หลังจากที่อดีตซูเปอร์โมเดลไทยโกอินเตอร์อย่าง “ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา” ต้องเข้าบำบัดรักษาอาการป่วย ทำให้ต้องหยุดรับงานไปพักใหญ่ ล่าสุด สาว “ยุ้ย” ได้ควงผู้จัดการส่วนตัว “มาดามเกด พิมพ์ลดา ยอดไชยเกียรติ” ออกมาเผยกับสื่อ ชี้แจงเรื่องข่าวลือที่มีคนเม้าท์ว่า มาดามเกดเอาตัวของยุ้ยไปทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล โดยไม่ดูแล งานนี้ ผจก.ส่วนตัว กับ ยุ้ย อัพเดทอาการป่วยว่า
ยุ้ย รจนา: ตอนนี้ตนสบายดี แต่ตนต้องทานยา 3 เวลาตลอดชีวิต ห้ามสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มน้ำอัดลม ตนเข้าโรงพยาบาลเป็นครั้งที่ 4 แล้ว เข้าไปรักษาตัว 2 เดือน เพราะก่อนหน้านี้ตนมีสูบบุหรี่บ้าง ดื่มบ้าง แต่หลังจากออกโรงพยาบาลมาก็สัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับของพวกนี้อีก ตนหวังว่าผู้ใหญ่จะให้โอกาส เพราะตนไร้สารเสพติด ตอนนี้ตนมีหมวกของตัวเองออกมาขาย มาดามเกดเป็นคนออกทุนให้ ซึ่งตนก็พักที่บ้านมาดามเกด เพราะตนไม่มีบ้าน
มาดามเกด : ยุ้ยเองไม่มีญาติ พี่ชายเขาก็มีครอบครัวไปแล้ว คุณแม่ก็เป็นชีที่วัดซึ่งตอนนี้ท่านก็ป่วยหนัก ตนเป็นคนส่งยุ้ยไปบำบัด เมื่อหายก็พาเขากลับมาดูแล ยุ้ยเองก็เป็นโรคเฉพาะ ตนก็เข้าไปหาคุณหมอ และฟังคำแนะนำจากคุณหมอ ส่วนที่มีคนบอกว่าตนนำยุ้ยไปทิ้งที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ถ้าตนทิ้งจริงคงไม่รับมาอยู่ด้วย เพราะยุ้ยก้าวร้าว ตาขวาง ชอบหนีออกจากบ้านไปมั่วสุม ซึ่งเมื่อคุยกับพี่ชายของเขา เขาบอกว่ายุ้ยขาดยา ตนจึงต้องส่งยุ้ยไปโรงพยาบาล และคุยอาการกับคุณหมอทุกอาทิตย์ อย่างไรตนก็ดูแล เรื่องหมวกตนก็ลงทุนให้ยุ้ยเป็นคนเก็บเงินนำเงินมาใช้จ่าย
กรณีฝ่ายคู่กรณีกล่าวอ้างว่ายักยอกเงินยุ้ยไป มาดามเกด ชี้แจงว่า
มาดามเกด : เรื่องข่าวที่ว่าเงินของยุ้ยหายไป 30,000 บาทนั้น ตนเป็นคนถอนออกมาจากธนาคารเอง และต้อนที่เข้ารักษาตัวครั้งล่าสุด ก็ให้พี่ชายของยุ้ยเก็บไว้ ตอนนี้เงินอยู่ครบทุกบาทุกสตางค์ และที่มีข่าวว่าฝรั่งจะพายุ้ยไปรักษาที่ต่างประเทศนั้น เขาเป็นคนของต้นสังกัดเก่าของยุ้ย พอคุยกันขอรายละเอียดเอกสาร เขาก็ไม่มาตามนัด และที่บอกว่าจะทุ่มค่ารักษาให้เกือบล้านบาท เราก็นัดเจอ เขาก็ไม่มา เขาเองพยายามซักประวัติยุ้ยกับทางโรงพยาบาล แต่ยุ้ยเป็นคนไข้พิเศษ ทางโรงพยาบาลจึงไม่ได้ให้รายละเอียด ดังนั้น ตนไม่ได้เอาเงินของยุ้ยหรือหาประโยชน์ ส่วนเรื่องค่ารักษานั้นยุ้ยได้สิทธิพิเศษเพราะจากนี้จะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ รพ.สมเด็จเจ้าพระยา
ดูแลเรื่องงานของยุ้ยอย่างไร?
มาดามเกด: หากเป็นการเดินแบบน่าจะได้ แต่ถ้าเป็นละครคงไม่ไหว หากยุ้ยดีขึ้นอาจจะเปิดโรงเรียนสอนเดินแบบ เพราะด้วยศักยภาพและประสบการณ์ของเขาน่าจะทำได้ เพื่อให้ยุ้ยมีรายได้หาเลี้ยงตัวเอง ส่วนผู้จัดการส่วนตัวคนก่อนนั้นเขาก็พยายามติดต่อกลับมา แต่ยุ้ยไม่ได้อคติกับใคร ใครทำอะไรไว้ก็รู้เอง
