เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
ครูเต้ย อภิวัฒน์ เปิดใจ ชีวิตสุดลำบากจากเด็กบ้านนอก สู่นักร้อง 100 ล้านวิว เผยเหตุผลไม่ลาออกจากข้าราชการครู โควิดกระทบ สูญรายได้ร้องเพลงกว่า 7 หลัก

ครูเต้ย อภิวัฒน์ นักร้องหนุ่มลูกอีสานเสียงดี ที่วันนี้จะมาเปิดเผยชีวิตแสนลำบาก จากเด็กบ้านนอก เคยทำงานโรงงาน สู่นักร้องหนุ่มสุดปัง เป็นเจ้าของเพลง 100 ล้านวิว พร้อมขอเคลียร์ดราม่าคบซ้อนมีโลก 2 ใบ และดราม่าทิ้งสอนนักเรียน เอาเวลาไปร้องเพลง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง One31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

โควิดกระทบเรื่องการร้องเพลงไหม? ครูเต้ย : “ร้องเพลงก็โดน การเรียนการสอนก็โดน คอนเสิร์ตเลื่อนไปหมดเลย มันไม่สามารถที่จะจัดได้ การเรียนการสอนก็มีอยู่ช่วงนึงที่มันหนักจริงๆ ทางโรงเรียนงดไม่ให้นักเรียนมาเรียนที่โรงเรียน ให้เรียนออนไลน์แทน”

การสอนเจอหน้านักเรียนกับการสอนออนไลน์อันไหนยากกว่ากัน? ครูเต้ย : “ออนไลน์ครับ เด็กทุกคนมีพื้นฐานที่ไม่เหมือนกัน แล้วยิ่งโรงเรียนที่ผมไปสอนเป็นโรงเรียนขยายโอกาส อยู่บ้านนอก อย่างมือถือเรียนออนไลน์ต้องมี แต่บางคนก็ไม่มี มันก็จะยากสำหรับคนที่ไม่มี ซึ่งบางคนอาจจะไปดูกับเพื่อน ถามว่ามันได้อะไรไหมในการเรียนออนไลน์ ผมว่าไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ”

โควิดแบบนี้รายได้จากการร้องเพลงหายไปเท่าไหร่? ครูเต้ย : “จากที่ผ่านมา รอบแรก รอบสอง ก็น่าจะ 7 หลัก”

รายจ่ายแต่ละเดือนเท่าไหร่? ครูเต้ย : “มีค่าทีมงาน ค่าน้ำมัน ค่ากินอะไรพวกนี้ก็น่าจะแสนกว่าบาทต่อเดือน”

แล้วช่วงโควิดรอบ3 มีหยุดจ่ายไหม? ครูเต้ย : “ไม่มีครับ ยังจ่ายเหมือนเดิม เราไม่ได้ไปคอนเสิร์ตก็จริง แต่เรามีงานรีวิว ทำเพลงลงยูทูบ ทีมงานอยู่กับเราก็หาอะไรทำ”

เห็นว่าก่อนโควิด ครูเต้ยเป็นคนที่ติดแบรนด์เนมมาก? ครูเต้ย : “ครับ เราเป็นเด็กบ้านนอก เราไม่เคยมี พอเราพอมีกำลังทรัพย์เราก็อยากได้ ตอนนี้ก็ไม่ได้ซื้อหนักเหมือนเดิม แต่ที่ซื้อคือมันมีประโยชน์ ผมใช้ทำงาน เราร้องเพลง เราก็ต้องแต่งตัวแต่ละงานๆ ซื้อมามันก็ได้ใช้ประโยชน์”

แบบนี้ไม่กลัวคนอื่นมาว่าเหรอ เรื่องการฟุ่มเฟือย เพราะว่าอยู่ๆ เราดังขึ้นมา โดนทัวร์ลงไหม? ครูเต้ย : “มีครับ แต่เรื่องการแต่งตัวไม่ค่อยมีว่านะครับ เพราะว่าเราทำงานมาเหนื่อย เราก็ซื้อของให้ตัวเอง เขาเข้าใจ”

