เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ฮือฮาในไทยรัฐเมื่อ 6ปีที่แล้วเคยสร้างความฮือฮามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 6 ปีก่อนในคอลัมม์ซุบซิบไฮโซ “โสมชบา” หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ทายาทอสังหาริมทรัพย์ ณุศาศิริ เรียนเก่งโคตรจบปริญญาเกียรตินิยมอายุแค่18ปีเองกับ น้องบีท วิษณี เทพเจริญ วันนี้เธอก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูงสืบทอดทายาทแสนล้านจากคุณพ่อคุณแม่  คุณพ่อจะพูดเสมอเราเป็นพี่สาวคนโตหากอยู่ๆพ่อเป็นอะไรไปใครจะดูแลน้องๆใครจะสานต่อธุรกิจที่พ่อสร้างมาก็เป็นอีกแรงนึงที่ทำให้เราตั้งใจเรียนรู้งานค่ะบีทไม่ได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่านแต่การที่ท่านพูดแบบนั้นทำให้รู้ว่าท่านเป็นห่วงเรา บีทว่าการที่เราทำให้ พ่อ แม่ สบายใจก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ“โต มาในครอบครัวนักธุรกิจ คุณพ่อ ก็ จะสอนให้คิดนู่นนี่วิเคราะห์และเจรจามาตลอดตั้งแต่เด็กๆค่ะแต่บีทได้เริ่มเรียนรู้การทำงานจากคุณพ่อคุณแม่จริงๆก็ช่วงมหาวิทลัยค่ะต้องขอบคุณคุณแม่ค่ะ เพราะ ช่วงนั้นคุณแม่บอกบีทดื้อมาก!!คุณแม่เลยบังคับมาติดตัวท่านเป็นพิเศษแทบจะเรียกว่าตัวติดกันกับคุณแม่เลยค่ะตั้งแต่เรียนมหาลัยเวลาคุณแม่ทำงานหรือประชุมบีทจะอยู่ข้างๆตลอดก็เหมือนว่าบีทได้ศึกษางานและซึมซับงานไปในตัวแล้วบีทก็สนุกกับมันมากๆ การได้คิดและเห็นความสำเร็จของมันพอเรียนจบมาเลยไม่เหมือนคนเริ่มนับ1ใหม่เพราะ บีทสัมผัสงานมา3ปีแล้วเรียนเก่งเว่อ!! จบปริญญาตรีเกียรตินิยมตั้งแต่อายุ 18 ปี“ไม่ได้เก่งเลยค่ะคือบีทเป็นคน extreme เวลาทำอะไรก็ต้องให้สุดถ้าบีทคิดจะทำอะไร จะจริงจังและตั้งใจทุกอย่าง ถ้าคิดว่าจะไม่เต็มที่กับมันสู้ไม่ทำดีกว่าเสียเวลาอย่างเวลาเรียนบีทก็จะตั้งใจเรียนมากบีทเรียนที่เมืองไทยจนถึงชั้นม.1ที่โรงเรียนวัฒนา พอเรียนไปได้เทอมนึงช่วงปิดเทอมคุณพ่อก็พาไปเยี่ยมพี่ชายที่อังกฤษพอเราไปถึงอังกฤษก็ไปคุยกับHead masterที่โน้นทั้งๆที่พูดภาษอังกฤษไม่ได้หรอกค่ะปูๆปลาๆบอกกับHead Masterที่โน้นว่าอยากมาเรียนที่นี่จังเลยแต่คุณพ่อไม่อยากให้มาเรียนเพราะท่านเป็นห่วง อาจด้วยเพราะเราเป็นลูกสาว อยากให้เรามาเรียนตอนเรียนมหาวิทยาลัยเลยทีเดียวบีทก็คิดว่าแล้วไหนจะภาษาจีนอีกหล่ะมันสำคัญนะในโลกธุรกิจก็เลยบอกอาจารย์ไปว่าถ้ามาเรียนที่อังกฤษช่วยให้บีทขึ้น