เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ศาลอาญาจังหวัดนนทบุรี เป็นวันพิพากษาในคดีการเสียชีวิตของ นางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา ที่ผลัดตกเรือเสียชีวิต ช่วงคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ปีที่ผ่านมา
ศาลจังหวัดนนทบุรี มีนัดฟังคำพิพากษา คดี แตงโมนิดา โดยมีจำเลยที่ 1-2 ได้มาตามนัดหมายศาล และมีคุณแม่ของแตงโม โดยคุณแม่แตงโม เผย หากศาลไม่สั่งลงโทษจำคุกหรือตัดสินรอลงอาญา ก็ดีต่อตัวจำเลย เพราะดูแลช่วยเหลือคุณแม่เสมอมา เยียวยาจ่ายตรงทุกต้นเดือน

โดยในวันนี้ ศาลมีการนัดนายตนุภัทร (ปอ) เลิศทวีวิทย์ และนายไพบูลย์ (โรเบิร์ต) ตรีกาญจนานันท์ จำเลยที่ 1 และ 2 มาทำการฟังคำพิพากษาหลังจากที่ทั้งสองคน ให้การรับสารภาพในชั้นตรวจสอบพยานหลักฐานเมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา

โดยในเวลา 8.40 ปอ และ โรเบิร์ต ได้เดินทางมาถึงศาลอาญา ประจำจังหวัดนนทบุรี ด้วยรถส่วนตัว โดยมีผู้สื่อข่าวได้รออยู่บริเวรหน้าศาล โดยโรเบิร์ตไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชนและขออนุญาตในการเดินทางขึ้นไปสู่ห้องพิจารณาคดี

ต่อมา เวลา 08.50  น. นายตนุภัทร หรือ ปอ ได้เดินทางมาถึงบริเวณศาลและมีสีหน้ายิ้มแย้ม โดยสื่อก็ได้ถามประเด็นเกี่ยวกับวันนี้ ซึ่ง ปอ ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า  ”ตนเองเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม 100 เปอร์เซ็นต์” ก่อนจะขอตัวเดินขึ้นสู่ห้องพิจารณาคดี

ไม่นานหลังจากนั้น  นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดา แตงโม พร้อม นายชัยวัฒน์ โลมากุล ที่ปรึกษากฎหมาย ได้เดินทางมาถึงศาลและได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ว่าในวันนี้ส่วนตัวไม่ได้มีการคาดหวังคำพิพากษาในทิศทางใดเพราะเชื่อว่าศาลจะมีดุลพินิจเป็นไปตามข้อเท็จจริง และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นหากศาลสั่งลงโทษจำเลย 1 และ 2 แต่ให้มีการรอลงอาญา เนื่องจากจำเลยทั้งสองคนได้รับสารภาพ และมีการชดใช้เยียวยาไปแล้ว ตัวคุณแม่ได้ตอบแบบนี้ว่า ” หากศาลมีคำพิพากษาเป็นไปตามนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีกับตัวจำเลยทั้งสอง เพราะทั้งสองคนหลังจากเกิดเรื่องได้มีการเข้ามาพูดคุย สำนึกผิดและชดใช้ดูแลตนเองมาโดยตลอด ซึ่งทั้งสองคนยังคงเยียวยาช่วยเหลือตนเองมาจนถึงปัจจุบันอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีการจ่ายเงินให้ตนเองทุกวันที่ 1 ของเดือนเป๊ะเสมอมา ”

12.30 น. ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 มีความผิดตามฟ้องมีคำพิพากษาตัดสินให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 5 ปี 8 เดือนปรับเป็นจำนวนเงิน 128,000 บาท แต่จำเลยมีเจตนาจ่ายค่าชดเชยเยียวยาบรรเทาโทษแก่ผู้เสียหายหรือโจทก์ร่วม จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งและมีเหตุอันควรปราณีพิพากษาให้จำคุกเหลือ 2 ปี 9 เดือนปรับเป็นเงิน 64,000 บาท และให้รอการลงโทษเป็นระยะเวลา 3 ปี และรายงานตัวบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมสาธารณะ

ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลมีคำพิพากษาตัดสินจำคุกเป็นเวลา 4 ปี 4 เดือนและให้ปรับ 108,000 บาทถ้วนแต่จำเลยที่ 2 มีเจตนาเยียวยาชดเชยค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจลดโทษให้กับจำเลยที่ 2 เป็นจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 2 เดือนปรับ 54,000 บาทถ้วน และให้รอการลงโทษเป็นระยะเวลา 3 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมและสาธารณะ

โดยคำตัดสินวันนี้ คุณแม่พอใจในคำตัดสินของศาล และเชื่อว่าคืนความเป็นธรรมให้กับลูกสาวได้แล้ว โดยจำเลยก็เชื่อในความยุติธรรมและยอมรับในความตัดสินของผู้พิพากษาเช่นเดียวกัน