ที่วัดอ้อน้อย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม นายประสิทธิ์ สันจิตร ทนายความในฐานะ ประธานเครือข่ายพิทักษ์พุทธ”พร้อมผู้ติดตามที่เดินทางมาด้วยรถตู้โดยสารจำนวน 6 คันได้เดินทางมาเพื่อขอยื่นหนังสือต่อพระอธิการศิริชัย สิริโสภโณ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ให้สอบสวนพระวินัยตามกฎนิคหกรรม ด้วยข้อหา ต้องปาราชิก สิกขา บทที่ 2 หรือไม่ ต่อพระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือหลวงปู่พุทธอิสระ
โดยนายประสิทธิ์ สันจิตร ทนายความได้ขออนุญาตนำตัวแทน 5 คนเพื่อเข้าพบกับพระอธิการศิริชัย สิริโสภโณ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ภายในลานโพธิ์ที่อยู่ภายในวัดอ้อน้อย แต่ปรากกฎว่าติดภารกิจกรรมฐาน โดยมีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ไวยวัจกรวัดอ้อน้อย มารอรับ หนังสือดังกล่าวแทน แต่ขณะเดียวกันหลวงปู่พุทธอิสระ ได้ออกมาพบกับนายประสิทธิ์ ด้วยตัวเองโดยมีการนั่งสอบถามถึงการมายื่นหนังสือและมีการถกเถียงกันถึงเรื่องของการมาแจ้งเรื่องดังกล่าว โดยมีนายมหัศจักร โสดี ทนายความของหลวงปู่พุทธิอิสระ เข้ารับฟังการเข้ามายื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบดังกล่าว ซึ่งมีการเจรจากันนานกว่า 30 นาที
ซึ่งทางนายประสิทธิ์ ได้แจ้งว่ากรณีที่มาร้องเรียนจากการที่ศาลแพ่งมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 59 ที่ DSI เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง “หลวงปู่พุทธอิสระ และพวกแกนนำ กปปส.เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 2,663,409 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากกรณีระหว่างเดือน พ.ย.56 ถึง ม.ค.57 ร่วมกันบุกเข้าไปในอาคาร DSI ถนนแจ้งวัฒนะ และทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน ทำให้คอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต ทำงานได้ เมื่อศาลพิพากษาได้พิเคราะห์เห็นพฤติกรรมของจำเลย จึงมีคำพิพากษาของศาลแพ่งให้จำเลยที่ 1 คือหลวงปู่พุทธอิสระ ร่วมกับจำเลยที่ 2 พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย จำนวนเงิน 899,203 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับจากวัดถัดฟ้องคือ วันที่ 19 พ.ย.57 และให้จำเลยร่วมกัน จ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายความแก้โจทก์ อีกจำนวน 10,000 บาท จึงมีคำถามว่า 3 ประเด็นในการปิดล้อมศูนย์ราชการดังกล่าว ขอให้เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในฐานนะที่เป็นผู้ปกครอง หลวงปู่พุทธอิสระ ได้ดำเนินการทางพระธรรมวินัยตามกฎนิคหกรรมด้วยข้อกล่าวหาว่า ต้องอาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ 2 ว่าพ้นจากความเป็นพระในพระพุทธศาสนาหรือไม่ เพื่อยังความศรัทธาของพุทธบริษัทให้มั่งคงต่อไป
โดยทางหลวงปู่พุทธอิสระ ได้สอบถามกลับไปว่า ทราบเรื่อแล้วว่า นายประสิทธิ์ จะได้มาแจ้งเรื่องดังกล่าว และมีข้อสงสัยว่าทำไม่เมื่อเป็นชาวพุทธจึงไม่ดำเนินการต่อ อัตลักชี ที่วัดธรรมกายที่อวดอ้าวอุตริธรรม และแอบอ้างพระพุทธเจ้าต่างๆ นานา หรือการโกงเงินหุ้นของประชาชาชนมหาศาล หรือการที่แอบอ้างอวดตลิ เรื่องสตีฟจ๊อบ ซึ่งตอนนี้นายประสิทธิ์ ได้แจ้งไปทั่วว่าอาตมา ปาราชิก ซึ่งก็เป็นการละเมิดเช่นกัน การสอบถามเรื่องนี้เพราะต้องการจะแจ้งความเอาความผิดกับนายประสิทธิ์ เช่นกัน
ส่วนเรื่องที่มาเอาความในสิขาบทข้อที่ 2 ในข้อหาลักทรัพย์นั้น ศาลได้ลงความเห็นว่าเกิดความเสียหายเกี่ยวกับความเสียหายที่ การชุมนุมย่อมมีความเสียหาย เช่น หญ้าตาย ต้องมีการนำข้าวกล่องมาแจกเจ้าหน้าที่ระยะ 4 เดือนกว่า ซึ่งประสงค์ไม่ได้เอาสนามหญ้ามาเป็นของอาตมา หรือเอาข้าวกล่องมาเป็นของอาตมา ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่านายประสิทธิ์ เป็นเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย เนื่องจากตรวจสอบชื่อแล้วพบว่ามีทั้งชื่อและภาพปรากฏเป็นกรรมการกองทุนกัลป์ญาณมิตรของธรรมกาย โดยเตรียมให้ทนายความฟ้องร้องเอาความผิดฐานละเมิดและหมิ่นประมาทเช่นกัน คาดว่า 1 อาทิตย์คงเสร็จสิ้นเรื่อง
ที่มา – http://skynews.sayhibeauty.com/
by TVPOOL ONLINE