ม.2เลยได้มั๊ย จะได้มีอะไรไปต่อรองคุณพ่อ เข้าใจมั้ยว่าเวลาเรียนเปิดเทอมปิดเทอมเมืองนอกกับเมืองไทยเวลาจะไม่ตรงกันแล้วจะให้เรามาเริ่มเรียน ม1ใหม่ที่ประเทศอังกฤษเราก็รู้สึกเสียเวลาจึงเจรจากับทางโรงเรียนว่าถ้าเรามาเรียนให้เราขึ้น ม2เลยไหมแอบคิดในใจว่าแก่กว่าเราปีเดียวคงไม่เก่งไปกว่าเรามากหรอกแล้วก็เจรจากับทาง Head master ว่าถ้าเราเรียนไม่ได้ให้ปรับลดชั้นได้เลยซึ่งบีทก็กลับไปต่อรองทางคุณพ่อว่าประหยัดเวลาไปตั้งเยอะแต่ทางคุณพ่อก็โต้กลับถ้าได้ลดชั้นจะต้องกลับมาเมืองไทยทันทีทางโรงเรียนคงเห็นว่าเราแปลกดีมั้งก็เลยรับเราเข้าเรียน ม2 เทอม 2เลยนะเรียนแค่เทอมเดียวก็ขึ้น ม3 เลย ซึ่งมันเร็วขึ้นอีกจึงทำให้บีทเรียนไวกว่าคนอื่นๆบีทไม่ได้เก่งหรอกค่ะเพราะตั้งใจมากกว่าก็เรียนที่อังกฤษประมาณ 2ปีกว่าๆถ้าที่โน้นมันคือจบแค่ชั้น ม4 แล้วกลับมาสอบเทียบวุฒ ม6 ที่เมืองไทยจึงทำให้บีทเข้ามหาวิทยาลัยได้เร็วมากๆตอนนั้นจำได้ว่ายังไม่ทำบัตรประชาชนเลยค่ะต้องให้คุณพ่อคุณแม่ไปรับรองทีมหาวิทยาลัยด้วยพอมาเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองไทยมันก็ค่อมเทอมกันอีก จะรอเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐก็ต้องรอไปอีกครึ่งปี ก็เลยบอกกับทางครอบครัวเราว่า เข้าเรียนเลยแล้วกัน ซึ่งครอบครัว ก็เห็นด้วยว่าจะเรียนที่ไหนก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกันถ้าเราเป็นคนดีจึงเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพภาคอินเตอร์ สาขาการตลาด เรียน 3ปีก็จบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับสองตอนนั้นเป็นข่าวฮือฮามากลงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐคอลัมม์โสมชบาด้วยนักข่าวเขียนแซวคุณแม่นอกจากจะประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจแล้ว ยังมีลูกสาวเรียนเก่งจบปริญญาตั้งแต่อายุ 18 ปีเริ่มชีวิตทำงานในวัยรุ่น?พอเรียนจบตอนนั้นก็มาช่วยพ่อแม่ทำงานก็ได้เข้ามาทำงานที่ณุศาศิริ ตอนแรกๆก็เป็นผู้ช่วยคุณแม่บริหารงานพอทำงานได้สักพักก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่เซี่ยงไฮ้ประเทศจีนแล้วตอนนี้ก็กลับมาทำงานเต็มตัวค่ะหลายคนสงสัยว่าเราทำงานตั้งแต่เด็กชีวิตวัยรุ่นหายไปไหม?ไม่หายเลยเราใช้ชีวิตเป็นปรกติกินเที่ยวกับเพื่อนๆเหมือนที่บอกว่าบีทเป็นคนเต็มที่ค่ะเที่ยวปาร์ตี้ก็เต็มที่เช่นกันแต่เราได้มีโอกาสทำงานเร็วกว่าเห็นว่าเพิ่งไป take over คลินิกระดับ world class อย่าง DNA ?