“ไพบูลย์ แสงเดือน” เกิดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2533 เข้าโครงการพัฒนาเด็ก ซี.ซี.เอฟ. เมื่อปี พ.ศ. 2538 เมื่อตอนอายุ 5 ขวบ ได้รับความช่วยเหลือ การอุปการะในหลายด้านของมูลนิธิฯ เขาสำเร็จการศึกษา เกียรตินิยมอันดับ 1 คณะคุรุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย เป็นหนึ่งในรูปธรรมของความช่วยเหลือเด็กยากไร้ ให้รอดพ้นจากความยากจน เป็นความภาคภูมิใจของมูลนิธิ
ครอบครัว ไพบูลย์ มีฐานะยากจน พ่อเสียชีวิตในปี 2549 ด้วยโรคน้ำท่วมปอดและโรคเบาหวาน ทำให้ขาดเสาหลักในครอบครัว ส่วนแม่ก็สุขภาพไม่แข็งแรงป่วยเป็นโรคนิ่วในถุงนำดี แต่เมื่อผ่าตัดอาการก็ดีขึ้น ปัจจุบันก็สามารถหารับจ้างได้ แม่ต้องทำงานหนักเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว
ไพบูลย์ กู้ยืมกองทุนเพื่อการศึกษาและหารายได้พิเศษต่างๆ เริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กเสริฟในร้านอาหารในตอนเย็น ร้องเพลงตามร้านบ้าง แต่งานที่ร้านอาหารจะเลิกประมาณตี 2 ทำให้กระทบกับการเรียนมาก จึงทำได้เฉพาะวันพฤหัสบดี วันศุกร์ วันเสาร์ และหันมาทำงานโรงงานที่รับเด็กเข้าทำงานในช่วงปิดเทอม รับแสดงหมอลำตามงานในหมู่บ้านใกล้ๆ มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นวงหมอลำประจำมหาวิทยาลัย รับจ้างอัดสปอร์ตโฆษณา หรือแม้แต่ขายล็อตเตอลี่ไพบูลย์ก็ทำ
เขาทำงานเกือบทุกอย่างแต่ไม่เคยทิ้งการเรียน หน้าที่และความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมาก ผลการเรียนของไพบูลย์จึงอยู่ในขั้นดี เขาไม่เคยลืมแม่ผู้มีพระคุณ เดือนหนึ่งไพบูลย์จะกลับบ้าน 2-4 ครั้ง ยกเว้นช่วงเตรียมสอบ แต่ถึงแม้ว่าไม่ได้กลับบ้านก็จะโทรหาแม่เกือบทุกวัน
“ชีวิตคนเราต้องสู้ จะเป็นตายร้ายดียังไงผมก็จะต้องเรียนให้จบในระดับปริญญาตรีให้ได้” นั่นคือความปรารถนาที่เขามุ่งมั่น
ตั้งแต่วัยเด็ก เขาใฝ่ฝันอยากเป็น ครู เขาอยากสอนเด็กๆ ด้อยโอกาสในชนบทให้มีความรู้ มีสติปัญหา เด็กและเยาวชนที่ยากจนจะได้มีอนาคตที่ดีขึ้น แม้มีชีวิตที่ยากจนข้นแค้นแต่เขากลับมีมุมมองชีวิตในแง่บวกและเสียสละเพื่อคนอื่นอย่างน่าฉงน
“ผมศรัทธาความยากจน ผมอยู่กับความยากจนมันทำให้ผมเข้มแข็ง และผมอยากถ่ายทอดสิ่งนี้กับคนอื่นเพื่อเขาจะได้มีกำลังใจ”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกเรียนคณะคุรุศาสตร์ เพื่อจะเป็นครูสั่งสอนเด็กๆ ยากจน และอีกหนึ่งงานที่เขารัก ก็คือ การเล่นดนตรี มั่นเขียนเพลง แต่งเพลงนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้ เขาใช้คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. ทำเพลงที่เขาแต่ง เขาทำโปรแกรมดนตรีเอง บันทึกเสียงเอง จนมีผลงานเพลงออกมาเพื่อนำไปใช้ในงานกิจกรรมต่างๆ ในอนาคตเขาฝันอยากมีห้องบันทึกเสียงเป็นของตนเอง แต่งเพลง ร้องเพลง
ไพบูลย์ เล่นเครื่องดนตรีได้เกือบทุกประเภท โดยเฉพาะดนตรีพื้นบ้านอีสาน รวมถึงการเป็นนักร้องทั้งหมอลำ ลูกทุ่ง เพื่อชีวิต
อัลบั้ม “ซอม” ผลงานเพลงของ ไพบูลย์ ในนาม “ชายหล้า นากวี” ที่เขาลงมือแต่งเพลง ทำดนตรี บันทึกเสียงด้วยตัวเองแทบทั้งหมด ทั้ง 12 เพลงเป็นเพลงแนวลูกทุ่งเพื่อชีวิต กลิ่นไออีสานบ้านเกิด “งานนี้เป็นความฝันของผม ผมอยากอุทิศมันให้กับบ้านเกิดของผม ก็คือ ภาคอีสาน มีความเป็นท้องถิ่นอีสานทั้งดนตรีและเนื้อหา”
“ครูไพบูลย์ แสงเดือน” ให้เหตุผลว่าที่เลือกเรียนครูเพราะเรียนจบแล้วอยากสอนคนที่ด้อยโอกาส แต่งานอีกด้านที่ตัวเขารักไม่แพ้กันคือ การเล่นดนตรี ต่อมาจึงฝึกใช้คอมพิวเตอร์บันทึกและดัดแปลงเสียงเพลงเอง ขณะเดียวกันความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีได้หลายประเภทและการร้องเพลง ทำให้เขาตัดสินใจสร้างผลงานเพลงขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า “ชายหล้า นากวี”
ได้รู้จักเส้นทางสู่การมาเป็นโปรดิวเซอร์และเจ้าของค่ายเพลงของ ครูไพบูลย์ แสงเดือน กันแล้ว
ในเวลาต่อมา ครูไพบูลย์ แสงเดือน พัฒนาตัวเองจากศิลปินสู่การเป็นโปรดิวเซอร์และตั้งค่ายเพลง จ้วดจ้าด สตูดิโอ ขึ้น โดยให้นิยามเป็นค่ายเพลงลูกทุ่งอินดี้สไตล์ไทบ้าน ซึ่งศิลปินในค่ายประกอบไปด้วย เนม สุรพงศ์, เอิร์ธ พิชิตพงษ์, ฮันนี่ นิชาดา และ กระต่าย พรรณนิภา ส่วนเขาก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อในวงการเป็นชื่อจริง โดยผลงานเพลงล่าสุดที่เขาร้องและปล่อยออกมาคือเพลง บ่สมเพิ่น ขณะที่ค่ายเพลง จ้วดจ้าด สตูดิโอ ก็ถือว่ามาแรงมาก ๆ ในช่องทางยูทูบ เพราะมีเพลงฮิตยอดเข้าชมหลัก 10 ล้าน และ 100 ล้าน อยู่หลายเพลงเลยทีเดียว รวมไปถึงมีธุรกิจล่าสุด เป็นร้านอาหารไทย-ญี่ปุ่น ในชื่อ จ้วดจ้าดแลนด์คาเฟ่ ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดเลยเหมือนกัน
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก ไพบูลย์ แสงเดือน
Cr.phaiboon_sangduan,kratai_phannipha
by TVPOOL ONLINE