เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

              เผยชีวิตจริงของอดีตเด็กสลัมถูกพ่อแม่ทิ้ง แต่สู้ไม่ถอย สร้างตัวทำงาน กู้เงินจนเป็นหนี้เกือบร้อยล้าน แต่ยังฮึดสู้แม้จะต้องกลายเป็นคนล้มละลาย!! “ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้” คงไม่มีใครคิดปฏิเสธประโยคที่ว่าข้างต้นเพราะถ้าทุกคนสามารถเลือกเกิดได้จริงล่ะก็แน่นอนว่าโลกนี้คงไม่มีคนลำบากให้เราได้เห็น แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกเกิดไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องจำกัดชีวิตของเราให้ย่ำอยู่กับที่ โดยไม่ตั้งเป้าหมายใดๆ เลยซึ่งในสังคมเราทุกวันนี้ต้องบอกเลยว่ามีหลายคนมากที่มีปัญหาและท้อแท้กับสิ่งที่กำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว การทำงาน หรือ การมีหนี้ ทำให้กลายเป็นคนอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับเรื่องราวของ ปุ๊ก – ธีระภรณ์ สุพร เจ้าของทำผมชื่อดัง K-two plus หรือที่รู้จักในชื่อ เทพธิดาแห่งวงการทำผม ซึ่งเธอมีประสบการณ์ในชีวิตกโชนมากเหลือเกิน ทั้งวัยเด็กที่ต้องถูกแม่ทิ้งให้อยู่กับพ่อโดยที่เธอไม่ได้รับความรักความอบอุ่นอย่างที่เด็กทั่วไปควรจะได้ จนกระทั่งเริ่มเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และตั้งเป้าหมายในชีวิตว่าจะต้องรวย เพื่อลบปมในวัยเด็ก ในที่สุดเธอก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นที่ยอมรับในสังคมได้ แต่จากจุดสูงสุดก็ต้องคืนสู่สามัญ เพราะปัญหาด้านธุรกิจที่เกิดจากการไว้ใจคนสนิท แต่สุดท้ายก็ต้องหักกัน!! จนเป็นที่มาของหนี้เกือบร้อยล้าน ที่ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้อีกหรือไม่ ที่สำคัญแม้ชีวิตจะติดลบอย่างหนัก แต่ความคิดกลับไม่จมลงตาม!! “ไม่มีใครรักเราจริงนอกจากตัวเราเอง” ปมจากความรักที่ไม่เคยได้จากพ่อแม่แท้ๆในวัยเด็ก ขอเล่าย้อนกลับไปในสมัยเด็กของคุณปุ๊ก ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่เคยมีความเชื่อว่าจะมีใครรักเธอได้มากเท่าที่เธอรักตัวเองอีกแล้ว เพราะด้วยความที่มีแผลซึ่งถูกพ่อและแม่แท้ๆ ให้ไว้ โดยการที่ไม่ได้รับความรัก ความอบอุ่น หรือการดูแล จนกลายเป็นปมที่เจ็บปวดมาตั้งแต่นั้น “ปุ๊กเป็นคน จ.หนองคายค่ะ ก็อาศัยอยู่กับปู่ย่า (ซึ่งเราจะชอบเรียกว่าตา-ยาย) พ่อของปุ๊กก็เป็นลูกคนโต มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน พ่อจะเป็นคนที่เกเร ติดยา ติดการพนัน เข้าคุกบ่อย 2-3 ปีข้าที ซึ่งเขาจะไม่ค่อยมาหา เรียกง่ายๆ ว่าไม่เลี้ยงเลยดีกว่า ไม่เคยมาแสดงความรัก เลยไม่มีความผูกพันใดๆ ซึ่งมีเหตุการณ์หนึ่งที่เราจำได้ฝังใจคือ วันนั้นเป็นวันที่พ่อเพิ่งออกจากคุกวันแรก แม่ก็จูงมือเราเพื่อไปส่งที่รถโดยสารบ้านนอกสมัยก่อน แล้วบอกว่าเดี๋ยวมา และตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้เจอหน้าแม่อีกเลย แต่ลึกๆ ก็คิดนะว่ายังดีที่แม่ไม่ทิ้งเรา ยังเอาเรามาส่งกับพ่อ หลังจากนั้นพ่อก็ให้ตากับยายดูแลเป็นต้นมา จนปัจจุบันท่านก็เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อจากการเสพยา ซึ่งวันนั้นเหมือนพ่อก็รู้และสัมผัสได้ว่าเรายังไม่ให้อภัยท่านกับสิ่งที่เคยทำ เพราะเราเป็นคนที่แสดงออกชัดเจนผ่านสายตา