ตรงนี้ บีทไป take over มาคือเมื่อก่อนคุณแม่ไปใช้บริการที่นี่บ่อยๆเห็นว่าติดใจ แล้วก็สวยขึ้นเรื่อยๆเพราะคลินิกนี้ดีจริงๆคนระดับ world classมาใช้บริการไม่ว่าจะเป็นดารา เจ้าของธุรกิจยักใหญ่ใช้บริการที่นี่ทั้งนั้น เราก็ไปบ้างไม่ไปบ้างคือตามคุณแม่ไปนั่นแหละส่วนใหญ่เจ้าของ เป็นหมอเราจะสู้เค้าได้หรอ?บีทมองว่า บีททำอสังหาฯบีทก็ไม่ได้เป็นวิศวกรเช่นกันค่ะเราเป็นนักบริหารเราหาคนที่เชี่ยวชาญที่สุดในทุกด้านมาช่วยเราเพราะ เราไม่มีทางเก่งทุกเรื่องเช่นเดียวกันค่ะถึงบีทจะเป็นหมอ บีทก็คงไม่สามารถเก่งทุกด้านหรือทำให้ DNA perfect ได้ บีทมองว่าให้ผุ้เชี่ยวชาญเก่งๆดูแลแต่ละส่วนจะเหมาะสมกว่าบีทมองเห็นว่าธุรกิจตรงนี้ มี potential อย่างมาก และDNA, มีจุดแข็งเยอะ ที่ไม่ได้ถูกยกขึ้นมา สำหรับเมืองไทย DNA เป็นที่เดียวที่ได้ลิขสิทธิ์ร้อยไหมทอง, อีกทั้งยังมี สาขา ที่ ลอนดอน แมนแชสเตอร์ ปารีส ,เซนต์ ปีเตอร์เบิร์ก,ฮานอย,กัวลาลัมเปอร์, สิงคโปร์, จาการ์ต้า, ปักกิ่งจริงๆ ร้อยไหมทอง ก็ เห็นมี ทั่วๆไปส่วนที่อื่นที่เขาร้อยไหมทองคำเหมือนกัน เราคงไม่ขอพูดถึงนะคะ, แต่ยืนยันได้ว่า เราเป็นที่ เดียวที่ได้ ลิขสิทธิ์ อย่างถูกต้อง, และ มีหมอเพียง2 คนในโลกเท่านั้น ที่สามารถ เทรน และ ทำ technique ร้อยทอง ได้ดีที่สุด ย้ำว่า เป็นเทคนิคที่ดี และเห็นผลที่สุดนะคะ, คือ คุณหมอที่เราเอง เรื่องคุณภาพ สามารถ เช็ค reference ได้เลย, ระดับโลก อย่าง มาดอนน่า ก็เป็น แฟนคลับ คุณหมอ เช่นกันและเราก็กำลังขยายในเรื่องของการทำศัลยกรรม โดยทีมแพทย์ระดับศาสตราจารย์ ซึ่งเป็นระดับอาจารย์ที่สอนแพทย์ศัลยกรรมให้กับแพทย์ศัลยกรรมทั่วไปในเมืองไทย บอกเลยบีทไม่ชอบทำแบบธรรมดา บีทเป็นคนชัดเจน นโยบายคือต้องสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น ทำของไม่ดี ทำไม่เป็นจริงๆค่ะ หลอกใครไม่เป็น ยิ่งการเอาเปรียบ ลูกค้านี่ยิ่ง ไม่ทำเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเป็นธรรมดา ที่ราคาจะสูงกว่าคลินิกทั่วไป แต่ถ้าถามเรื่อง คุณภาพ มั่นใจได้เลยค่ะแผนกศัลยกรรม ของเราเน้น เรื่อง เป็น(Facial design expert) คือการปรับจัด โครงหน้า จาก โครงเดิมของ ลูกค้า ให้ perfect ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทำ Fat graft หรือ การ เสริมจมูก ที่ทีมแพทย์ของเราจะเชี่ยวชาญ การเปิดทั้งจมูกในการทำศัลยกรรม ไม่เหมือนที่อื่นๆทำศัลยกรรมโดยการสอดซิลิโคนในโพลงจมูกด้านเดียวปีนี้ ทาง DNA ก็ครบรอบ 8 ปี พอดีและจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ต้องบอกเลยว่า นอกจาก DNA เป็นแหล่งรวมคนมีชื่อเสียงของวงการเมืองไทย ยังเป็นที่โปรดปราน ของ สตรี หมายเลขต้นๆ ของประเทศเพื่อน บ้าน เรา อีกด้วย อย่างคุณติ๊งหน่องไฮโซอันดับหนึ่งประเทศลาว ,คุณลินดา สะใภ้นายกกัมพูชาเห็นว่าคุณแม่เคยประกวดนางงามและมีเพื่อนสนิทเป็นถึงซุปตาร์เมืองไทยใช่ค่ะเป็นการประกวดนางงามระดับจังหวัดทราบมาว่าคุณแม่ก็ไม่ได้ตั้งใจประกวดค่ะ เหมือนว่าคุณตาส่งชื่อไป ส่วนพี่มิน นี่เพื่อนสนิทค่ะ พี่มินเป็นเพื่อนที่น่ารักมาก เรานิสัย คล้ายๆ กัน ชอบทำงานเหมือนกัน เลยเข้ากันได้ค่ะเจอกันบ่อยมั้ยพักหลังไม่ค่อยได้เจอค่ะ, ยุ่งมากๆทั้งคู่ แต่ส่วนใหญ่ วันพิเศษ จะ spend time ด้วยกัน เช่น ปีใหม่ที่ผ่านมา ก็ไปฮ่องกงด้วยกันมาค่ะทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้ไม่เคยมีคนทาบทามเข้าวงการบันเทิงบ้างเหรอ?ถามว่าเคยมีคนถามมั้ย ก็เคยมีนะคะ ว่าทำไมเราไม่เป็นดารา เล่นละครเล่นหนังซึ่งบีทคิดว่า เราก็ไม่ได้สวยขนาดจะไปเป็นดารานะ แกล้งยอหรือเปล่า! ถึงเป็นก็คงจะไม่ดัง และอีกอย่างมันก็ไม่ใช่ตัวบีทค่ะ บีทว่าบีทชอบการเป็นนักธุรกิจมากกว่า งานบันเทิงคงยังไม่เหมาะกับเรา ขอเป็นผู้สนับสนุนดีกว่า ที่ผ่านมาเราก็เป็นสปอร์นเซอร์และผู้สนับสนุนให้รายการต่างๆ ทั้งรายการข่าว ละคร เกมโชว์ เวทีนางงาม เวทีคอนเสิร์ต มิตติ้งต่างๆอย่างล่าสุด เห็นคุณแม่ไปเป็นกรรมการตัดสินนางงามอยู่เหมือนทำงานหนักแบบนี้ ให้รางวัลอะไรกับตัวเองบ้างหรือเปล่า?บีทให้รางวัลกับตัวเองตลอด อยากเที่ยวไหนก็ไป อยากซื้ออะไรก็ซื้อ ผู้หญิงเนอะ มันก็คงไม่พ้นเรื่องความสวยความงาม กระเป๋ารองเท้า เที่ยวต่างประเทศ แต่บีทไม่ได้ช็อปบ้าคลั่งอะไรนะคะ ถึงเราจะมีกำลังซื้อ แต่บางทีก็รู้สึกว่าเอาไปทำบุญ ดีกว่า คือเราก็พอมีบ้างแล้วไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างก็ได้แต่คนอีกเยอะเลยที่ยังไม่รู้วันนี้จะมีอะไรกินบีทว่าเราโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาส ได้ทำความดีแบ่งปันผู้อื่นได้เป็นส่วนหนึ่งในการบำรุงศาสนานี่ก็ถือว่าเป็นรางวัลชีวิตสำหรับบีทเหมือนกันค่ะ

by TVPOOL ONLINE

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online