 

ตอนเด็กพ่อแม่แยกทางกัน? ครูเต้ย : “ครับ น่าจะตอนอนุบาลเข้า ป.1 ผมอยู่กับปู่ย่า ที่อุบล ตอนแรกอยู่บ้านแม่ที่กาฬสินธุ์”

 

ชีวิตเคยลำบากเหมือนกัน? ครูเต้ย : “ครับ ลำบากตั้งแต่เกิดมาผมไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะ แล้วช่วงเรียนปี1 เป็นช่วงที่ลำบากที่สุด เพราะว่ามันอยู่ห่างจากบ้าน ผมมาเรียนที่มหาสารคาม เวลาจะขอเงิน ผมเป็นคนขี้เกรงใจ แล้วเราก็รู้ว่าย่าไม่ค่อยมี เราก็จะอดรอให้ถึงรอบที่จะขอ เราค่อยขอ ถ้าสมมติต้องใช้เงินเกิน ทำงานกลุ่ม เราลดการกินลง กินมาม่าที่ตุนไว้ แล้วข้าวที่บ้านสีให้เป็นกระสอบเอามาไว้ที่หอพัก แล้วก็ต้มมาม่าใส่ข้าวกิน”

เงินที่ปู่ย่า ได้มาจากการทำงาน ปีไหนนาไม่ดีคือไม่มีกินกันเลย? ครูเต้ย : “ก็ได้กินข้าว ได้กินพวกกบ พวกพืชตามบ้านเรา สัตว์ตามบ้าน”

ขยันตั้งแต่ตอนที่เรียนแล้ว ทำอาชีพอะไรมาบ้าง? ครูเต้ย : “ตั้งแต่ม.ปลาย มีปิดเทอมใหญ่ ผมก็จะลงกรุงเทพฯ มาทำงาน งานโรงงานบ้าง ประมาณ 2-3 เดือนเราจะได้เงินกลับบ้าน”

ม.ปลายแล้วทำงานโรงงานได้ไง? ครูเต้ย : “โรงงานเย็บผ้า คือมีป้าที่ทำงานในนั้น เขาก็เอาเราไปฝาก ไปตัดขี้ด้าย ไปขนของ น่าจะได้วันละ 180 บาท ณ ตอนนั้นกลับบ้านไปได้เงินเป็นหมื่น สองหมื่น บางครั้งก็เป็นเด็กเสิร์ฟที่ผับด้วย ถ้าเรามีเงินเยอะ เราก็ให้ปู่กับย่าด้วย”

ที่บอกว่าปี1 ลำบาก ลำบากขนาดไหน? ครูเต้ย : “การอยู่มันไม่ค่อยมีเพื่อน แล้วเรื่องเงินหนักสุด เงินลำบากสุดๆ แล้วตอนที่จะปิดเทอมปี1 มอเตอร์ไซค์หาย เกือบเดือนนึงผมปั่นจักรยานไปมหาลัย แล้วเป็นจักรยานยืมเพื่อนด้วย”

แล้วจากทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟมาร้องเพลงลงยูทูบได้ยังไง? ครูเต้ย : “สมัยเรียนปี2 ชีวิตเริ่มดีขึ้น เพราะว่าผมทำงานกลางคืน เริ่มมีรายได้ หลังจากนั้นไม่ขอเงินทางบ้านแล้ว พอมีมากก็ส่งให้ย่าด้วย คือเรียนไปด้วย ร้องเพลงกลางคืนไปด้วย แล้วก็ทำวงด้วยครับ แต่ว่ายังไม่ได้ดังมาก ก็สอบบรรจุเป็นครูก่อน คนค่อยมารู้จักเยอะขึ้น”

 