ซึ่งพอมาคิดวันนี้ก็เสียใจว่าทำไมไม่ให้อภัยกันตั้งแต่วันนั้น” จากเด็กสลัมคลองเตยที่อยากรวยให้ได้ จนกลายมาเป็นเจ้าของร้านทำผม รายได้เป็นแสน/เดือน หลังจากเรียนจบด้วยวุฒิเพียง ป.6 ก็เดินทางร่อนเร่เข้ามาเช่าห้องอยู่กับน้าที่สลัมคลองเตยทำงานโรงงานด้วยค่าแรงวันละ 250 บาท แต่ทำได้ไม่ถึง 2 เดือนก็ออกเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่งานที่ชอบ และด้วยความคิดที่ว่าอยากรวย!! ต้องรวยให้ได้ เลยมาทำงานในห้างเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าผู้ชายด้วยวัย 15 ปี ซึ่งโชคดีที่มีคนฝากให้ เพราะตามความจริงแล้วพนักงานห้างจะต้องมีอายุ 18 ปีจึงจะทำได้ จนนี่เองกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่กำลังจะขึ้นสูงสุด มีทุกอย่างที่ต้องการ “ปุ๊กทำงานในห้างมาเรื่อย จนอายุประมาณ 18 ก็มีแฟนซึ่งเขาก็มีฐานะพอสมควร ช่วงนั้นเราก็ทำงานไปด้วย ปล่อยเงินกู้ไปด้วย เริ่มชอบค้าขายแล้วหล่ะ ก็มาอยู่บ้านแฟน 2 ปีซึ่งก็ไม่ได้ทำงานห้างแล้ว อยู่แต่บ้านว่างๆ วันๆ รอแฟนกลับมาจากทำงาน จนมีนิสัยที่ชอบชวนแฟนทะเลาะบ่อยๆ ชอบโทรจิกโทรตาม ซึ่งมันเป็นหนักขึ้น จนแฟนสังเกตเห็นเลยให้ไปหาหมอ สรุปว่าเราเป็นโรคประสาทซึ่งเกิดจากความเครียด แต่ไมได้ร้ายแรงมาก หมอแนะนำให้กินยาระงับประสาท และควรหาอะไรทำ ก็เลยเลือกมาเรียนทำผมที่เกศสยาม ไม่นานก็เปิดร้านของตัวเอง 2-3 ร้าน แต่ตอนนั้นคิดว่าตัวเองยังไม่เก่งมาก เลยสมัครไปเป็นผู้ช่วยช่างที่มาบุญครอง และโชคดีมากที่มีคนเขาจ้างเราไปบริหารร้านให้ที่สำโรง ซึ่งทำแค่เดือนแรกก็ได้กำไร 4-5 แสนแล้ว” หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นเจ้าของกิจการร้านทำผมที่ประสบความสำเร็จและมีฝีมืออย่างมาก จนขยายสาขาถึง 12 สาขา โดยใช้ชื่อว่า K TWO ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนมีเงินหมุนเวียนกว่า 120 ล้านต่อปี !!! กู้หนี้ยืมแบ๊งค์-หุ้นทำร้านกับคนสนิท จนสุดท้ายชีวิตดำดิ่งสุดขีด! เมื่อมีรายได้เข้ามาเยอะ ก็ทำให้เกิดความคิดว่าตัวเองแน่ เก่ง เหนือกว่าทุกคน และทะนงตนเอง จนกลายเป็นช่วงตกต่ำของชีวิต กู้เงินจากธนาคาร หุ้นกับคนสนิทเปิดร้านทำผม โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบและดูแลกิจการตนเอง “พอเราขยายสาขาได้เยอะ เราก็กู้เงินมาลงทุนเยอะไปอีก ก็ทยอยกู้มาประมาณ 60 ล้านบาท จนมาเปิดสาขาที่ 12 เป็นร้านใหญ่ ด้วยความที่เราคิดว่าตัวเองเก่ง เราเลยไม่ฟังใคร คิดว่าคุมได้ทุกอย่าง และเพื่อนคนนี้ต้องบอกว่าเขาก็มีธุรกิจสีเทาอยู่ด้วยทั้งการพนัน หวยบอล มันก็เหมือนกับจับ ขาว-ดำ มาอยู่ด้วยกัน จน 2-3 เดือนหลังเริ่มมาสงสัยช่วงที่ขาดทุนติดต่อกัน 3 เดือน 6 เดือน เพราะเปิดร้านทำผมมาถ้าไม่ได้กำไรมันก็ต้องเท่าทุน บัญชีที่ต้องเป็นชื่อร่วมกันก็เป็นชื่อเขาหมดเลย ก็เริ่มมาเช็คซึ่งต่างคนต่างก็ไม่ยอมกัน มีทิฐิ แทบจะฆ่ากันได้เลย จนจบลงด้วยการฟ้อง!! ตอนนั้นสติแตกมาก เงินหมดทุกอย่างแล้ว เสียหายหนัก สุดท้ายก็ไล่ปิดสาขาแบบโง่ๆ เลย ทั้งเซ้ง ทั้งขาดทุน เหมือนคนที่ตกจากที่สูงแล้วมันกระทบแรงมากๆ!!” ตกอับซ้ำสอง!! เพราะเชื่อหมอดูอย่างไร้สติจนหมด 20 ล้าน !! “ช่วงนั้นจิตใจแย่มาก จากคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ก็เปลี่ยนไปเลย เพราะไป

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online