เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากประเด็นร้อนในโลกโซเชียล ที่มีคนขุดเรื่องราวของนักร้องสาว กระต่าย พรรณนิภา ลูกทุ่งอีสานอินดี้ชื่อดัง

ลือสนั่นว่าซุ่มคลอดลูกเงียบๆ หลายคนจับสังเกตจากรูปร่างของเธอที่อวบขึ้น ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ และระยะหลังอัดคลิปลงโซเชี่ยล

เอาหมอนมาปิดท้องเสมอ พร้อมกับที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าผู้จัดการคือพ่อของเด็ก ทั้งนี้มีคนนำข้อความของผู้จัดการส่วนตัว

ของนักร้องสาว ที่ใช้ชื่อว่า ไพบูลย์ แสงเดือน เจ้าของค่าย จ้วดจ้าด สตูดิโอ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย โพสต์ข้อความสั้นๆว่า

2.94 คือลมหายใจชีวิต” มีแฟนๆ เข้ามาแสดงความยินดีจำนวนมาก พร้อมกับที่หลายคนเชื่อมโยงเหตุการณ์ 3 ปีก่อน

ที่เม้าธ์ว่ากระต่ายมีส่วนทำให้ผู้จัดการส่วนตัวเลิกรากับภรรยาเก่า นอกจากนี้เฟซบุ๊กของคุณแม่ กระต่าย พรรณนิภา ได้โพสต์รูปเด็กน้อย

หน้าตาน่ารักน่าชัง จนหลายคนจับโยงว่าเด็กคนนี้น่าจะเป็นลูกของนักร้องสาวกับผู้จัดการส่วนตัวหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักร้องสาววัย 15ปี “กระต่าย พรรณนิภา” หอบเงินซื้อบ้านให้แม่

ว๊าว! นักร้องดังซุ่มมีลูก ที่แท้สามีฉกเขามา!!

ล่าสุดเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า “น้องกระต่ายออกมาชี้แจงแน่นอน ตอนนี้กำลังเตรียมข้อมูลหลักฐาน

ในส่วนข้อมูลที่เป็นเท็จ ทั้งเพจ ทั้งเฟซส่วนตัวที่เอาเรื่องเก่าที่ผ่านไปแล้วไม่ใช่ข้อมูลความจริงมาโพสต์ปั่นกระแสใหม่ว่า ไปแย่งผัวชาวบ้าน

เคลียร์ตรงนี้ให้เสร็จก่อน แล้วน้องจะมาชี้แจงเองว่า เขาท้องจริงไหมหรือไม่ท้อง เขาออกมาพูดแน่นอน คนท้องทั้งคนไม่มีใครปิดบังอะไรได้หรอก”

“ตอนนี้มีปัญหาเรื่องคนรอบข้าง เพราะเป็นห่วงในส่วนแฟนเก่าของ อ.ไพบูลย์ ที่หย่าร้างกันไปเมื่อ 3 ปีก่อน เห็นเขาบ่นโพสต์ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร

ทำไมต้องมาโยงเขาไปด้วย เลยอยากจะเคลียร์ตรงนี้ว่า มันไม่ได้เกี่ยวกันอยู่แล้ว เพราะเขามีครอบครัวใหม่แล้ว เขาก็ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขาแล้ว

หย่ากันนานแล้ว เขาจบกันไปด้วยดีตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงจุดนี้น้องกระต่ายเลยอยากจะเคลียร์ว่าทำไมต้องโยงว่าเขาไปแย่ง แล้วมันเป็นภาพเก่าๆ

ที่เขาเอามาโพสต์กัน”

จะทำอย่างไรกับคนที่เอาเรื่องราวเก่าๆ มาเชื่อมโยง?

“เขาน่าจะฟ้อง เก็บข้อมูลอยู่ เพราะตรงนั้นมันเป็นข้อมูลเท็จ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างเช่นเอารูปเก่าตอนที่ อ.ไพบูลย์เป็นนักศึกษาฝึกสอน

เมื่อ 5-6 ปี ที่แล้วที่ถ่ายกับน้องกระต่ายแล้วบอกว่าเป็นแฟนกัน แอบแซ่บกัน แย่งแฟนเขามา ซึ่งตอนนั้นมันไม่มีข้อมูลความจริง

เพราะตอนนั้นอาจารย์มีแฟนอยู่แล้ว”

“ส่วนลูกกับภรรยาเก่า อ.ไพบูลย์เลี้ยงลูกอย่างดี มีเอกสารสิทธิ์ทุกอย่างรับรองบุตร มีอำนาจในตัวลูกร้อยเปอร์เซ็นต์ ลูกชายอยู่กับอาจารย์ตั้งแต่วันที่หย่ากัน

