ดาราหนุ่มมากฝีมือ ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เปิดใจหลังส่งคุณแม่ไปอเมริกา ก่อนจะพาครอบครัวตามไปหลังเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ เผยจริงไหม? ที่ว่าเหลือเงินเก็บเฮือกสุดท้ายแล้ว พร้อมเคลียร์ใจโดนช่วเน็ตแซะปมการเมืองในอดีต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ส่องแหวนเพชร มรดกคุณย่าของ ณัฏฐ์ เทพหัสดิน มอบให้เจ้าสาว!!
- บรรยากาศงานแต่งงานพิธีไทย ณัฏฐ์ เทพหัสดิน-นาน่า
บอกว่าส่งคุณแม่ไปก่อน ส่วนตัวเองจะตามไปทีหลังหลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ? “ตามที่คิดไว้ผม ภรรยากับลูกน่าจะไปช่วงประมาณสิ้นปีหรือต้นปีหน้า จริงๆ แพลนไว้ว่าอยากไปเที่ยว แล้วก็พาลูกไปหาคุณตาคุณยายก็คือพ่อแม่ของคุณนาน่า”
“อันนี้คือตั้งใจไปอยู่แล้วไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นยังไง อีกอย่างหนึ่งคือคิดจะไปดูลู่ทางด้วยว่าสมมุติถ้าเราจะย้ายไปอยู่ที่โน่นจริงๆ ตามที่ผมได้ลงโพสต์ไว้ก่อนหน้านี้ เราก็อยากไปหาว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง”
ในวิกฤตที่เจออยู่ตอนนี้อยากจะส่งเสียงไปถึงใคร หรือว่าอยากจะขอความช่วยเหลือในเรื่องไหนที่คิดว่ามันสำคัญที่สุดในตอนนี้? “เราไม่พูดเรื่องการเมืองแล้วกันเนอะเพราะว่าต่างคนต่างความคิด แต่ว่าเอาหลักๆ แล้วเนี่ยผมมองว่าอยากให้รัฐบาลช่วยเรื่องของวัคซีนที่มันมีประสิทธิภาพดีกว่านี้ อย่างน้อยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ คุณหมอพยาบาลที่เขาต้องต่อสู้”
“วันก่อนดูข่าวว่าแพทย์พยาบาลติดโควิดตั้ง 800กว่าคน นี่คือด่านหน้าของเราคือนักรบ แล้ว 800กว่าคนที่หายไปนี่คือหมายความว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก แล้วเขาต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกขนาดไหน เหมือนคนจะรบแล้วเอาปืนแก๊ปไปยิงสู้กับปืนใหญ่มันเป็นไปไม่ได้อ่ะครับ มันสู้ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็คือการที่เขาจะสู้ได้อย่างเต็มที่ต้องมียุทโธปกรณ์ มีวัคซีนที่ดีมาช่วยกันต่อสู้”
“อย่างที่สองคือเรื่องของการผ่อนผันไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถ เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะไม่ไหวแล้ว ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารเลย การที่เราจะผ่อนบ้านผ่อนรถเท่าเดิม บวกกับดอกเบี้ยเข้าไปอีกมันหนัก แม้กระทั่งภาษีอ่ะ ภาษียังจะมาเก็บกับประชาชนอีกเหรอครับ(หัวเราะ) เหมือนรีดเลือดกับปูเลยนะ ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เราก็มีความอัดอั้นตันใจเหมือนกันไม่ต่างกับทุกคนหรอกครับ”
“ผมเชื่อว่าประชาชนหลายๆ คนที่ออกมาต่อว่ารัฐบาลมันก็เป็นเรื่องปกติแล้วล่ะ คงถึงจุดสุดที่แบบ…เขาก็คงอึดอัดอัดอั้นตันใจโกรธแค้นหลายๆ อย่าง มันไปห้ามเขาก็ไม่ได้เนอะ แต่อยากจะฝากถึงทุกคนว่าในสถานการณ์แบบนี้เราอยากจมดิ่งไปกับความเกลียดชัง อย่าหลงไปกับทางเส้นนั้นดีกว่า หันมามองมุมดีๆ ของชีวิตที่มันยังพอมีหลงเหลืออยู่”
อยากบอกกับคนที่เข้ามาแซะปมการเมือง-ปมเป่านกหวีดในอดีตยังไงบ้าง? “จริงๆ ไม่โกรธเลยนะ แล้วก็ไม่ถือด้วยเพราะว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดต่างกัน เมื่อก่อนโอเคผมเข้าใจว่าการที่เราเลือกพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมันก็เหมือนกับการที่เราเลือกแฟน เหมือนเลือกคู่ชีวิต เพราะเราต้องอยู่ไปกับเขา บางทีเราอาจจะเลือกคนผิดก็ได้ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ”
“ผมเองก็ยอมรับจริงๆ ว่าเออ…เรามองอะไรผิดไป ณ จุดนั้นความคิดเราเป็นแบบหนึ่ง แต่พอเราโตขึ้นมาโอเคเราได้เห็นผลงานเขา เราได้ให้โอกาสเขาแล้วก็ยังทำแบบเดิมๆ วิธีเดิมๆ แล้วก็บริหารเหมือนคนบริหารไม่เป็น มันคือล้มเหลวอ่ะเอาง่ายๆ พูดง่ายๆ เหมือนเราอกหักอ่ะ เราก็รู้สึกว่าเรายอมรับนะว่าเราเลือกผิด แล้วก็ไม่โกรธเลยที่คนเขาจะมาว่าเรา โอเคเรายอมรับ”
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เซ้นซิทีฟ อะไรที่มันผ่านไปแล้วเราก็รู้สึกว่าเราก็คงเลือกผิดและยอมรับแหละ แต่ว่า ณ ตอนนี้เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าเราจะขับเคลื่อนประเทศให้มันไปข้างหน้าต่อได้ยังไง แล้วต่อจากนี้เราก็ต้องเก็บเป็นบทเรียนในอนาคต ว่าการที่จะเลือกใครมาดูแลชีวิตเรามันก็ต้องดูกันดีๆ”
“แล้วก็ต้องเป็นคนที่เหมาะกับหน้าที่นั้นจริงๆ ผมว่าอันนี้คือสำคัญเวลาเราจะทำหน้าที่อะไรคือเราต้องรู้จริง รู้ถึงแก่นสาร แล้วก็สามารถที่จะทำหน้าที่นั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ใช่ว่างูๆ ปลาๆ โน่นนี่นั่นแล้วก็ดันทุรังทำแบบเดิม(หัวเราะ)”
“แล้วตัวผมเองที่จะไปต่างประเทศเนี่ย มันก็ไม่ใช่เพราะว่าเราจะหนีประเทศเรานะ แต่มันคือเหมือนกับการถอยไปตั้งหลัก ถ้าเรามีทางเลือกซึ่งผมมีโอเค…ผมผิดหรือเปล่าที่ผมมีทางเลือก ผมก็ไม่ผิดนะ ในเมื่อผมมีทางเลือกแล้วก็ต้องการให้ครอบครัวเราได้สิ่งที่ดีที่สุด”
by TVPOOL ONLINE