เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สื่อ! จวกยับศิษย์วัดธรรมกาย นำภาพสื่อไหว้พระหน้าโบสถ์ส่อเจตนาบิดเบือนข้อมูล พร้อมขอความเป็นธรรมสมาคมสื่อ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวว่าในวัดพระธรรมกาย อาจมีสิ่งผิดกฎหมาย หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ทางโฆษกคณะศิษยานุศิษย์จึงได้แจ้งสื่อมวลชนทุกสำนักที่ต้องการไขข้อสงสัยในครั้งนี้ ร่วมติดตามทำข่าว ทางสำนักข่าวทีนิวส์ทีวีจึงลงพื้นที่เยี่ยมชมและเจาะลึกบริเวณเขตพื้นที่ภายในอุโบสถวัดพระธรรมกาย โดยมอบหมายให้นายธราวุฒิ ฤทธิอักษร ผู้สื่อข่าวทีนิวส์ทีวี ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์ในครั้งนี้

ทั้งนี้สื่อมวลชนที่ไปทำข่าวในวันดังกล่าวได้ลงทะเบียนแสดงตัว ที่สำนักสื่อสารองค์กรของวัดพระธรรมกายเพื่อรับปลอกแขนสีส้ม แสดงความบริสุทธิ์ใจในการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้ความขัดแย้งที่ยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง และเพื่อแสดงตัวตนว่าเรามีสังกัดชัดเจนไม่มีเจตนาแอบแฝง และพร้อมปฎิบัติตามกฎกติกาของทางวัดพระธรรมกายทุกประการ

รวมทั้งการแสดงตัวของสื่อเพื่อให้วัดธรรมกาย ให้เกียรติ และเชื่อมั่นต่อวิชาชีพ ว่าเราได้เข้าไปทำข่าวงานด้วยจรรยาบรรณ เพื่อนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งภาพและเสียง มานำเสนอให้ประชาชนได้ตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องรอบด้าน

นอกจากนี้ล่าสุด (24 มิถุนายน 2559) ในกลุ่ม LINE “NEWS วัดพระธรรมกาย” ที่ใช้สำหรับสื่อสารกันระหว่างคณะศิษย์ยานุศิษย์และสื่อมวลชน ได้มีการพูดคุยในประเด็น ที่เฟสบุ๊ค ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้โพสต์ภาพสื่อมวลชน ที่เข้าไปทำข่าวตรวจค้นอุโบสถวัดพระธรรมกายเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมาใจความว่า

“สื่อมวลชนกำลังก้าวข้ามจากความเสื่อมและเริ่มซึมซับกับความเลื่อมใส ตั้งจิตขอขมาบูชาพระรัตนตรัยจะตั้งใจนำเสนอข่าวสารตามความเป็นจริง”

S__5095459

ซึ่งข้อความดังกล่าว ทำให้สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตและถามถึงเจตนาของผู้ที่โพสต์ Facebook ที่ใช่ชื่อว่า “พระมหาบุญยงค์ จิตตทนโต” ว่าจะเป็นการชักนำและพยายามที่จะดึงสื่อมวลชนเข้าไปเป็นฟากใดฟากหนึ่งหรือไม่ พร้อมกับเรียกร้องให้มีการลบรูปภาพดังกล่าว

โดยโฆษกคณะศิษย์ยาลูกศิษย์ได้ขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมชี้แจงว่า เฟสบุคดังกล่าว ผู้โพสต์แสดงความเห็นส่วนบุคคลซึ่งทางวัดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังจากนี้จะมีการติดต่อไปยังผู้ใช้ facebook ดังกล่าวเพื่อทำความเข้าใจกับกรณีที่เกิดขึ้น

ส่วนการที่ให้สื่อลงชื่อในวันที่เข้าไปตรวจค้นและมีการระบุภายหลังว่า ว่าลงชื่อเป็นพยานนั้น ยืนยันว่าไม่มีเจตนา เพื่อไปใช้ในการต่อสู้คดี เป็นเพียงแค่การลงชื่อ จารึกเป็นประวัติศาสตร์เท่านั้น

อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนยังได้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวต่อสมาคมผู้สื่อข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ในฐานะสมาคมวิชาชีพ ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

 

ที่มา – ธราวุฒิ ฤทธิอักษร