เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 3 ก.ค. ร.ต.อ.เดช ภูมิสถาน ร้อยเวรสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งมีจากมูลนิธิร่วมกตัญญูศรีมหาโพธิว่า มีเหตุฆ่ากันตายที่บริเวณหน้าร้านสุภาภรณ์การยาง ริมถนนสาย 304 ศรีมหาโพธิ – กบินทร์บุรี หมู่ที่ 3 ตำบลกรอกสมบูรณ์ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี หลังจากรับแจ้งร้อยเวรพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์เวรโรงพยาบาลศรีมหาโพธิ หน่วยกู้ภัยร่วมกตัญญูศรีมหาโพธิ เดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพนายวีระ จันทร์แก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95/1 หมู่ที่ 13 ตำบลดอนเมือง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา นอนเสียชีวิตจมกองเลือด จากการตรวจสภาพศพถูกฟันด้วยอาวุธมีด เข้าที่บริเวณท้ายทอย ศีรษะ กกหูซ้าย ต้นแขนซ้าย และกลางหลัง รวม 11 แผล ห่างจากศพผู้เสียชีวิตเข้าไปที่บริเวณหน้าร้านสุภาภรณ์การยางประมาณ 30 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกอาวุธมีดจำนวน 1 ปลอก พร้อมพบกองเลือด และเส้นผมของผู้ตาย หลังจากตรวจสภาพศพและที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ให้หน่วยกู้ภัยนำศพผู้เสียชีวิตส่ง ร.พ.ศรีมหาโพธิ เพื่อให้แพทย์ชันสูตรศพอีกครั้งหนึ่ง
จากการสอบสวนทราบว่า ร้านสุภาภรณ์การยาง เปิดบริการขายยางและปะยางรถยนต์ มีลูกจ้างภายในร้าน ประกอบด้วย นายประสงค์ สืบราษฎร์ อายุ 42 ปี พร้อมภรรยาคือน.ส.ตรีสุคนธ์ คุ้มเงิน อายุ 25 ปี ไม่ทราบที่อยู่ รวมทั้งนายกฤษณะ นันทะสิน อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 151/1 หมู่ 11 ตำบลนาเลิศ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี และนายวีระ จันทร์แก้ว ผู้ตาย โดยปกติผู้ตายจะเป็นคนอารมณ์ดี ชอบร้องเพลงขณะทำงาน ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายประสงค์ มีปากเสียงกับภรรยา แต่ผู้ตายยังคงทำงานไปและร้องเพลงไป ทำให้นายประสงค์ไม่พอใจและเก็บความรู้สึกเอาไว้ จนกระทั่งช่วงเย็นใกล้เลิกงาน ผู้ตายเดินเก็บเครื่องมือก่อนเลิกงาน พร้อมร้องเพลงอย่างสนุกสนาน จนทำให้นายประสงค์บันดาลโทสะคิดว่าผู้ตายร้องเพลงจีบเมียตนเอง จึงคว้ามีดฟันเข้าที่บริเวณท้ายทอยของนายวีระ จนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นนายวีระวิ่งหนีออกไปยังบริเวณหน้าร้านเพื่อเอาตัวรอด แต่นายประสงค์ยังวิ่งไล่ฟันเข้าที่บริเวณแขน หลัง ศีรษะ และกกหูซ้าย จนนายวีระล้มลงกับพื้น ก่อนที่นายประสงค์จะวิ่งหลบหนีไปพร้อมกับภรรยา
ส่วนสาเหตุในการฆ่ากันครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า น่าจะมาจากความหึงหวงและบันดาลโทสะ ทำให้ก่อเหตุฆ่ากันตาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการจับกุมตัวนายประสงค์มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา – ข่าวสด