ที่อยู่กับแม่เป็นภาพเก่าและเป็นภาพที่เขามาหาลูกวันที่เขาขอลูกไปเล่นด้วย อาจารย์ก็อนุญาตเพราะเขามีสิทธิ์ความเป็นแม่ เพราะว่าไม่ได้ทะเลาะ

หรือมีปัญหากัน อย่างน้อยทุกคนก็เคยผ่านตรงนี้มา รักมีความสุขเลิกราหย่าร้าง เริ่มต้นใหม่ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว แต่เขาไม่ได้มองว่า

เมื่อก่อนเคยทะเลาะกันมีปัญหาดราม่ากัน ไม่ได้มองอย่างนั้น มองความเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกมากกว่า”

“ที่ว่าศิลปินเป็นแบบอย่างของสังคม ใช่ ก็เพราะเขาเป็นแบบอย่างไง เขาถึงพยายามไม่ให้เกิดเป็นข่าวที่เป็นลบ เขาถึงพยายามรักษาทุกอย่าง

รักษาเอฟซีทุกคน เขาอยากเป็นแบบอย่างที่ดี เขาก็อยากรักษาสังคมไปด้วยกัน อยากเยียวยาสังคมที่มันย่ำแย่อยู่ตรงนี้ให้มันดีขึ้น”

“อย่างบางคนที่เขาไม่ได้ชอบเราอยู่แล้ว หรือต้องการปั่นกระแสเกาะกระแสมันก็มีเยอะ ก็ไม่ได้ว่า มันเป็นสิทธิ์ของเขา แต่ในส่วนที่ล่วงเกินมากเกินไป

ก้าวล้ำเกินไป เป็นเท็จเกินไป เขาก็ไม่ยอม ขอใช้สิทธิ์ในการฟ้องร้อง”

“พยายามจะแคร์ทุกคน จะไม่โต้ตอบให้มากที่สุด น้องเติบโตมาจากโซเชี่ยล มาจากสังคมแบบนี้ แต่น้องก็จะไม่ทำให้สังคมมันแย่ไปกว่านี้ น้องจะเกิดปัญหาอะไร

เราค่อยๆ คุย เมื่อวานน้องเครียด มาก แต่วันนี้ดีขึ้น ทุกคนมาประชุมกันจนถึงเที่ยงคืน ทั้งทีมงานและตัวน้องเอง มันเกิดแบบนี้ต้องให้กำลังใจกัน อย่าโผงผาง

อย่าโต้ตอบ ให้เกียรติทุกคน เขามีสิทธิ์ที่จะสงสัยว่า ท้องหรือเปล่า หายไปไหน เห็นคุณแม่ถ่ายรูปกับเด็ก มันไม่ผิดอยู่แล้วที่เขาจะมองว่า

อาจจะมีลูกหรือเปล่า แต่ต้องเคลียร์ว่าทำไมต้องไปพาดพิงแฟนเก่าอาจารย์ว่า น้องกระต่ายไปแย่งมา ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวอยู่แล้ว”

ยืนยันฟ้องคนที่นำข้อมูลเท็จมาโพสต์สร้างความเข้าใจผิด?

“ฟ้องแน่นอน เพราะว่าบางข้อมูลมันเป็นข้อมูลเก่าไปแล้ว บางข้อมูลพาดหัวข่าวมันเสื่อมเสียสำหรับน้อง และในส่วนของสังคมที่มองอย่างจรรยาบรรณ

ของสำนักข่าวหรือเพจต่างๆ ควรให้เกียรติเรื่องสิทธิมนุษยชนในการพาดหัวข่าว แต่ไม่ได้ว่าที่บอกว่า เหมือนคนมีลูก น้องกระต่ายอ้วนขึ้น อวบขึ้นมีลูกหรอ

อันนี้ไม่ผิด คุณสงสัย คุณถามได้ และการมีลูกของเขา เขาสามารถมีได้ และไม่ผิดกฎหมายด้วยซ้ำไป หรือถ้าเขามีทะเบียนสมรสกับใครสักคนหนึ่ง

อาจจะใช่กับอ.ไพบูลย์ไหมหรือไม่ใช่ หรือกับคนอื่นเขาก็ไม่ผิด”

“ถ้าจะพูดถึง 3 ปีก่อน อาจารย์กับแฟนเลิกรากัน ณ ตอนนี้เขาจะเริ่มใหม่กับใครก็ได้ ถ้าอย่างนั้นการเลิกรากับคนอื่นก็ผิดทั้งชาติสิ แล้วจะเริ่มต้นใหม่ชีวิตยังไงล่ะ

