เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันนี้ (18 พ.ค. 65) เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา น.ส.จรรยา ชูเมฆ หัวหน้ากลุ่มงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนสตรีพัทลุง ได้เปิดใจครั้งแรกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ผ่านมาทางโรงเรียนได้เตรียมการความช่วยเหลือนักเรียนคนดังกล่าวไว้พร้อมแล้ว ทำไมหนูจึงไม่ยื่นมือให้ครู เหลืออีกนิดเดียวครูกำลังยื่นมือให้หนูจับแล้ว

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมานั้นระบบการดูแลนักเรียนเราเตรียมไว้อย่างมีระบบ มีหลักฐาน และครอบคลุมทุกปัญหาของเด็กแล้ว เรารู้ว่าตอนที่ปิดเทอมเด็กไปอยู่กับแม่ที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา พอจะเปิดเทอมครูที่ปรึกษาชั้น ม.3/8 บอกว่า เด็กอยากมาโรงเรียน แต่ไม่สามารถมาได้มาเรียนได้ในขณะนี้ ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้แนะแนวทางในการแก้ปัญหาให้เด็กไปแล้ว แต่เราก็ไม่ทราบว่าตอนเด็กอยู่ใน จ.สงขลา นั้น มีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง เพราะตอนเด็กอยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุง เราก็ได้รับทราบความเคลื่อนไหวของเด็กมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ชั้น ม.1-2 ซึ่งเรารู้ว่าเด็กมีผู้ปกครองที่เป็นญาติกันที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.ควนขนุน และทางโรงเรียนก็ได้เตรียมตั้งรับเด็กคนนี้ไว้แล้วในชั้น ม.3 เมื่อวันแรกที่เขาไม่มาโรงเรียน ทางโรงเรียนก็ได้ตั้งรับปัญหาดังกล่าวไว้เป็นระบบแล้ว

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 65 ซึ่งเป็นวันเปิดเรียนในวันแรก ก็ได้รับแจ้งจากครูที่ปรึกษาชั้น ม.3/8 ว่าเด็กไม่ได้มาโรงเรียน เนื่องจากแม่ต้องการให้ไปเรียนในพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา แต่เด็กอยากมาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ โดยจะมาเช่าบ้านอยู่คนเดียว ก็ได้ให้คำปรึกษาไปว่า เด็กยังเป็นผู้เยาว์ การที่จะมาเช่าบ้านโดยไม่มีผู้ปกครองดูแลย่อมทำไม่ได้ การที่แม่ต้องการให้ย้ายไปเรียนใน จ.สงขลา เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากแม่มีรายได้ไม่มากนัก จนต่อมาก็ได้รับแจ้งจากครูที่ปรึกษาของเด็กคนนี้ว่า เด็กยังไม่มาโรงเรียน ตนจึงได้นำเรื่องดังกล่าวปรึกษากับ รอง ผอ.โรงเรียนฯ ว่าปัญหาของเด็กน่าจะไม่จบ น่าจะมีเรื่องที่จะต้องดูแลกันต่อไป

ต่อมา รอง ผอ.โรงเรียน ฝ่ายกิจการนักเรียน ได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวให้ ผอ.โรงเรียนได้รับทราบ ว่าในขณะนี้เด็กอยู่ในสถานการณ์อย่างไร จากนั้นเพื่อนของเด็กคนดังกล่าวได้โทรศัพท์มาหาเพื่อนของเขา ซึ่งครูที่ปรึกษาได้ให้ตนได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับเด็กคนดังกล่าว และทราบว่าเด็กพักอยู่กับพ่อเลี้ยงใน อ.คลองหอยโข่ง แต่ไม่ทราบว่าแม่ไปทำงานที่ไหน โดยแม่จะส่งเงินมาให้สัปดาห์ละ 400 บาท แบ่งกับพ่อเลี้ยงคนละ 200 บาท และยังยืนยันว่าจะมาเรียนที่ จ.พัทลุง ซึ่งจะมาเช่าบ้านอยู่ แต่ทางโรงเรียนก็ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่านักเรียนจะได้รับอันตราย

จากนั้นทางตนจึงได้บอกนักเรียนไปว่า แม่ต้องการจะให้เด็กย้ายไปเรียนที่ จ.สงขลา หรือจะมาเรียนที่ จ.พัทลุง หากแม่ต้องการให้ย้ายโรงเรียนเด็กก็ควรจะย้าย หากเด็กไม่ย้ายโรงเรียนครูก็เตรียมบ้านพักเด็กและเยาวชนโคกชะงาย อ.เมืองพัทลุง ไว้ให้แล้ว ซึ่งที่นั่นมีระบบการส่งต่อนักเรียนที่ดี มีที่พัก ที่กิน รถยนต์รับส่ง แต่นักเรียนจะต้องนำผู้ปกครองมาเซ็นรับรอง หากแม่ไม่ยินยอมก็เป็นเรื่องของแม่ หากแม่ต้องการให้เด็กย้ายก็ให้เตรียมภาพถ่ายมาด้วยจะได้ไม่เสียเวลา หากเอกสารการย้ายเสร็จวันไหนครูจะส่งให้ภายหลัง นี่คือเหตุการณ์ที่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด

กระทั่งวันที่ 13 พ.ค. 65 ตนก็ได้รับแจ้งจากครูที่ปรึกษาว่า เด็กได้เสียชีวิตไปแล้ว จนเรื่องราวฉาวตามสื่อต่างๆ ตนจึงขอความเป็นธรรมให้กับครู โรงเรียน นักเรียน ในทุกปัญหาที่เกิดขึ้น เวลาเราบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านสื่อขอให้ทุกฝ่ายได้ให้ความเป็นธรรมกับครู นักเรียน และองค์กรด้วย และประการสำคัญปัญหาของเด็ก เยาวชน เป็นบัญหาที่ลึกซึ้งที่ใครๆจะทราบปัญหาที่แท้จริง และมีความเข้าใจที่แท้จริง รวมทั้งให้ความจำกัดความว่าปัญหาได้เริ่มที่ตรงจุดไหน ใครทำเด็ก เพราะในส่วนที่เราไม่รู้ยังมีอีกมากมาย ขอให้โปรดให้ความเป็นธรรมกับทุกๆฝ่ายด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สุดเศร้า! เด็กอนุบาลนั่งรอแม่มารับ แต่ต้องมาเสียชีวิตเพราะพายุลูกเห็บถล่ม

ครูสาวสุดช็อก ลืมเด็กไว้ในรถจนเสียชีวิต ด้าน ตร.แจ้งข้อหาหนัก