หลังจากเกิดเหตุกราดยิงครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯออกมาตรการควบคุมการครอบครองปืน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุกราดยิง ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายพันคนแล้วในหลายปีที่ผ่านมา
Zeid Ra’ad Al Hussein ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า “จะต้องเกิดเหตุกราดยิงอีกกี่ครั้ง สหรัฐฯถึงจะยอมออกมาตรการควบคุมการครอบครองปืน”
อย่างไรก็ตามก็มีคนที่ออกมาสนับสนุนการครอบครองปืนโดยอ้างว่า ปืนจะช่วยเพิ่มขีดความปลอดภัย แต่ UNHRC ชี้ว่าการจำหน่ายอาวุธปืนจะส่งผลอันตรายต่อความปลอดภัยของสังคม เพราะจะทำให้เกิดเหตุอาชญากรรมร้ายแรง เช่นเหตุสังหารหมู่ด้วยอาวุธ อีกทั้ง การครอบครองปืนนั้นทำให้ลดช่องว่างระหว่างแรงจูงใจและการก่อเหตุฆาตกรรม ซึ่งเป็นผลให้เกิดผู้เสียชีวิตจำนวนมากขึ้น
การเรียกร้องครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุกราดยิงไนท์คลับแห่งหนึ่งในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งนายโอมาร์ มาทีน มือปืนชาวอเมริกันเชื้อสายอัฟกานิสถานวัย 29 ปี บุกไนท์คลับและใช้ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ AR-15 และปืนพกกราดยิงเข้าไปในฝูงชน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย
UNHRC กล่าวว่า “ปืนจำนวนหลายร้อยล้านกระบอกถูกจำหน่ายให้ประชาชน และในทุกปีหลายพันคนจะต้องสังเวยชีวิตหรือบาดเจ็บเพราะปืนเหล่านี้”
รายงานล่าสุดระบุว่า เมื่อปี 2015 มีเหตุความรุนแรงที่เกิดจากปืนทั้งหมด 51,675 คดีในสหรัฐฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 13,136 รายและบาดเจ็บอีก 26,493 ราย
ที่มา – ท่องโลกกว้าง(Nidnoi)
by TVPOOL ONLINE