เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ร่วมไขปริศนา เปิดใจ บีม-ศรัญญู-อาสากู้ภัย “แตงโม นิดา” ตกเรือดับอุบัติเหตุหรือฆาตรกรรม..?

#ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสียงสั่น! “ไฮโซปอ” เตรียมชดใช้ตราปาบในใจ หลังประกาศสัญญาแบบนี้….? กลางรายการ!
กระติก ยัน!! ไม่มีงานเอนฯ แน่นอน

จากกรณีการเสียชีวิตของนักแสดงสาว “แตงโม นิดา พัชรวีระพงศ์” ที่กลายเป็นข่าวใหญ่หลังจากคนใกล้ชิดให้การถึงสาเหตุการตายว่ามาจากการพลัดตกเรือ จนทำให้เกิดการวิจารณ์ไปต่างๆนานา ถึงความเป็นไปได้ในกรณีดังกล่าวนี้ ซึ่งนี้ วันที่ 28 ก.พ. ทางรายการถกไม่เถียง ที่ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องและร่วมออกค้นหาร่างดาราสาวตั้งแต่คืนเกิดเหตุอย่าง “บีม ศรัณยู ประชากริช” นักแสดงหนุ่ม และทีมอาสากู้ภัย และพยานที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ มาร่วมกันถกความเป็นไปได้ โดเริ่มจากนักแสดงหนุ่ม “บีม ศรัญยู” ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า


“ประมาณเวลา 5 ทุ่ม มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับ สักพัก โบ TK ได้ไลน์มาบอกให้โทรกลับด่วน จึงโทรกลับไป โบ แจ้งว่า แตงโม ตกน้ำ ขอความช่วยเหลือด่วน แต่ตอนนั้นไม่ได้ถามสาเหตุ จึงเอาเจ็ตสกีออกไปช่วยค้นหา แล้วได้เจอ คุณปอ ซึ่งรู้จักกันมาก่อน จึงถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น คุณปอเล่าด้วยอาการตกใจว่า แตงโม ไปปัสสาวะหลังเรือแล้วพลัดตกไป แต่เขาไม่เห็นตอนตก เขาก็ไปวนหาแล้วแต่ไม่เจอ ด้วยความแพนิค เขาพูดแบบนี้ถึง 3 ครั้ง โดยแจ้งจุดเกิดเหตุว่าอยู่กลางน้ำ ตนจึงขับเจ็ตสกีวนหา ซึ่งบริเวณนั้นมืดมาก ขนาดไฟเจ็ตสกีที่ไฟแรงสูงมากก็ยังมองไม่เห็น ตนตามหาตามใต้ถุนบ้าน และกลางน้ำ ก็ไม่เจอ จึงได้มีการถามไปยัง โบ TK เรื่องชุดแต่งกายของแตงโม เขาก็ส่งรูปมา จึงได้มีการนำรูปไปให้ทางเจ้าหน้าที่ดู วันนั้นตนวนหาจนถึงตี 3 แต่ก็ยังไม่เจออะไร

นายนเรศ ศรีใส อาสากู้ภัยทีมนักประดาน้ำ มูลนิธิร่วมกตัญญู นทีส่วนกลาง เล่าว่า
“ตนเองไปถึงจุดเกิดเหตุเวลาประมาณ 5 ทุ่ม 37 นาที แต่ทีมงานไปถึงแล้วตั้งแต่ 4 ทุ่ม 47 นาที ระหว่างที่ตนกำลังออกไป จะมีทีมชุดประดาน้ำของร่วมกตัญญูไปถึงแล้วบางส่วน ตนไปถึงโป๊ะ ก็ยืนงงๆ เพราะทุกคนนิ่งๆ เพราะว่าเรือที่แจ้งเหตุขับวนหาอยู่ ขับเลาะไปมาอยู่พักใหญ่ ทางกู้ภัยก็พยายามติดต่อกับเขาเพื่อขอข้อมูล ซึ่งเขาอ้างว่าเขาแจ้งกู้ภัยไปหลายที่มาก แล้วอาจจะเป็นช่วงที่โทรสวนกัน เลยเกิดการติดต่อลำบากขาดช่วง เขาเลยไม่เข้ามาที่โป๊ะเพื่อให้ข้อมูล ซึ่งวันนั้นมันมืดมากจริงๆ มีแค่ไฟศาลากับไฟฉายที่กู้ภัยถืออยู่ กู้ภัยชุดแรกที่ลงเรือไปช่วยคือช่วงเวลาเที่ยงคืนกว่า เพราะเรือเขาเข้ามาเทียบโป๊ะตอน 5 ทุ่ม 50 นาที เพื่อที่จะมาให้ข้อมูล กว่าเขาจะมามาร์คจุดตกได้ก็ตอนเที่ยงคืน 9 นาที นักประดาน้ำได้ลงน้ำตอน เที่ยงคืน 40 นาที ก็ลงไปตามพิกัดที่เขาชี้ ชุดแรกที่ลงไป ตัวปลิวไปตามน้ำเลย มันมีแรงปะทะอยู่ใต้น้ำ มันเป็นช่วงที่คนริมน้ำรู้ว่าช่วงนี้น้ำเปลี่ยน มันมีช่วงน้ำขึ้นน้ำลง ช่วงที่ทีมงานลงพื้นที่คือน้ำเริ่มขึ้น เช้ามาน้ำขึ้นเกือบเมตรได้ เรายังไม่รู้พิกัดแน่ชัดว่าตกตรงไหน เขาชี้ไปกลางแม่น้ำ แต่ตอนที่เจอร่างคุณแตงโม ร่างเขาลอยมากับน้ำไปคนละฝั่งกับที่เพื่อนชี้ แต่ก็ห่างกันไม่ได้มาก”

