เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ก้าวสู่ปีที่ 35 “ชลาชล (Chalachol)” พร้อมยกระดับมาตรฐานที่ยั่งยืน! ภายใต้การนำของผู้บริหารรุ่นใหม่ “คุณต้า” และ “คุณแตงโม” ลูกไม้ใกล้ต้นของ “ดร.สมศักดิ์”

 

หากจะกล่าวถึงร้านเสริมสวยระดับไฮเอนด์ ที่มีทั้งชื่อเสียง การบริการ และมาตรฐานที่เยี่ยมยอดเสมอมา แน่นอนว่าในลิสต์ลำดับต้นๆ ต้องมีชื่อของ “ชลาชล (Chalachol)” ภายใต้การดูแลของ “ดร. สมศักดิ์ ชลาชล” ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมที่ทุกคนต่างก็ยอมรับในความสามารถ และการบริหารงานต่างๆ ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน จากหนึ่งสาขาที่ทองหล่อ “ชลาชล” สามารถขยายสาขาไปได้กว้างขวางกับปัจจุบันที่มี 9 สาขา สร้างมาตรฐานร้านเสริมสวยที่ตรึงใจลูกค้า ผ่านการบริการความงามด้วยใจ “ให้มีมาตรฐาน ต้นน้ำจรดปลายน้ำ” และสร้างแรงบันดาลใจให้ช่างทำผมมากมาย ซึ่งเป็นความสำเร็จตลอด 35 ปีของ “ชลาชล” และ “ดร.สมศักดิ์”

 

และในวันนี้กับยุคที่ทุกอย่างหมุนไวและเติบโตขึ้น การปรับตัวและการผลัดเปลี่ยนการบริหารงานจากรุ่นสู่รุ่นของ “ชลาชล กรุ๊ป” กำลังเป็นที่จับตามอง โดย “ดร.สมศักดิ์” ได้ส่งต่อให้ลูกไม้ใกล้ต้นอย่าง “คุณต้า กิตติณัฏฐ ชลาชล” ในตำแหน่ง Managing Director (MD) และ “คุณแตงโม-ปิยาณี ชลาชล” ในตำแหน่ง Head of Manager (HOM) นิวเจเนเรชั่นใหม่ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของท่าน ที่มาพร้อมแนวคิด และภารกิจหลักที่ต้องการเปลี่ยนแปลงธุรกิจซาลอนให้อยู่อย่างยั่งยืน การปรับตัว และขยายธุรกิจให้เหมาะกับยุคสมัยมากขึ้น วันนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับทั้ง 2 ท่านก็เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่มีความมุ่งมั่นที่จะสานต่องานของ “ดร.สมศักดิ์” อย่างจริงจังและจริงใจ

          โดย “คุณต้า” ที่เข้ามารับช่วงบริหารงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid19 ปี 2021 ได้กล่าวถึงงานบริหารที่เต็มไปด้วยความลำบากจากสถานการณ์รอบด้านไว้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว

 

 

“ผมเริ่มมาดูในเรื่องของตัวโครงสร้างของบริษัท โครงสร้างการทำงานทุกฝ่าย ทั้งในตัวของออฟฟิศ และหน้าร้าน

เหมือนเป็นการมาดูจุดเริ่มต้นจริงๆ สิ่งที่ธุรกิจจะแข็งแรงก็ต้องดูที่รากฐานของมัน และเรื่องของเงิน ส่วนการสร้างภาพลักษณ์ พีอาร์ และมาร์เกตติ้งต่างๆ เราก็ยังทำควบคู่กันไป ตอนช่วงโควิดเราต้องเอาตัวรอดก่อนทุกวิถีทาง หลักๆ ก็เรื่องของ Cash flow (กระแสเงินสด) ผมบริหารเรื่องงบ กำไร ขาดทุน มาดูมาแก้ไขเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เรื่องต้นทุนของสถานที่ ค่าเช่า พนักงาน สิ่งที่เป็นรายจ่ายต่างๆ นานา ตอนนี้บริษัทเราต้องการความลีน อะไรที่มันไม่จำเป็นตอนนี้เราพยายามลดทอน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวครับ

 

แล้วก็มีในส่วนเรื่องของตัวพนักงานด้วย เพราะมันมีผลกระทบกันหมด ในบางสาขาเราก็ต้องปิดตัวลงไป เพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ คราวนี้หลังจากตรงนั้นมันเริ่มฟื้นขึ้นในปีนี้ ผมมองว่าผมเองเราได้ประสบการณ์จากที่ผ่านมา คือเรื่องคนกับเรื่องเงิน เพราะเราเป็นธุรกิจบริการ คนสำคัญมากๆ ผมก็เลยกลับมาดูพื้นฐานตรงนี้ใหม่ทั้งหมดครับ และการบริหารงานตอนนี้ค่อนข้างตรงและเร็วกว่าเดิม มันจะปรับเปลี่ยนสถานการณ์ได้เร็วขึ้น มันจะไม่ช้า คือไม่ใช่ว่าระบบเก่าจะไม่ดีนะครับ แต่ว่าอาจจะเหมาะกับช่วงเวลานั้น แต่ช่วงเวลานี้ก็จะทำให้มันคล่องตัวมากขึ้นครับ”

