยบางจำพวกจะช่วยย่อยอาหาร ช่วยดูดซึมสารอาหารซึ่งให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจุลินทรีย์จะให้ประโยชน์เพียงอย่างเดียว เพราะลำไส้มีทั้งจุลินทรีย์ก่อประโยชน์และจุลินทรีย์ที่ไม่ก่อประโยชน์ปะปนกัน หากขาดสมดุลมีปริมาณจุลินทรีย์ไม่ดีมากไป ก็จะทำให้ร่างกายเกิดการเจ็บป่วยได้ และการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำ คือการสร้างสมดุลที่ดีของลำไส้

แต่ด้วยความเร่งรีบในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ การที่จะต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ได้ครบทุกมื้อจึงเป็นเรื่องยาก และไม่สามารถที่จะเลือกทานได้หมดทุกชนิด ที่ผ่านมาในวงการสุขภาพจึงได้มีการคิดค้น หาวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน เริ่มตั้งแต่วิธีธรรมชาติอย่างการปรับพฤติกรรมการกิน เพราะพบว่าในอาหารบางชนิดมีจุลินทรีย์ที่เรียกว่า “โปรไบโอติก” เช่น ผลิตภัณฑ์ประเภทนม โยเกิร์ต กิมจิและนัตโตะ เป็นต้น ที่เป็นจุลินทรีย์กลุ่มที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย ประกอบด้วยแบคทีเรีย 3 สายพันธุ์หลัก คือ แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ลดอาการภูมิแพ้ สายพันธุ์บิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ช่วยในการปรับสมดุลและบรรเทาอาการผิดปกติต่าง ๆ ของลำไส้ และสายพันธุ์เอนเทอโรคอคคัส (Enterococcus) ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน จึงมีการพัฒนานำโปรไบโอติกมาเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันมากขึ้น

ปัจจุบันจึงมีการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพ เพื่อมาแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่นอกจากจะต้องแก้ไขปัญหาได้แล้ว ยังต้องอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคด้วย เป็นสาเหตุให้แล็บวิจัยของ Dr. Guen Eog Ji (Dr.G) จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ทุ่มงบและเวลาในการวิจัยค้นคว้าด้านโปรไบโอติก ที่เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย มาตั้งแต่ปี 1988 ถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 30 ปี จนมีงานวิจัยรองรับกว่า 250 ชิ้น ตีพิมพ์วารสารวิชาการกว่า 100 ฉบับ และจดสิทธิบัตรมากกว่า 40 สิทธิบัตร และได้รับการยอมรับจาก สมาคม INNO-BIZ ว่ามีประสบการณ์และความชำนาญดีที่สุดด้านอุตสาหกรรม Probiotic จนได้มาเป็น “Dr.G Bifidus” นวัตกรรมใหม่แห่งการรวบรวมโปรไบโอติกที่ดีที่สุด 4 สายพันธุ์ (Strain) พร้อมผสานเทคโนโลยีพรีไบโอติก สารอาหารที่จะช่วยให้โปรไบโอติกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่เรียกว่าซินไบโอติก (Synbiotic)

จุดเด่นของ Dr.G Bifidus คือ สายพันธุ์โปรไบโอติก B. bifidum BGN4 ซึ่งมีคุณสมบัติในการยึดเกาะผนังลำไส้สูง ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ยับยั้งอาการลำไส้แปรปรวน ปรับสมดุลทางอารมณ์ ป้องกันโรคภูมิแพ้ และสายพันธุ์ B. longum BORI ร่วมกับ L. acidophilus AD031 ที่ช่วยต่อต้านไวรัสโรตาหรือโรคอุจจาระร่วงและอาเจียน โดยเฉพาะใน‘เด็ก’ ยับยั้งอาการท้องผูก ท้องร่วง นอกจากนี้ยังมี Zinc และวิตามินซี ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณแข็งแรง กระจ่างใส ลดการอักเสบของผิวหนัง เป็นดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอก


ซึ่งนวัตกรรมของ Dr.G Bifidus จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของลำไส้ ช่วยปรับสมดุลของลำไส้ให้ดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้อย่างเต็มที่ และยังสะดวกต่อการรับประทาน เพราะถูกพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบผง ทานแบบผสมน้ำหรือไม่ต้องผสมน้ำก็ได้ ได้รับการรองรับจาก US FDA GRAS มาตรฐานที่รับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือจากทั่วโลกและในวันนี้ โอกาสนี้ก็ได้เดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยแล้ว กับผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกที่ได้รับการทดลองวิจัย และผ่านมาตรฐานระดับโลกจนได้ตรา World Class Product

โดยผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ ก็ได้เดินทางมาถึงไทยแล้ววันนี้ โดย คุณเกรซ ปิยธิดา บำรุงรักษ์ ผู้จัดจำหน่าย ที่ซึ่งคร่ำหวอดในวงการสุขภาพมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ช่วยดูแลร่างกายได้อย่างเห็นผลจริงและปลอดภัย ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดูแลร่างกายให้แข็งแรงจากภายในรวมไปถึงโอกาสที่จะนำผลิตภัณฑ์ระดับโลกมามาสู่คนไทย ภายใต้แบรนด์ เดอะ นา ไทยแลนด์ และความร่วมมือกับ ภก.ณัฐชาศิษฐ์ พงษ์เขตกิจ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านโปรไบโอติกที่มีประสบการณ์ความร่วมมือกับทีมวิจัยจากสถาบันศึกษาวิจัยด้านโปรไบโอติกชั้นนำในประเทศเกาหลีใต้ จะมาช่วยดูแล ส่งมอบผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกสูตรเฉพาะ จากศาสตราจารย์ Dr.G ที่โด่งดังในด้านโปรไบโอติกจากประเทศเกาหลีใต้ ทั้งในด้านของงานวิจัยและประสบการณ์ยาวนานมากว่า 30 ปีจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกสายพันธุ์ที่ดีที่สุดที่วางจำหน่ายไปทั่วโลก

 

โดยในปัจจุบัน “The NA THAILAND  ได้ร่วมมือกับบริษัท Innobiotic “ เพื่อส่งมอบ   Dr.G Bifidus  มาสู่ประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศ ที่ 24 ของโลก เพื่อส่งมอบนวัตกรรมใหม่ของ Dr.G Bifidus โปรไบโอติกชั้นนำระดับโลก ที่อยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญ และมีการการันตีจากผู้ใช้จริงที่ได้ลองใช้จำนวนมาก มีผลลัพธ์ที่ดี  ให้มาช่วยดูแลสุขภาพลำไส้และภูมิคุ้มกันให้แก่คนไทย  โดยจะกระจายลงไปสู่ผู้คนอย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็น ในคลินิก โรงพยาบาล รวมไปถึงห้างร้าน ทั้งช่องทาง Offline และ Online  เพื่อกระจายไปสู่ตลาดโดยรวมมากยิ่งขึ้้น และให้เข้าถึงกลุ่มผู้ทานได้อย่างทั่วถึง

สำหรับท่านที่สนใจ “Dr.G Bifidus” สามารถเข้าไปปรึกษา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และสั่งซื้อโดยตรงกับบริษัทได้ที่หมายเลข 053-275-887 หรือ https://nathailand.online/product/dr-g-bifidus/