เป็นนักร้องอยู่แล้ว ทำไมอยากเป็นครู? ครูเต้ย : “ตอนเรียนใกล้จะจบปี5 แล้ว มีความคิดติดวง ติดเพื่อน อยากทำเพลง ก็เลยคิดว่าขอที่บ้านทำเพลงสัก 1-2 ปี ค่อยสอบบรรจุ แต่ว่าบ้านนอกปู่กับย่าเขาตั้งความหวังเรามาเรียน เราต้องจบ แล้วเราต้องได้เป็นครู เขาก็ถามว่ามันจะสอบได้ไหม จะได้เป็นครูไหม เวลาเรากลับบ้าน เราเลยรู้สึกว่างั้นเราตั้งใจทำให้เขา ก็เลยไม่กล้าที่จะพูดว่าขอเวลา ก็เลยกลับมาตั้งใจอ่านหนังสือ ผมใช้เวลา 1 เดือนในการอ่านหนังสือ แล้วไปสอบบรรจุแล้วโชคดีที่ติด แล้วพอบรรจุแล้ว เป็นครูสอนปกติ ผมก็ยังเล่นดนตรีกลางคืน”

ครูเต้ยดังจากคลิปคลิปนึง? ครูเต้ย : “ช่วงนั้นปิดเทอม เราต้องตรวจข้อสอบ รู้สึกว่าบางคนได้เยอะก็ได้เยอะ คนไม่ได้คือไม่ได้เลย ก็เลยพักตรวจเพราะมันมาหลายห้อง ก็เลยจับกีต้าร์ขึ้นมาแต่งเพลงให้พวกที่ไม่ชอบส่งงาน ก็เลยมีชื่อเพลงว่า บอกให้ส่งงาน พออัดแล้วผมเอาลงเฟซ บุ๊ก วันนั้นไม่รู้ใครเอาไปลงเพจยูไลค์สมัยก่อนมันก็เลยกลายเป็นดังไปเลย คนก็เลยมาติดตามเรา แล้วกลับมารื้อดูผลงานเก่าๆ เรา มันก็เลยทำให้เรามีงาน”

ดังเมื่อไหร่ ดราม่าก็ตามมา เยอะไหม? ครูเต้ย : “เยอะครับ ช่วงที่ผมเจอดราม่าเป็นช่วงโควิดพอดี”

เขาบอกว่าคุณคบซ้อน? ครูเต้ย : “ไม่จริงครับ ก็คือเราเลิกแล้ว เราถึงจะมีคนใหม่”

แล้วดราม่ามาได้ยังไงถ้าเราไม่ได้คบซ้อน? ครูเต้ย : “ก็น่าจะเป็นพี่ๆ ในเน็ต บางคนเขาก็ไปขุดเจอว่าแต่ก่อนคบกับคนนี้ แล้วทำไมมาคบกับคนนี้ ทำไมไม่รู้เลยว่ากับคนนี้เลิกกันตอนไหน ซึ่งเราไม่ได้ลงเรื่องแฟนตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาก็ไปสืบ ไปหาดู บางคนก็ไปชอบคนเก่า บางคนชอบคนใหม่ มันก็เลยมีสองกลุ่ม”

ทั้งสองกลุ่มนี้ทะเลาะกันแรงไหม? ครูเต้ย : “หนักครับ ก็มีมาด่าด้วย แบบดังแล้วลืมตัว”

เขาบอกว่าเจอทัวร์ลงจนจิตตกเลย? ครูเต้ย : “ช่วงแรกๆ ผมไม่เคยอยู่วงการบันเทิง ผมก็จะอ่าน ผมสนใจคนที่ด่าเรา บางครั้งอ่านจนไม่มีแก่จิตแก่ใจทำอะไรเลย เพราะมันด่าหนักเลย ด่าหลายๆ อย่างเลย แล้วหลังๆ มาพี่ๆ ในวงการบันเทิงให้กำลังใจ บอกว่าอย่าไปอ่านเยอะ ก็เลยพยายามปล่อยผ่านเรื่องนี้ แล้วมันก็เงียบไป”

