สำหรับดาราสาว”แพมแพม ดาราธิป” ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ล่าสุดในFacebookรายหนึ่ง ได้นำภาพชายที่ถูกทำร้ายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้พร้อมชี้แจงเรื่องราวรายละเอียดไว้ว่า…
“คนที่ถูกรุมทำร้ายคือเพื่อนผม บาดเจ็บสาหัสทางสมอง พูดจาวกวนไม่ปกติ เค้าและลูกเมียคือคนธรรมดาที่ไม่สามารถใช้อำนาจสื่อโต้ตอบคุณได้ การที่คุณแก้ตัวพูดจาเอาดีเข้าตัวเองฝ่ายเดียวสร้างเรื่องกลับตาลปัตรโดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสโต้ตอบไม่เป็นสิ่งสมควรเป็นอย่างยิ่ง
เค้าเดินไปขอความร่วมมือในการขับรถช้าๆในหมู่บ้านหลังจากที่นิติบุคคลและรปภขอร้องแล้วหลายครั้งคือการไปหาเรื่องพวกคุณ?
เค้าถูกรุมทำร้ายจากพวกคุณที่หน้าบ้านเค้าเองที่คุณไม่พอใจการขอความร่วมมือ(ทำไม?) นี่คือการหาที่เค้าไปหาเรื่องพวกคุณ? พ่อคุณและน้องชายและเพื่อนตามมาจอดรถขวางถนนเบิ้ลเครื่องเสียงดังที่หน้าบ้านเค้า(ก่อนจะรุมทำร้าย)เพราะอะไร?(ใครข่มใคร?)
คุณคิดว่าน้องชายตัวเล็กๆของคุณสามารถทำร้ายใครจนบาดเจ็บสาหัสสมองบวมได้ด้วยตัวคนเดียว? ในขณะที่พ่อคุณและเพื่อนๆห้ามปราม
(ถามอาแปะข้างบ้านที่เข้ามาห้ามแล้วโดนลูกหลงไหม?) เหลือเชื่อไปไหม?(มีชาวบ้านออกมาพูดแล้วว่า3รุม1จริง)
หลังจากเกิดเหตุการณ์รุมทำร้ายร่างกาย การขอความคุ้มครองจากรปภส่วนตัว เพราะไม่มีการหยุดข่มขู่ จากการเบิ้ลรถการขับรถวนเวียนไปมา ของพวกคุณ(ไม่เชื่อถามคนในซอย)ที่คุณยังอ้างต่อตำรวจว่ามาหัดขับรถ(คิดได้นะ) นี่คือการเบ่งจากฝ่ายผู้เสียหาย? ทำไมไม่คิดว่าเกิดจากการขับรถคุกคามคนอื่นของพวกคุณ? มีรปภส่วนตัวท่านไหนสร้างความเดือดร้อนให้ใครนอกจากกลุ่มคนที่ไม่ได้ซิ่งรถในหมู่บ้าน?
เรื่องนี้ถึงโรงพักต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ผู้เสียหายยังไม่คิดติดใจแจ้งความเพราะให้อภัยกับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้วคงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีปัญหากับพวกคุณต่อไปในขณะที่เค้าบาดเจ็บและลูกเมียขวัญผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกคุณขอโทษขอโพยสำนึกผิดต่อหน้าตำรวจ แต่เหตุการณ์ในเรื่องที่คุณเดินสายเล่าออกสื่อกลับต่างกับเรื่องจริงโดยสิ้นเชิง
ถึงตอนนี้แล้ว คำขอโทษอย่างจริงใจต่อหน้าครอบครัวเขา โดยเฉพาะลูกชายเล็กๆที่ยืนดูพวกคุณรุมทำร้ายพ่อเค้าจนกลัวฉี่ราด น่าจะเป็นสิ่งที่ควรกระทำมากการพยายามบิดเบือนความจริงต่อสังคมเพื่อหน้าที่การงาน
เพื่อนผมยังคงเห็นว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เค้าเจ็บตัวแต่เพียงผู้เดียวยังดีกว่าการมีเด็กๆในหมู่บ้านต้องสูญเสียรุนแรงกว่านี้จากการขับรถของครอบครัวคุณ แต่ส่วนตัวผมยังเล็งเห็นว่าคุณไม่มีความสำนึก ถ้าคุณยังแถหลอกลวงตัวเองว่าคุณเป็นฝ่ายถูกต้อว และดำเนินวิธีการขับรถแบบไร้สามัญสำนึกต่อไปเพราะคิดว่าพวกคุณมีทั้งสื่อและอิทธิพลจากคนใกล้ตัวคุณ ซักวันการสูญเสียมากกว่านี้จะต้องเกิดขึ้น ดูเพิ่มเติม”
งานนี้ดูท่าทางไม่จบลงง่ายแน่ๆๆ เพราะต่างออกมาพูดคนเป็นหนังคนละม้วน
