“พอลล่า” เมินโดนเรียกแก๊งนางเฟค เผยเจนี่สภาพจิตใจดีขึ้น

       โดนหางเลขไปตาม ๆกัน สำหรับกรณีของ สาวเจนี่ ที่ก่อนหน้านี้ซุ่มเก็บตัวเงียบ จนสื่อต้องคอยสอบถามจากเหล่าแก๊งนางฟ้า แต่ก็ได้คำตอบที่ไม่ชัดเจนนัก ซึ่งสาวเจนี่ โชว์ใบหย่าพร้อมบินไปพักผ่อนที่ต่างประเทศแล้ว  แต่บรรดาเพื่อนๆแก๊งนางฟ้า กลับโดนผลพวงจากเรื่องนี้ ทั้งโดนเปลี่ยนฉายากลุ่มจาก แก๊งนางฟ้า เป็น แก๊งนางเฟค งานนี้เจอตัวสาว “พอลล่า เทเลอร์” หนึ่งในสมาชิก แก๊งนางฟ้า เจ้าตัวได้อัพเดทเรื่องเจนี่ให้ฟังว่า

       “จะมีแมสเซจคุยกันเฉย ๆ รู้ว่าเค้าก็มีความสุข เห็นในไอจีเค้าก็เลี้ยงหลาน มีความสุขได้คิดเรื่องอื่น ถามว่าอยากไปหามั้ย ตอนนี้พอลล่าไม่มีเวลาเลยคะ สภาพจิตใจเค้าตอนนี้ คือเค้าได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง เห็นเค้าบอกว่า ไปเป็นเดือนยังไม่รู้ว่าจะกลับวันไหน ถ้ากลับมาก็คงเจอกัน กินข้าวกันตามปกติคะ แต่ว่าไม่เคยไปรับที่สนามบิน”

         เรื่องที่เพื่อนในกลุ่มต่างออกมาแก้ข่าวช่วยสาวเจนี่ จนทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มไม่พอใจ แถมยังถูกตั้งฉายาว่า แก๊งนางเฟค พอลล่า กล่าวว่า
         “พอลล่า ว่าไม่จริง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องกับใคร คริส เจน วุ้น จะเป็นใครทุกคนต้องออกมาช่วยพูดอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกัน คือไม่ได้คิดว่า เรารำคาญหรืออะไรที่จะต้องมานั่งแก้ข่าวให้เค้า เราแค่เหมือนช่วยเค้ารองรับเฉยๆ” 

        รู้สึกเครียดบ้างไหม?
        “ก็ไม่ เครียดถ้ามีอะไรออกไปไม่จริง เหมือนอย่างที่เจนโดนก่อนหน้าว่า โกหก อันนั้นเป็นเรื่องไม่จริง ก็เริ่มเครียดนิดนึงว่า ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ เค้าแค่พูดถึงเฉยๆ ส่วนเรื่องถูกเปลี่ยนชื่อแก๊ง คิดว่าคงเป็นเทรนตอนนี้คะ ไม่คิดมาก”

       เมื่อถามถึงเรื่องรถปอร์เช่ของสาวเจนี่ ว่า ได้คืนแล้วหรือยัง และข่าวที่คุยกับทอมจุ๊ นั่น สาวพอลล่า เผยว่า

        “เรื่องรถเจนี่ ไม่รู้อันนี้ก็ไม่ได้ตาม ทางด้านเรื่องที่คุยกับทอมจุ๊ อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก เห็นข่าว แต่เป็นเรื่องจริงมั้ยอันนี้ไม่รู้ ไม่เคยเป็นประเด็น ไม่เคยจำ ส่วนมากเราไม่ได้ถามอะไรกัน รอให้เค้าออกมาพูดเองมากกว่า ไม่ต้องออกมาจี้ เหนื่อยมั้ยที่ต้องออกมาตอบคำถามตลอด พอลล่าว่าทุกคนคงชินแล้วแหละ ส่วนถามเจนี่ มีหนุ่มใหม่เข้ามาจะช่วยสแกนให้มากขึ้นหรือไม่นั่น ถ้ารู้จักเจนี่จะรู้ว่าเค้าเป็นคนที่เค้าแข็งแรง และถ้าเค้าชอบใคร เค้าก็จะชอบเลย ก็คงจะยาก จริง ๆ แล้วเรื่องความรักมันอยู่ที่คนสองคน มันไม่ใช่ว่าคนอื่นมานั่งสแกน ถ้าเค้าให้โอกาสเรามานั่งสแกน ก็อาจจะบอกได้ว่าผ่าน ไม่ผ่าน เอาจริงๆ สุดท้ายแล้ว ก็เป็นเรื่องของคนสองคนนั้นแหละ”