เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

  เตือนภัย !!! นักแสดงหนุ่ม ส้วม สุขพัฒน์ นำเอกสารการสนทนาระหว่างพ่อ และกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ เข้าร้องเรียนกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส หลังถูกกลุ่มคอลเซนเตอร์ แอบอ้างเป็น ปปง.-ตำรวจ สภ.ภูเก็ต หลอกโอนเงิน สูญกว่า 1.3 ล้าน และบุคลากรแพทย์ โดนเสียหายนับ10ล้าน!!!

ส้วม สุขพัฒน์ เผยว่า

มื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา พ่อของตนได้รับสายโทรศัพท์ โดยปลายสายบอกว่า เป็นเจ้าหน้าที่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง มีการพูดคุยกันเรื่องรับสินไหม ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งพ่อของตัวเอง เคยใช้บริการบริษัทประกันแห่งนี้ทำให้ไม่ผิดสังเกต แต่ก็เอะใจ เพราะไม่ได้ไปรับสินไหมที่จังหวัดภูเก็ต

ปลายสายจึงโอนสายให้คุยกับอีกคนหนึ่ง อ้างว่าเป็นตำรวจ ระบุว่า มีผู้นำบัญชีไปใช้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องอายัดบัญชี 7 เดือน พร้อมเสนอว่า หากต้องการจะใช้เงิน ก็ต้องโอนเงินกลับไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

เมื่อพ่อโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวพบว่าเป็นชื่อบัญชีบุคคล ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ ทางปลายสายบอกว่า เป็นชื่อบัญชีเจ้าหน้าที่ ปปง. และที่ไม่ใช้ชื่อหน่วยงาน เนื่องจาก เป็นคดีลับ ทำให้พ่อของตัวเองหลงเชื่อ โอนเงินไปบัญชีดังกว่าถึง 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,350,000 บาท สุดท้ายจึงรู้ว่าถูกหลอก

และขณะที่นายชัยวุฒิ บอกว่า บัญชีดังกล่าวตรวจสอบแล้วพบเป็นบัญชีม้า และได้อายัดไว้แล้ว ตำรวจ อยู่ระหว่างดำเนินการ พร้อมฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ หากมีบุคคลโทรศัพท์กล่าวอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหลอกให้โอนเงิน หรือส่งเอกสารหลักฐานมาทางไลน์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สาวแอริน”ฟาดกลับแรงมึงสิโง่!! ไม่ทันถึงไหนก็ฟิวขาดแล้วววว?

“เมย์ พิชญ์นาฏ” ปั่นเเก๊งคอลเซนเตอร์ยับ ลั่นบอกชื่อตัวเองแบบนี้?!! (คลิป)

พลอากาศตรีนายแพทย์ อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา เข้าพบนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้ดีเอสไอ ดำเนินคดี หลังมีขบวนการคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และ แอบอ้างเป็นตำรวจ โทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงสมาชิกแพทยสภาหลายคน ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร ความเสียหายรวมแล้ว 10 ล้านบาท

มิจฉาชีพกลุ่มนี้ จะโทรศัพท์ไปหาเหยื่อ บอกว่าเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน และคดีอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ หรืออ้างตัวเป็นตำรวจหลอกผู้เสียหายว่าจับผู้ต้องหาได้คนหนึ่ง โดยพบสมุดบัญชีและบัตรเครดิต เป็นชื่อของผู้เสียหาย จากนั้นก็จะพูดให้หวาดกลัวเพื่อให้โอนเงิน

และขณะที่ อธิบดีดีเอสไอ ยืนยัน ตรวจสอบแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้อง และจะเร่งตรวจสอบว่าข้อมูลผู้เสียหายไปอยู่ที่กลุ่มมิจฉาชีพได้อย่างไร ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากช่องโหว่ที่ผู้เสียหายซื้อขายสินค้าออนไลน์ ทำให้มิจฉาชีพนำข้อมูลไปใช้