การเข้ามารับงานต่อจาก “ดร.สมศักดิ์”

“ผมเริ่มเข้ามาทำงานในช่วงปี 2021 ตอนนี้ก็ 2 ปีกว่าๆ ครับ ตรงนี้นอกจากปรับโครงสร้างแล้ว ก็จะมีปรับมาตรฐานบริการใหม่ คือของเดิมมันมีพื้นฐานที่ “คุณน้าดร.สมศักดิ์” ได้วางไว้ แต่ว่าในปีนี้เอามารีใหม่ด้วยการใส่ในสิ่งที่มันเข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น เข้ากับสถานการณ์มากขึ้น นอกจากเรื่องของ Service Step ก็จะมีเรื่องของ Product ด้วย”

มาตรฐานบริการของ “ชลาชล” ดีอยู่แล้ว เราต้องปรับส่วนไหน

“มันจะเป็นการปรับเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ หมายถึงโลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปเร็ว อาจจะมีอะไรใหม่ๆ เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Product สินค้า เรื่องเครื่องมือ เราต้องการให้ลูกค้าได้พบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย เช่น ชลาชลจะมีการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ ไลน์สินค้าใหม่ แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ครับ แต่จะมีออกมา จากตอนแรกมีแค่แชมพู ครีมนวด ตอนนี้ก็จะมีเพิ่มอีกกับพาร์ทเนอร์ของเรา พยายามหาผลิตภัณฑ์ที่มันอัพเดทจากพาร์ทเนอร์ทุกเดือน มีอะไรใหม่เข้ามาก็จะเอามาใช้ เพราะตอนนี้พาร์ทเนอร์เองเค้าก็มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตลอด”

ในส่วนของการบริการเห็นว่ามีการปรับและอัพสกิลทักษะช่างอยู่เสมอๆ

“ใช่ครับ ตอนนี้ก็ต้องมีการอัพสกิลการให้บริการ ในตอนนี้ก็ปรับใหม่ เราต้องการสร้างชลาชลให้เป็น Premium Salon คงรักษามาตรฐานต่อไปว่าเราต้องทำอย่างไร เพราะฉะนั้นเรื่องคนจึงเป็นหัวใจสำคัญ เรามีการวางโครงสร้างในการคัดช่างเข้ามาใหม่ คุณจะเก่งมาจากไหน แต่เข้ามาก็ต้องผ่านการทดสอบคณะกรรมการของชลาชล เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกสาขา เพราะจุดที่มีปัญหามากในเรื่องงานบริการจะเป็นเรื่องมาตรฐาน เพราะยิ่งสาขาหนึ่ง สาขาสองไม่เท่าไหร่ แต่พอสาขามันเยอะขึ้นมาตรฐานมันอาจจะตกลง บวกกับโควิดที่สภาพจิตใจที่ต้องสู้กันมาก็ต้องเข้ามาเยียวยากันใหม่ ตอนนี้เรามี 9 สาขา ส่วนช่างเก่าเราจะเรียกมาทุกไตรมาส ให้คุณเก็บชั่วโมงบิน เพราะเดี๋ยวนี้ความรู้มันมีมาใหม่เรื่อยๆ มีไปเทคคอร์สต่างประเทศบ้าง เมื่อก่อนจะเป็น “ดร.สมศักดิ์” เข้าไปดู แต่ปัจจุบันจะเป็น “คุณแตง” ก็จะเป็นอาจารย์ใหญ่ของ “ชลาชล อคาเดมี่ (Chalachol Academy)” เพราะฉะนั้นตรงนี้เค้าจะไปเก็บองค์ความรู้ตรงนี้มา อคาเดมี่ของเรานอกจากสอนนักเรียนแล้ว ก็เป็นที่ที่ให้อัพสกิลของพนักงานของช่างเก่าๆ แต่ว่าก็มีร่วมกับพาร์ทเนอร์ด้วยนะครับ เพราะโดยส่วนใหญ่เทคนิคจะควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ใหม่ พนักงานก็ต้องไปเก็บชั่วโมงบินมาก็จะมีสมุดบันทึกไว้ครับ”

