สายน้ำ ความหลัง ชายหนุ่ม หญิงสาว และ งู
แม่เบี้ย บทประพันธ์อมตะของ วาณิช จรุงกิจอนันต์ (นักเขียนรางวัลซีไรต์ ปี 2527 จากเรื่องซอยเดียวกัน) ถือเป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่ถูกหยิบมาสร้างในเวอร์ชั่นต่างๆ บ่อยครั้งมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
นวนิยาย แม่เบี้ย จากปลายปากกาของ “วาณิช” เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของเหล่าคนกิเลสหนา ที่เข้ามาพัวพันกัน โดยใช้ความรักที่ต้องซ่อนเร้นและตัณหาราคะดำมืดอันเกินหยั่งถึง เป็นตัวเดินเรื่อง
โดยมีจุดเริ่มต้นที่ “เมขลา” สาวสวยล้ำสมัยสุดเซ็กซี่ผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง และใช้ชีวิตอิสระทุกด้านอย่างถึงที่สุดกับ “ชนะชล” ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ, ชาติตระกูล และครอบครัวสมบูรณ์แบบ แต่กลับมาสยบกิเลสตัณหา ราคะ จนเกิดความลุ่มหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้นในเสน่ห์อันยั่วยวนใจของเมขลา-เจ้าของ “เรือนไทยโบราณ” ที่ซึ่ง ชนะชล มีความหลังฝังใจต่อปริศนาชีวิตในอดีตของเขาที่ยังไม่อาจคลี่คลาย
อันเป็นที่มาของความลึกลับน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนเร้นอยู่ในทุกมุมมืดของบ้านหลังนั้น ซึ่งมี “คุณ” (งูเห่ายักษ์) คอยเร้นร่างสอดส่องและปรากฏกายห้ามพฤติกรรมอันผิดศีลธรรมของทั้งคู่ที่นำความหายนะมาสู่ตนและคนรอบข้างอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง…
เรื่องราวของ แม่เบี้ย ถูกตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารลลนา รายปักษ์ มาก่อนจะรวมเล่มครั้งแรกในปี 2530 และเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เป็นนวนิยายที่ได้รับการแปรรูปเป็นภาพยนตร์, ละครโทรทัศน์ และละครเวที มากที่สุดในประเทศไทยลำดับต้นๆ ทีเดียว
นิยายเรื่อง แม่เบี้ย ถูกนำมาสร้างเป็นละครเวที ครั้งแรก โดยอาจารย์มัทนี โมชดารา รัตนิน เมื่อปี 2531 โดยมีการเปิดรอบการแสดง ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
นักแสดงหลักในยุคนั้น ได้แก่ กาญจนา จินดาวัฒน์ (เมขลา) , ลิขิต เอกมงคล(ชนะชล) , ส. อาสนจินดา (ลุงทิม), สุเชาว์ พงษ์วิไล (เสี่ยพจน์)
เมื่อละครเวทีเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ บริษัท กันตนา ภาพยนตร์ ได้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 2532 โดย “คุณแดง” สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เป็นผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้
ดารานำ ลิขิต เอกมงคล และส. อาสนจินดา กลับมารับบทเดิม ส่วนเมขลา แสดงโดย ภัสสร บุญยเกียรติ และอภิรดี ภวภูตานนท์ เป็น “ไหมแก้ว”
หลังจากสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วก็มาเป็นละครโทรทัศน์ของช่อง 7 สีในปี 2534 จากค่ายกันตนา นักแสดง ได้แก่ ยุรนันท์ ภมรมนตรี (ชนะชล), แสงระวี อัศวรักษ์ (เมขลา) , ส. อาสนจินดา (ลุงทิม) , สุรัตนา คล่องตระกูล (ไหมแก้ว)
ในปี 2544 สมจริง ศรีสุภาพ กำกับการแสดงในนามของ ไท เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อำนวยการสร้างโดย วิสูตร พูลวรลักษณ์ แสดงโดย พุฒิชัย อมาตยกุล (ชนะชล) , นภคปภา นาคประสิทธิ์ (เมขลา), สุรชัย แก้วชู (ลุงทิม), โชติรส แก้วพินิจ (ไหมแก้ว) , อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล (พจน์)
ปี 2558 เดือนกันยายน แม่เบี้ย ถูกนำกลับมาตีความใหม่อีกครั้ง เพื่อทำเป็น โดยม.ล. พันธุ์เทวนพ เทวกุล จัดสร้างโดยสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล แสดงโดย ชาคริต แย้มนาม (ชนะชล) , กานต์พิศชา เกตุมณี (เมขลา) , ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ (ลุงทิม), ภัทรนันท์ รวมชัย (ไหมแก้ว)
ในปี 2555 บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เคยทำ “แม่เบี้ย ดิ อีโรติก อาร์ต มิวสิคัล กำกับการแสดงโดย “ต้อ” มารุต สาโรวาท ร่วมด้วย ทีมนักร้องและนักแสดงคุณภาพ นำโดย หญิง รฐา โพธิ์งาม (เมขลา), จอร์จ ฐปนัท สัตยานุรักษ์ (ชนะชล) ร่วมด้วย จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม (ไหมแก้ว) , ชรัส เฟื่องอารมย์ (ลุงทิม) , เตชินท์ ชยุติ เป็นต้น
และล่าสุด ปี 2564 ผู้จัดมือทอง เอ – ศุภชัย ศรีวิจิตร ในนามของ “เอ.แอ็คท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ” ได้จับ แม่เบี้ย มาลงจอ 7 สี อีกครั้ง จากการกำกับการแสดงโดย ผิน เกรียงไกรสกุล บทโทรทัศน์ โดย มุนีมนตรา นำแสดงโดย กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ (ชนะชล),ทิสานาฏ ศรศึก (เมขลา), คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ (ไหมแก้ว) และ รอง เค้ามูลคดี ( ลุงทิม) พร้อมนักแสดงอื่นคับคั่ง
การตีความของ แม่เบี้ย ในเวอร์ชั่นต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนเรื่องราวตามยุคสมัย เรื่องราวความรักของเมขลา กับ ชนะชล และ “คุณ” เดินทางไป ณ จุดไหน และลงเอยอย่างไร ในแต่ละยุคสมัยนั้น ต่างได้รับความสนใจจากแฟนละคร อย่างต่อเนื่องเช่นกัน เรียกว่า มนต์เสน่ห์ ของ แม่เบี้ย ยังคงครองใจ ครองจอแฟนๆ ได้อย่างเหนียวแน่นทีเดียว!!
by TVPOOL ONLINE