นายศักดิ์สิทธิ์ ผึ่งประเสริฐ ผู้มีประสบการณ์กับการขับเรือสปีดโบ๊ท เผยว่า
“ลักษณะของน้ำขึ้นน้ำลง น้ำก่อนจะขึ้น มันจะตายก่อนพักนึง แล้วพอน้ำขึ้นมันจะมี 2 แบบ ขึ้นแบบค่อยๆ ขึ้น หรือบางทีก็ขึ้นแบบกราฟสูงเลย มวลน้ำจะสับสนมาก ถ้าต้องลงไปในน้ำหรือขับเรือจะคอนโทรลยากมาก จากที่ดู ระยะทาง จากจุดที่ตกเรือไปถึงอู่ต่อเรือ ผมว่าไม่น่าถึง 10 นาที ในมุมของผมคือ หากปวดปัสสาวะจริง รออีกนิดนึงไหม คนในเรือน่าจะบอกได้ว่าอีกแค่ 5 นาที ก็เทียบท่าเรือได้แล้ว โค้งตรงจุดเกิดเหตุ มันมืดมากแล้วมันมองไม่เห็นข้างหน้า เวลาผมขับสปีดโบ๊ทผ่านทุกครั้ง ผมจะผ่อนเครื่อง ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่พยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าเขาเลี้ยวเรือ ส่วนเรื่องคุณปอ ในวงการเรือ ผมไม่เคยเจอกับปอ แต่จริงๆแล้วเรารู้จักกัน หลังจากที่มีข่าวแตงโมตกเรือ เรื่องนี้มีน้องแคปแล้วส่งมาว่าเรือที่ แตงโมตกไปน่าจะเป็นเรือของปอ ตอนแรกเราก็คิดว่าคงไม่ใช่ปอน้องเราหรอก เราเป็นคนชักชวนปอมาเล่นเรือด้วยกัน เพราะเขาเครียดกับงานก็อยากให้มาผ่อนคลาย”

นายอนุชา คนตกปลาที่เห็นเหตุการณ์ เล่าถึงวันเกิดเหตุให้ฟังว่า
“ประมาณ 4 ทุ่ม เห็นเรือสีขาวแถบน้ำเงินแล่นเลียบฝั่งมาด้วยความเร็ว มีเสียงหัวเราะเสียงดัง แต่ไม่ได้ยินเสียงดนตรี ก่อนจะหักขวาเข้าโค้งกลางแม่น้ำด้วยความเร็ว ประมาณ 10 นาที ก็เห็นเรือลำเดิมวนกลับมารอบ 2 แต่รอบนี้ขับช้าวนตรงจุดเดิม ก่อนอีกสักพักใหญ่ประมาณครึ่งชม. เรือลำนี้ก็กลับมาอีก พร้อมกับเสียงตะโกน เรียก พ่อ พ่อ ก่อนที่ผู้หญิงบนเรือจะมาถามว่า “พี่คะเห็นคนตกน้ำไหม” ผมก็ตอบว่าไม่เห็น เขาก็ขับออกไปหาต่อ ตอนนั้นมืดมาก ยังคุยกับเพื่อนอยู่เลยว่าเรือใครขับเร็ว พวกเราก็ออกไปเดินดูว่ามีใครตกน้ำไหม แต่ไม่เห็น สักพักจึงกลับบ้าน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ก็จะเข้าไปให้ข้อมูลกับทางตำรวจ”