จากวิศวกรสู่ผู้บริหารแรงบันดาลใจในการทำงานของ “คุณต้า” คืออะไร

“แรงบันดาลใจของผมง่ายมากเลยครับ นามสกุล “ชลาชล” ของเรา และแน่นอนคุณน้าของผม “ดร.สมศักดิ์ ชลาชล” เพราะว่าที่ผ่านมาตอนเด็กๆ เราเห็นท่านมาตลอด ตอนนั้นเราเด็กเราก็จะฟิลแบบทำไมน้าเราเก่งจัง เค้าทำอะไร เป็นไอดอลเรามาก แต่เราไม่รู้หรอกว่าเค้าทำได้อย่างไร จนโตมาไปเรียนมหาวิทยาลัย คุณน้าเค้าก็มีการพูดคุยกับผมว่าทำไมไม่กลับมามาช่วยธุรกิจครอบครัว จุดนั้นแน่นอนความเป็น “ชลาชล” เราเริ่มโตรู้สึกว่านามสกุลเรา ตระกูลของเราถ้าเกิดว่าคุณน้าเค้าเกษียณตัวเองไป แล้วใครล่ะจะมารับช่วงต่อ นามสกุลเราต้องจบแค่นี้เหรอ ผมรู้สึกว่าถ้าเป็นแบบนั้นมันคงไม่ดีมั้ง ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจขับเคลื่อนให้ผมเข้ามาตรงนี้ครับ”

แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่และความเป็นครอบครัวที่แน่นแฟ้นทำให้ “คุณต้า” มุ่งมั่นที่จะสานต่องานตรงนี้อย่างแข็งขัน และสุดท้ายเจ้าตัวก็ขอฝากสารไปถึงลูกค้าที่สนับสนุน “ชลาชล” อย่างดีเสมอมา

“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณลูกค้าที่สนับสนุนเรามาตั้งแต่คุณน้า จนมาถึงยุคนี้ก็ยังใช้บริการอยู่ แล้วไม่ใช่แค่ตัวเอง ยังมีรุ่นเจนใหม่ รุ่นลูกรุ่นหลานของลูกค้าเข้ามาใช้บริการด้วยก็ต้องขอบคุณมากๆ ครับ แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวในวงการนี้ด้วยเหมือนกันครับ ตอนนี้อาจจะไม่ใช่ ดร.สมศักดิ์บริหารโดยตรงแล้ว แต่ท่านยังเป็นที่ปรึกษาให้ผมอยู่นะครับ ผมเองก็มีความตั้งใจ ขอฝากทั้งลูกค้าและคนในวงการธุรกิจนี้ด้วยครับ”

          นอกจากจะได้พูดคุยถึงวิสัยทัศน์การบริหาร “ชลาชล” ในยุคใหม่นี้จาก “คุณต้า” แล้ว วันนี้เรายังได้อีโอกาสพูดคุยกับอีกหนึ่งบุคคลสำคัญของ “ชลาชล” เจนใหม่นี้อย่าง “คุณแตงโม-ปิยาณี ชลาชล” Head of Manager (HOM) ด้วย ว่ากันว่าเธอคนนี้ “ดร.สมศักดิ์” ให้เป็นตัวแทนด้านช่างของตัวเองเลยทีเดียว

“แตงเกิดและโตมากับชลาชล เพราะ “คุณอา ดร.สมศักดิ์” เป็นคนเลี้ยง อยู่กับคุณอามาตั้งแต่ร้านเปิดที่ทองหล่อ สาขาแรกเลย ก็ตั้งแต่เด็กค่ะ ทำทุกตำแหน่ง งานแรกคือเช็ดกระจก เสิร์ฟน้ำ กวาดร้าน เปิดร้าน ปิดร้าน ทุกอย่างเลยค่ะ แตงชอบเรียนคหกรรมนะคะ คุณอาส่งเรียน เสาร์-อาทิตย์ จะต้องเรียนทำผม ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน ในตอนนั้นก็เป็นยุคที่รุ่งเรืองของชลาชลเลยค่ะ ลูกค้าเยอะมาก ในถนนทองหล่อที่มีแต่ร้านทำผม และชุดแต่งงาน แต่ร้านเราคือลูกค้าแน่นตลอด คุณอาก็จะสอน เอาความรู้และเทรนด์ต่างๆ ที่ไปเมืองนอกกลับมาสอนพนักงานต่อ แตงก็ซึมซับไปเรื่อยๆ จนคุณอาให้เรียนทำผม ก็ช่วงอายุ 15 ปีค่ะ ปิดเทอมก็ออกไปช่วยสาขาต่างๆ ตอนนั้นมี 20 สาขาเลยค่ะ ตอนนี้เหลือ 9 สาขา ที่ต่างจังหวัดยกเลิกไป เพราะเราคุมมาตรฐานค่อนข้างยากค่ะ”