ถ้าในเมื่อยังวกวนกลับไปในเรื่องเดิมซ้ำๆ เพื่อที่จะโจมตีกัน การมีแฟนแล้วเลิกราเริ่มต้นใหม่กับอีกคนมันก็เป็นเรื่องธรรมดา สัจธรรมของมนุษย์”

“อาจารย์ไพบูลย์เขาเป็นทั้งผู้ใหญ่ เป็นผู้ชาย และเป็นทุกอย่าง ณ ตรงนี้ เขายอมรับทุกอย่าง และยอมรับการตัดสินใจของน้อง ยอมรับกฎเกณฑ์ทางสังคมที่มีฟีดแบ็กไม่โอเค

แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุดและรักษาทุกอย่าง รักษาสังคม รักษาน้อง รักษาการงาน อันไหนถูกก็ยอมรับอันไหนผิดก็ไม่โต้เถียงและยอมรับไปตามกฎเกณฑ์สังคม”

 

ยืนยันว่าน้องกระต่ายไม่ได้ส่วนทำให้ อ.ไพบูลย์ กับภรรยาเก่าเลิกรากันเมื่อ 3 ปีก่อน?

“ถ้าเป็นเรื่องของผู้หญิงเขาอาจจะมีรู้สึกอย่างนั้น ไม่ได้ว่าเขา แต่สำหรับต้นเหตุมันอยู่ที่อาจารย์เขาคนเดียว แต่ในกระบวนการตอนที่เลิกราหย่าร้างกัน

มันมาในช่วงที่อาจารย์กำลังทำค่ายเพลงกับน้องกระต่าย ตอนนั้นน้องกำลังจะดัง ตอนที่ยังไม่ดัง ยังไม่รู้ว่าอะไรคือความดัง อะไรคืองานคอนเสิร์ต

แต่ต้องเลือกที่จะไปก่อนในค่าตัวถูกๆ ตอนนั้น พอไปตอนนั้นอาจารย์ก็เริ่มทะเลาะกับแฟน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไป อาจารย์ต้องเลือกที่จะดูแล

ครอบครัว ให้แฟนเลี้ยงลูกอยู่บ้านไหวไหม แต่เนื่องด้วยความหึงไม่เข้าใจกัน สุดท้ายหย่ากัน

“ส่วนลูก อาจารย์รับผิดชอบเลี้ยงเอง แต่อาจารย์ยังช่วยเหลือเขา ไม่ได้หย่าแล้วทอดทิ้งโดยไม่ช่วยเหลือ ให้เงินเขาหลายแสน แล้วดูแลมาตลอด

ล่าสุดหลังปีใหม่ก็ให้เงินเขาค่อนข้างมากพอสมควร อาจารย์ยอมรับในสิ่งที่ทำว่า ในชีวิตหนึ่งของลูกผู้หญิงที่ได้อยู่กับผู้ชาย แต่ในเมื่อเลิกรากันแล้ว

ก็เลือกจะเดินทางมาทำงานตรงนี้ แต่ลูกอาจารย์ไม่เคยทอดทิ้ง รับผิดชอบและเลี้ยงให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดี คุณภาพสังคมและการศึกษาที่ดีด้วย”

 

ทุกครั้งที่จบความสัมพันธ์ ถึงไปเริ่มต้นใหม่กับอีกคน ไม่ได้คบซ้อน?

“ถ้าถามว่าคบซ้อน ความเป็นผู้ชายพูดตรงๆ มันก็เป็นไปได้ตั้งแต่ก่อนที่จะคบกับแฟนคนที่เลิกกันไปแล้ว อาจารย์ก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่เนื่องด้วยอยู่คนละที่

ตอนนั้นเป็นนักศึกษาฝึกงานที่โรงเรียนก็แอบปลื้มกันก็ไม่คิดว่าจะจริงจังอะไรมากนัก แต่พอได้จริงจังก็รับผิดชอบและเลิกกับแฟนคนนั้น ซึ่งเขาก็ไม่ได้พอใจ

เขาก็งงว่าทำไมถึงเลิก”

เขาก็ยอมรับว่าเป็นความเห็นแก่ตัวของผู้ชาย อาจารย์เขายอมรับในจุดนี้ว่า ตอนนั้นอาจจะยังไม่พอ ยังคิดว่าคนนี้ดีกว่าคนเก่าหรือเปล่า

แต่หลังจากที่หย่าร้างกับแฟนมา 3 ปี ทำงานตรงนี้ รู้สึกว่ายังไม่ได้ต้องการในส่วนนี้มากนัก โฟกัสกับงาน ในระหว่างนั้นอาจารย์กับน้องกระต่ายก็ยังไม่ได้มีอะไร