ความรักตอนนี้ปกติดี? ครูเต้ย : “ปกติดีก็ยังคบกับคนปัจจุบันอยู่”

ก็มีอีกดราม่า รับงานร้องเพลงเยอะ จนเบี้ยวการสอน? ครูเต้ย : “ไม่จริงครับ ก็ยังไปสอนปกติเหมือนเดิม จันทร์-ศุกร์ ผมก็รับงานไม่ไกล เล่นเสร็จขึ้นรถ นอนบนรถตู้ ถึงบ้าน ถ้ามีเวลาเหลือได้นอน ถ้าไม่เหลือก็อาบน้ำไปโรงเรียน”

แล้วจะมีเวลาเตรียม การเรียนการสอนเหรอ แล้วจะสอนยังไง? ครูเต้ย : “วันหนึ่งมีทั้งหมด 6 คาบ เราได้สอนประมาณ 3-4 คาบ แล้วแต่วัน ซึ่งมันมีเวลาว่างของเราอยู่แล้ว มีเวลาว่างตรวจการบ้าน มีเวลาว่างทำแผน เราไม่ได้สอนเต็มทั้งวัน ผมเป็นครูดนตรี ไม่ได้สอนประจำห้อง ผมจะสอนเฉพาะวิชา คือ ป.1 ถึง ม.3 ที่เรียนวิชาดนตรีก็ต้องมาเรียนกับผม”

แล้วข่าวมาจากไหน? ครูเต้ย : “น่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบเรา แล้วเห็นงานเราเยอะ”

อยากจะบอกอะไรกับคนที่ดูอยู่ แล้วเข้าใจเราผิดไหม? ครูเต้ย : “ที่จริงผมก็เงียบเรื่อยๆ มา เพราะว่ามันไม่ได้มีปัญหา เราก็ทำหน้าที่ของเราเต็มที่ทั้งสองงาน ถ้าเขาจะคิดอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ คนเรามีสปิริตหรือความตั้งใจต่างกัน ผมเห็นหลายคนไม่ได้ทำงานแค่สองอย่าง บางคน 3-4 อย่าง อยู่ที่ร่างกายเขาไหว แล้วเขาสู้ มันอาจจะมองได้หลายมุม หลายคนก็มองว่า มันเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมมันถึงทำได้ ถ้าคนที่เคยทำงานหนักมาก่อน เขาจะรู้ว่ามันทำได้ เราจะเหนื่อยขึ้น แค่นั้นเองครับ”

เราดังแล้ว อาชีพราชการเงินน้อย ทำไมยังสอนอยู่ ไม่ไปเป็นศิลปินเต็มตัว? ครูเต้ย : “ผมรู้สึกผูกพันกับนักเรียน โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีแค่ 100-200 คน แล้วรู้สึกว่าโรงเรียนนี้มีพระคุณกับผม ผมยังทิ้งไปไม่ได้ เพราะมีช่วงนึงที่กระแสเรามา แล้วเราทำงานหนัก เด็กก็มาถาม ครูครับ ถ้าสมมติครูดังแล้ว ครูจะลาออกไหม ตอนนั้นรู้สึกน้ำตาคลอเลย เรายิ้ม เด็กก็เลยบอกว่าอย่าเพิ่งออกรอสอนลูกเขาไว้ก่อน มันก็เลยทำให้เราไม่ได้อยากออกจากตรงนี้”

ครูเต้ยมีการวางแผนชีวิตไหมว่า จะเป็นครูจนถึงอายุเท่าไหร่? ครูเต้ย : “เคยมีความคิดนะครับ แต่ว่ายังไงถ้าผมออกจากครู ผมก็ไปสอนเหมือนเดิม”