จากการค่อยๆ ซึมซับแปรเปลี่ยนมาเป็นความชอบและความสนุก

“มีงานหนึ่งแตงชอบมาก เป็นงานผสมสี ทำสีผม มันสนุกก็เกิดจากการที่ไปเทรนกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เราก็เรียนรู้ พอชอบแตงก็ไปทางนี้เลยค่ะ เรื่องสีผม มันก็เลยซึมซับเข้าไปในตัวเราแบบไม่รู้ตัว และได้รับการสนับสนุนจากคุณอา ก็มอบอุปกรณ์ทำผมมาเซตนึง ให้เอาไปทำและไปเรียน จนมาทุกวันนี้ แตงได้เรียนรู้จากการเป็นช่าง แตงถือเป็นหลานคนเดียวที่ได้จับกรรไกร และได้รับถ่ายทอด DNA เรื่องนี้มาเต็มๆ เพราะพี่ๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ก็จะไปทางบริหารกันหมด มีแตงที่ตัดผม เรียนเสริมสวย เป็นงานที่เหนื่อย แต่มันภูมิใจนะคะ เราทำให้ลูกค้ามีความสุข อีกสิ่งที่แตงภูมิใจคือ เราไปทำผมให้คนที่ป่วยที่คุณอาทำโครงการคืนสังคมต่างๆ อย่างน้อยความสุขเล็กๆ ตรงนั้นทำให้เรามีพลังในการทำงานค่ะ”

“คุณแตง” โดนวางตัวเป็นอาจารย์ใหญ่ของ Chalachol Academy

“คือวันหนึ่งโรงเรียนเปิดได้ประมาณ 5-6 ปี ครูวันเพ็ญที่เป็นอาจารย์ใหญ่เกษียณค่ะ ท่านเป็นคุณครูสอนทำผมของคุณอาจากเกตุวดี แตงก็เลยได้รับเลือกให้มาช่วยดูแลตรงนี้ เพราะจากประสบการณ์ที่เราลงมือทำ การได้ไปเรียนรู้ต่างๆ คุณอาก็บอกเธอรู้ไหมเธอคือ Silhouette ของฉันเลยนะ (หัวเราะ) ตอนเป็นลูกมือแกเราต้องทันนะว่าแกจะหยิบจับอะไรในขั้นตอนต่อไป เราได้วิชาจากท่านมาค่อนข้างเยอะเลย”

พูดถึงในแง่การบริหารโรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง

“ตอนนี้แตงห่วงเรื่องคุณวุฒิและวัยวุฒิ ตอนนี้แตงก็ไปเรียนบริหารที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงค่ะ ส่วนเรื่องประสบการณ์แตงมั่นใจพอตัวนะ (หัวเราะ) แตงทำได้ เพราะเราอยู่กับตรงนี้มาพอสมควร ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ที่ดูเด็ก เราก็เอาตัวผลงานที่ผ่านมาเป็นตัวพิสูจน์ค่ะ อย่างเคยมีครั้งหนึ่งแตงไปแข่งแล้วเราได้รางวัล แตงชนะได้ตำแหน่ง New Comer มา จำได้ว่าตอนรับรางวัลพอมีคนเห็นนามสกุลกับร้านที่ส่งก็มีคนพูดว่าเส้นแน่เลย แตงก็ไม่ได้รู้สึกอะไรก็แล้วแต่คนจะมองเราไปห้ามความคิดใครไม่ได้ แต่ถ้ามาดูที่ผลงานก็น่าจะรู้ว่าเราก็ทำเต็มที่”

วิธีบริหารงานแบบ “คุณแตง” เป็นแบบไหน

“ประสบการณ์ที่แตงมีอยู่ในตัวเราคือต้องรู้เท่าทันช่างค่ะ เราต้องบริหารคน การบริหารของเรามันมีอิโมชั่น มันมีอารณ์ สินค้าเรามีอารมณ์ ถ้าเค้าอารมณ์ดีเค้าก็ทำให้เราได้ดี แต่ถ้าไม่ได้ล่ะ เราก็ต้องโดดลงไปทำเอง บางอย่างใช้คำสั่งไม่ได้ เราต้องทำให้เค้าดู ทำให้ลูกน้องเห็น แล้วก็ทำผลงานของเราให้เป็นที่ยอมรับ เป็นหัวหน้าเราต้องทำให้ลูกน้องเห็น เพราะแตงเองก็ทำได้ทุกตำแหน่งเช่นกันค่ะ”

การเข้าถึงงานบริหารที่เป็นรากฐาน ประกอบกับความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจที่เต็มเปี่ยมของ “คุณต้า” และ “คุณแตงโม” ในวันนี้เชื่อได้เลยว่า “ชลาชล” ภายใต้การบริหารงานของรุ่นที่สองนี้จะพาไปสู่เป้าหมายและยกระดับมาตรฐานที่ยั่งยืนอย่างที่ตั้งเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

 

 

 

 

by TVPOOL ONLINE