ที่ต้องมองว่ามันลึกซึ้งอะไรกันมาก แค่ทำงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนก็เข้าใจว่าน้องเขาสามารถคุยกับคนอื่น มีแฟนของเขาอยู่แล้ว อาจารย์ก็มีขั้นบันไดสเต็ปชีวิต

ของเขาอยู่ว่า มันไม่ได้รวบรัดตัดตอนมาแบบง่ายๆ”

ไม่อยากให้มองว่าน้องไปแย่งมาจากแฟนเก่า เพราะว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัวของอาจารย์ ถ้าให้ผู้หญิงคนหนึ่งหรือน้องเขาไปรับผิดชอบในเรื่องนี้

น้องกระต่ายยังไม่รู้เลยว่าที่อาจารย์ออกมาตอนนั้นเพราะว่าเขา หรือเพราะว่างาน หรือเพราะว่าไม่ไปต่อกับแฟน เพราะตอนที่ออกมา อาจารย์ไม่ได้แบบเรา

เป็นแฟนกันนะ เรามาอยู่ด้วยกันเรามาแต่งงานกัน คือออกมาทำแค่งาน แล้วน้องเขาก็มีคนคุยอยู่แล้ว”

“แต่ดีที่น้องกระต่าย เขาก็ไม่ได้โต้ตอบมากนัก เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะโต้ตอบไปยังไง เพราะถ้าโต้ตอบไปคนก็มองเหมือนเขาผิดอยู่แล้ว

มีแต่บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยว อ.ไพบูลย์รับผิดชอบเองก็ปล่อยมันไป เราก็ทำงาน คุณมีทำหน้าที่ทำงาน แต่พอดีว่างานมันไปต่อได้ ก็ทำงานมา

อาจารย์ก็เลี้ยงทุกคนดูแลองค์กรเล็กๆ”

ถ้าได้เห็นว่าชีวิต อ.ไพบูลย์เป็นยังไง จะได้เข้าใจว่า บางทีออกจากตรงนั้นมา เขาไม่ได้ทิ้งทุกคน แม้กระทั่งแฟนเก่า ดูแลเยียวยาเขาในฐานะที่เขา

เป็นแม่ของลูก อาจารย์ดูแลเต็มที่ ไม่ได้รู้สึกโกรธเกลียด แม้ตอนที่มีข่าวเมื่อ 3 ปีที่แล้ว อาจารย์ยังยอมรับว่าผิดเอง แต่ไม่ควรไปเถียงทะเลาะกันให้มีเรื่องฟ้องร้องกัน

เขาก็ลบทุกอย่าง เปลี่ยนชื่อนามสกุลไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาขอความช่วยเหลืออะไร ไปต่างประเทศไม่มีเงินอาจารย์ก็ดูแล เขาก็ไปมาหาสู่ลูกนานๆ ที

เพราะเขาก็อยู่กับแฟนใหม่ มาบ่อยไม่ได้ ลูกของอาจารย์ไม่ได้เป็นเด็กขาดความอบอุ่น เขามีย่ามีพ่อมีเพื่อนๆ แล้วเขาเห็นกระบวนการทำงานของพ่อ

เพราะอาจารย์พาเขาไปทำงาน เขามีความสุข เขาไม่เคยบอกว่าเขาขาดแม่ บอกว่าแม่เอ๋คือแม่เขาก็รักกัน ลูกๆ อาจารย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่เป็นเด็กมีปัญหาอยู่แล้ว”

“ถ้าสมมติว่าอาจารย์เขามีลูกใหม่อีกคนจริงๆ เขาก็ต้องรับผิดชอบและก็ไม่ยอมให้คนมาว่าลูกอาจารย์อยู่แล้ว มันก็ต้องเป็นไปตามเวลาที่สมควร”

“ที่ผ่านมาคนมองว่า อ.ไพบูลย์เป็นผู้ชายที่แย่มาก ไม่มีความรับผิดชอบบ้าง ทิ้งลูกทิ้งเมียซึ่งมันไม่ใช่ ด้วยความที่เขาเป็นครูมาก่อน อันไหนที่ยอมรับได้

ก็ยอมรับทุกอย่าง สังคมไม่มีความลับหรอก ยิ่งโซเชี่ยล ถ้ามีลูกมีเมียใหม่ มีครอบครัวใหม่ คนก็ต้องรู้อยู่ดี สักวันหนึ่งเขาก็ต้องไปกินข้าวไปเที่ยวกับลูกเมียของเขา

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปปลอมตัวเหมือนในดราม่าหนังละคร”

 

by TVPOOL ONLINE